เวอเรียนโดนจูบจนหอบ เมื่อเธอตั้งสติได้ เธอจ้องมองเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ "คุณได้ยินที่ฉันพูดเมื่อกี้หรือเปล่าคะ?"
เขาจ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาที่เหมือนไม่รู้ว่าเธอได้พูดอะไรก่อนหน้านี้
"คุณพูดว่าอะไร?"
"ฉัน..."
ที่เธอสารภาพว่าเธอชอบเขา เขาได้ยินหรือไม่นะ?
เธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา และในตอนนี้เธอเองก็ไม่มีความกล้าเลยที่จะพูดประโยคนั้นอีกครั้ง จิตวิญญาณความกล้าหาญของเธอจางหายไปครึ่งหนึ่งแล้วเธอก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะสารภาพกับเขาแล้ว "ไม่มีอะไรค่ะ"
เป็นความจริงที่ว่าตอนนี้เธอชอบเขา แต่เธอยังไม่ได้รักเขา ดังนั้นมันจึงไม่สำคัญที่จะต้องบอกเขาอีกครั้ง
เธอได้หดตัวและขยับไปข้าง ๆ เธอเพียงแค่ต้องการนอนหลับ โดยคิดไม่ถึงว่าจะมีเสียงของเขาที่ไม่จากด้านหลังของเธอ "ก็แค่เธอชอบฉัน ทำไมเธอไม่กล้ายอมรับมันล่ะ?"
น้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติของเขา ฟังดูสบายๆ โดยไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดอะไร สิ่งนี้ทำให้ เวอเรียน รู้สึกเหมือนว่าเธอได้ขุดหลุมฝังตัวเอง เห็นได้ชัดว่าเขาได้ยินทุกคำพูดของเธอ แต่เขาแกล้งทำเป็นหลับ!
เธอกลายเป็นแค่สาวน้อยขี้อายไปแล้ว
ฮีลตัน ถามตรงมากเกินไป เขายังคิดว่าเธอเป็นเด็กสาวอยู่ใช่หรือไม่?
ฮีลตันยกแขนขึ้นเพื่อโอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา และพูดด้วยเสียงเรียบ "นอนได้แล้ว"
"... "
เขาทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้จริง ๆ!
นี้มันคือคำสารภาพรักเลยนะ! ไม่ว่าเขาจะชอบหรือไม่ชอบเธอ เขาก็ควรตอบกลับเธอบ้าง เพื่อแสดงว่าเขาได้คิดอย่างไรกับเธอบ้าง?
เวอเรียน รู้สึกไม่มีความสุข และตกอยู่ในวังวลความคิดนี้อยู่ชั่วขณะ และในที่สุดเธอก็หลับไปในอ้อมแขนของ ฮีลตัน ด้วยความคิดที่เลือนลาง
...
หลังจากพักผ่อนมาทั้งวันในคลินิกบนภูเขาร่างกายของเวอเรียนก็ดีขึ้นมากทั้งร่างกายและจิตใจ
เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าส่วน ฮีลตัน เองก็กำลังเก็บสัมภาระ และพูดเบา ๆ ว่า "เราจะไปทานอาหารที่ร้านใกล้ ๆ กันก่อนออกเดินทาง"
เธอแปลกใจเล็กน้อย “ที่นี่มีร้านอาหารด้วยเหรอคะ?”
ภายในร้านบะหมี่ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนในชั่วโมงอาหารกลางวันซึ่งที่นั่งนั่นได้เต็มหมดแล้ว สภาพแวดล้อม และสุขอนามัยก็ดูไม่ค่อยดีเท่าที่ควร
เวอเรียน ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย บ่อยครั้งเธอมักจะทานอาหารในร้านอาหารเล็ก ๆ แบบนี้ แต่กับฮีลตัน เขาคงจะปรับตัวเข้ากับมันไม่ได้ เขาต้องมาลำบากเพื่อช่วยเธอไว้ เมื่อเธอคิดว่าเขามีบุญคุณต่อเธอ เธอเองก็ไม่อาจทนเห็นเขาได้รับ 'ความทุกข์ยาก' เช่นนี้ได้ เธอจึงเอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อของเขาเล็กน้อยพร้อมพูดกับเขาว่า "ถ้าคุณไม่ชอบร้านนี้เราลองไปดูร้านอื่นก็ได้นะคะ"
ทันทีที่เธอพูดจบ ท้องของเธอก็ส่งเสียงประท้วงอย่างไม่รักษาหน้าของตัวเองเลย
เวอเรียน ลูบท้องที่แบนราบของตัวเองอย่างช้า ๆ ฮีลตัน มองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน ก่อนที่เขาจะพูดว่า "เรากินได้แค่ที่ร้านนี้ แต่มันไม่มีที่นั่งแล้ว เธอออกไปข้างนอกเพื่อหาที่นั่งที่สะอาดพอจะนั่งได้ก่อนแล้วกัน ฉันจะไปซื้อบะหมี่ให้"
ห้านาทีต่อมา ฮีลตัน ออกมาพร้อมกับบะหมี่เนื้อสองชาม และเดินมาหาเวอเรียนที่นั่งอยู่บนบันไดข้าง ๆ ร้านบะหมี่นั้นเอง
เวอเรียน ถือชามบะหมี่ขนาดใหญ่ และคนบะหมี่ให้เข้ากันด้วยตะเกียบ มีบะหมี่เพียงเล็กน้อย เธอขมวดคิ้ว และอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้ "ชามก็ตั้งใหญ่ แต่มีน้ำซุป แต่เส้นบะหมี่มีนิดเดียวเอง"
ชามบะหมี่ใหญ่กว่าหน้าของเธอมาก บะหมี่ข้างในเพียงพอที่จะทำให้เธออิ่มได้แต่ ฮีลตัน ที่เป็นผู้ชายดังนั้นเห็นได้ชัดว่าบะหมี่ชามนี้คงไม่เพียงพอสำหรับเขาอย่างแน่นอน
เวอเรียน คิดว่าตัวเธอเองอาจจะไม่สามารถเดินบนภูเขาอันกว้างใหญ่ขนาดนี้ได้ด้วยตัวเป็นแน่ เธออาจจะต้องรบกวนเขาให้แบกเธอไว้ด้านหลัง ดังนั้นเธอจึงใช้ตะเกียบคีบบะหมี่จำนวนมากลงในชามของ ฮีลตัน
"ฉันกินไม่หมดหรอก คุณก็กินเยอะ ๆ หน่อยเถอะคะ"
เขายกริมฝีปากขึ้นและมองเธอ เขารู้สึกตลกในคำพูดของเธอ “เมื่อกี้เธอบ่นว่ามีบะหมี่น้อยเกินไป แล้วตอนนี้ก็มาบอกว่าเธอกินไม่หมดได้เหรอ?”
“คุณคงต้องแบกฉันไว้ที่หลัง ถ้าคุณไม่กินมากกว่านี้เราจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไรกันคะ?”
รอยยิ้มในดวงตาของ ฮีลตัน ลึกขึ้น “คุณมอนท์ ผมได้บอกไว้เหรอว่าจะแบกคุณ ผมบอกตอนไหนกัน?”
ดวงตากลมโตของ เวอเรียน ขยับตามที่เธอคิดและเธอก็ส่งเนื้อวัวจากชามของเธอให้เขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “เมื่อคืนนี้ค่ะ คุณพูดแบบนั้นในความฝันของฉันค่ะ”
"นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันรู้ว่าฉันพูดในความฝันได้ด้วย"
ขณะที่เวอเรียน กำลังคีบอาหารลงในชามของเขา ฮีลตัน ก็ได้ขมวดคิ้วและเรียกเธอทันที “คุณมอนท์”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน