หลังจากแยกกับวิทนีย์แล้ว เชอรีชก็ย้ายหนังสือกับเพื่อนในชั้นเรียนของเธอ
กลุ่มเด็กผู้หญิงเดินไปด้วยกันตามทางเดิน
เชอรีชอยู่ห้องเดียวกับเด็กผู้หญิงอีกสี่คน ซึ่งเรียนอยู่ห้องเดียวกัน พวกเธออยู่ด้วยกันมาทั้งวันก่อนจะเริ่มเข้าเรียน พวกเธอจึงค่อนข้างสนิทกัน
แมนดี้ที่กำลังจับแขนเชอรีช ถามด้วยรอยยิ้ม "นี่ เชอรีช เมื่อตอนเช้าเธอไม่ได้กินข้าวกับเรา เธอไปอยู่ไหนมาเหรอ?"
"ฉันมีเพื่อนที่รู้จักกันตอน ม.ปลาย เธอติดฉันด้วยสิ แต่เราก็สนิทกันนะ เราเลยไปกินข้าวเช้าด้วยกัน"
แมนดี้มองแล้วแซวเธอ "แล้วคนนั้นเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงล่ะ? คงได้เป็นหัวข้อที่เอาไปพูดกันแน่"
เชอรีชหัวเราะแล้วตอบ "รู้หรือเปล่า ถ้าเธอไปเปลี่ยนเพศที่ประเทศไทยนะ เธอคงเหมือนผู้ชายจริง ๆ"
นาตาลี โจนส์ที่พักอยู่ห้องเดียวกันพูดออกมา "ฉันอิจฉาจริง ๆ ที่เธอมีเพื่อนสนิทที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน ตอนนี้เพื่อนสนิทของฉันเรียนอยู่ที่เซาท์ เราก็เลยต้องแยกกัน และถ้าเราจะเจอกัน ตั๋วเครื่องบินคงราคาเป็นพันเหรียญเลยล่ะ"
แมนดี้ปลอบเธอ "เราก็เป็นเพื่อนสนิทกันได้นะ"
"ได้สิ อ้อ จริงสิ ในเมื่อเราเพิ่งจะได้เริ่มเรียนกันและเราก็ไม่มีอะไรทำ ทำไมคืนนี้เราไม่กินข้าวด้วยกัน ในเมื่อพักห้องเดียวกันล่ะ?"
จอย แลนซ์ซึ่งเป็นอีกคนที่พักห้องเดียวกันเห็นด้วย "ได้สิ เราจะได้ฉลองที่สอบผ่านเอสเอที กัน และได้มาพักห้องเดียวกันที่นี่"
พิธีปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ จัดขึ้นที่สนามในเช้าวันนี้
เชอรีชเกือบหลับ หลังจากฟังคำพูดที่ยืดยาวและน่าเบื่อของหัวหน้าคณะ
ทันใดนั้นนาตาลีที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอหันมาและกระซิบกับเชอรีชเสียงเบา "นี่ เชอรีช รีบดูบนเวทีสิ นั่นบอยล์ เขามีชื่อเสียงที่สุดในมหาวิทยาลัยของเราล่ะ"
ทันทีที่เชอรีชเงยหน้าขึ้นมามอง เธอก็เห็นเงาของชายหนุ่มตัวสูงกำลังยืนพูดบนเวที
น้ำเสียงของบอยล์ทุ้มต่ำและมีเสน่ห์ มันฟังดูเย็นชาแม้ว่าพวกเธอกำลังยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์ เสียงที่เยือกเย็นของเขาทำให้รู้สึกสบาย
นาตาลีตกหลุมรักเขาเข้าแล้ว "บอยล์หล่อจังเลยนะ ฉันได้ยินว่าเขาอยู่ปีสาม และเป็นปีสุดท้ายของเขาที่มหาวิทยาลัยนี้แล้ว"
เชอรีชแอบคำนวณ ถ้าเขาอยู่ปีสาม ก็หมายความว่าเขาอายุมากกว่าเธอหกถึงเจ็ดปีเลยเหรอ?
นาตาลีก้าวมาข้างหน้า เธอขยับเข้ามาใกล้เชอรีชแล้วกระซิบกับเธอ "รุ่นพี่ของเราคนนี้ทั้งดูดีและฉลาด ได้ยินมาว่าเขาจะได้เรียนเอกกฎหมายที่มหาวิทยาลัยแคพิทัล ซิตี้ แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้เปลี่ยนมาเรียนธุรกิจ"
"โอ้ นาตาลี เธอรู้เรื่องรุ่นพี่ของเราดีจังนะ"
"แฮ่ ก็บอยล์มีชื่อเสียงที่สุดในมหาวิทยาลัยของเรานี่ ก่อนที่ฉันจะเข้าเรียนที่นี่ ฉันอ่านกระทู้ของมหาวิทยาลัยมาเยอะ มีเรื่องดังและเรื่องน่าสนใจหลายเรื่องเขียนไว้ในนั้น"
เชอรีชมองชายหนุ่มที่ใส่เสื้อเชิ๊ตสีขาวที่ยืนอยู่บนเวทีจากระยะไกล เขาดูสง่างามและมีเสน่ห์ ใช่แล้ว...ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะเป็นคนที่สองในชีวิตที่เคยเห็น นอกจากพ่อของเธอที่ดูมีเสน่ห์แบบนี้ ในเสื้อเชิ๊ตสีขาว
นาตาลีพูดต่อ "ฉันได้ยินมาว่า สามปีที่บอยล์เรียนในมหาวิทยาลัยแคพิทัล ซิตี้ เขาไม่เคยมีแฟนเลยสักคน ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ในโพสต์นั้นยังบอกอีกว่า ส่วนใหญ่บอยล์จะช่วยอาจารย์ของเขาทำงาน และทำงานของเขาเอง...ฉันยังได้ยินมาอีกว่า สถิติที่สูงที่สุดของเขา ก็คือเขาทำงานสี่งานภายในวันเดียว เขาบ้างานมาก!"
เชอรีชถามด้วยความสงสัย "เขาไม่เหนื่อยตายจากการทำงานสี่งาน ภายในวันเดียวเหรอ?"
"ฉันได้ยินมาว่าตระกูลของเขายากจนมาก เขาต้องพึ่งทุนการศึกษาจากทางมหาวิทยาลัย"
เชอรีชนับถือในความพยายามของเขา แต่ใจของเธอกลับรู้สึกเจ็บปวด
เธอคาบช้อนเงินมาเกิดในตระกูลฟัดด์ ปู่ของเธอตามใจเธอมาก แม้ว่าพ่อจะเข้มงวดกับเธอแต่เขาก็รักเธอมาก เธอมีทุกอย่างที่เธอต้องการตั้งแต่ยังเด็ก ชีวิตของเธอเป็นไปด้วยความราบรื่น
การทำงานเป็นสิ่งที่ไกลจากความคิดของเธอมากที่สุด
เธอฟังนาตาลีคร่ำครวญ "เห้อ ผู้ชายอย่างเขาเหมาะแค่คบด้วยเท่านั้น แต่แต่งงานด้วยไม่ได้"
เชอรีชถามด้วยความสงสัย "ทำไมล่ะ?"
"คิดดูสิ ถ้าบอยล์เป็นคนดีมาก? ครอบครัวของเขายากจน เส้นทางในโลกการทำงานของเขาคงท้าทายน่าดู เพราะเขาไม่มีโอกาสเหมือนลูกคนรวย แต่การที่เขาทำงานหนัก เขาคงจบด้วยการทำงานให้คนอื่น คนอย่างเขาแค่มีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้สำคัญในสังคมของพวกเรา ใครจะรู้ บางทีตระกูลของเขาคงมีหนี้สินที่ชดใช้ไม่หมด ถ้าเธอแต่งงานกับเขา เธอจะไม่ทุกข์ทรมานไปกับเขาเหรอ?"
เชอรีชเห็นด้วยกับนาตาลี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน