ณ ประเทศเอ็มที่เมืองเฟรม
พวกเขาอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเดรค
"เธอเป็นอย่างไรบ้าง?"
“นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง แม้ว่าปริมาณยาในร่างกายของเธอจะแรงมาก แต่การฉีดน้ำเกลือจะช่วยเจือจางมัน เธอจะฟื้นขึ้นมาในอีกไม่ช้า”
เดรคพยักหน้าเมื่อได้ยินสิ่งที่หมอพูด เขานั่งลงข้างเตียงและขมวดคิ้ว ในขณะที่มองไปที่หญิงสาวที่หมดสติอยู่ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
ป้าโบวี่ หญิงสาวรับใช้เคาะประตู แล้วเดินเข้ามาเงียบ ๆ หลังจากที่หมอออกไป
“นายท่านคะ ข้าวต้มพร้อมแล้วค่ะ”
สายตาของเดรคจ้องมองไปที่ใบหน้าของรูบี้ และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า "ทำให้มันอุ่นไว้"
"ได้เลยค่ะ"
เธอดูไม่มีทางสู้และอ่อนแอเมื่อเธอหลับ เขาต้องการที่จะปกป้องเธอ
เดรคยกมือขึ้นเพื่อปัดผมที่ร่วงลงมาบนหน้าผากของเธอไปข้างหลังใบหูของเธอ
เขานึกถึงความทรงจำเมื่อ 18 ปีก่อน ตอนนั้นเธอยังเด็กอยู่ เนื่องด้วยเป็นคนที่ดื้อรั้นและไม่ค่อยพูดจา เธอจึงมักถูกรังแกโดยเด็กเกเรที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
เธอเป็นคนหัวแข็งมาก แม้ว่าเด็กคนอื่นจะแย่งอาหารของเธอไป เธอก็ไม่เคยยอมแพ้และขอโทษ เธอมักจะทะเลาะกับเด็กคนอื่นดังนั้นเธอจึงมักได้อดอาหาร
เขาแก่กว่าเธอสามปี ตอนนั้นพวกเขาเป็นคนประเภทเดียวกัน พวกเขาชอบอยู่ห่างจากผู้คน และเคยชินกับการหมางเมิน
เขาขโมยซาลาเปาจากห้องครัวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และทำให้พวกมันอุ่นในอ้อมแขนของเขา หน้าอกของเขาร้อนแต่เขาทนความเจ็บปวดเพียงเพื่อให้แน่ใจว่าซาลาเปาของเธออุ่นพอ
เธอไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน ดังนั้นเธอจึงกินซาลาเปาอย่างมูมมาม เธอสำลักอาหารของเธอ และหน้าของเธอแดง แต่เธอยังคงยัดซาลาเปาเข้าไปในปากเพราะเธอหิวเกินไป
ยาคอฟคิดว่าพวกเขาจะปกป้อง และให้ความอบอุ่นแก่เธอตลอดไป
แต่ตระกูลเดรคเจอเขาและพาเขาไป เขาขอร้องปู่ของเขาให้พารูเบสไปด้วย แต่ผู้นำที่เข้มงวดของตระกูลเดรคไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงสั่งให้คนของเขาอุ้มยาคอฟเข้าไปในรถ และขับออกจากสถานรับเลี้บงเด็กกำพร้า
วันนั้นเขานั่งบนเบาะอุ่นของรถหรู แล้วหันกลับไปมองที่เธอ เด็กหญิงตัวน้อยวิ่งไล่ตามรถไปเรื่อย ๆ และเธอก็ค่อย ๆ หายไปจากสายตาของเขา
ในปีที่สองหลังจากที่เขาเริ่มอาศัยอยู่กับตระกูลเดรค เขาเรียนอย่างหนักเพื่อเตรียมพร้อมที่จะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเดรค นอกจากนี้เขายังอยากให้ปู่ของเขาพารูเบสมาที่ครอบครัวเดรคด้วย
เมื่อปู่ของเขาตกลงที่จะรับเลี้ยงรูเบส และพวกเขากลับไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอก็รับอุปการะจากครอบครัวอื่นไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ครอบครัวที่รับเลี้ยงเธอเป็นคนลึกลับอย่างมาก แม่ชี และผู้อำนวยการสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยตัวตนของครอบครัวที่รับรูเบสไปเลี้ยง
ยาคอฟไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะถูกรับเลี้ยงโดยคนจากองค์กรไลท์ เพียงเพราะเขามาช้าไปนิดเดียว
เธอต้องทนทุกข์ทรมานกับการใช้ชีวิตบนเส้นด้ายทุกวัน หลังจากเข้าร่วมองค์กรไลท์
ยาคอฟจับมือเธอและจูบมันโดยไม่รู้ตัว เมื่อมองไปที่เธอที่ยังคงหมดสติอยู่ เขาก็พูดว่า “รูเบส ต่อจากนี้ไปผมจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป ผมจะไม่ปล่อยให้คุณต้องทนทุกข์แม้แต่สักนิดเดียว”
เขากำลังพูดกับรูบี้ แต่มันก็รู้สึกเหมือนกำลังพูดกับตัวเขาเองเหมือนกัน
รูบี้รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้น และเห็นชายหนุ่มกำลังจับมือเธอ ในขณะที่มองมาที่เธอด้วยความรัก
เธอฟื้นตัวหลังจากฤทธิ์ยาหมดลง เธอลุกขึ้นนั่งเพื่อป้องกันตัวเอง และดึงมือของเธอออกจากยาคอฟ
"คุณคือใคร? ที่นี่ที่ไหน?"
ยาคอฟมองไปที่การสายตาที่เฉียบคมและระวังตัวของหญิงสาว เขากำลังจะเข้าไปใกล้รูบี้ แต่เธอหยุดเขา
“อย่าเข้ามาใกล้ฉัน!”
ใบหน้าของยาคอฟมืดลงเล็กน้อย เขานั่งลงข้างเตียงและมองไปที่เธอ “คุณจำผมไม่ได้จริง ๆ เหรอ?”
รูบี้มองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าเธอ เขาดูหล่อ และดูค่อนข้างคุ้นเคย…
เธอมองเขาสักพักหนึ่ง แต่เธอก็ยังรู้สึกระมัดระวังตัว อย่างไรก็ตาม คิ้วของเธอเริ่มผ่อนคลาย และเธอก็พูดว่า “คุณคือ…”
คลื่นแห่งการรอคอยอย่างคาดหวังพัดผ่านใบหน้าของยาคอฟ
ในที่สุดเธอก็จำเขาได้งั้นเหรอ?
“คุณ… คุณคือคนที่มอบเนคไทให้ฉันที่ห้างสรรพสินค้าวันก่อน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน