เมียครับ ผัวขอโทษ นิยาย บท 47

ศศินาขับรถออกมาจากงาน ขับไปอย่างไร้จุดหมาย จนมาโผล่ที่ชายทะเลแห่งหนึ่ง ท่ามกลางผู้คนมากมายกับความวุ่นวายริมชายหาดในยามพระอาทิตย์ตกดิน คนทำงานยามเช้าเก็บของกลับบ้าน คนทำงานยามค่ำเตรียมตั้งร้าน ความจอแจภายนอกดูวุ่นวาย แต่ข้างในใจเธอช่างเหน็บหนาวเหลือเกิน เธอจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อจากนี้ดี เธอจะสามารถอยู่ในที่ของเธอกับเขาเหมือนเดิมที่เคยเป็นมาตลอดได้ไหม ชีวิตของเธอที่มีภัทรพลอยู่ข้างๆ นานเท่าไหร่แล้วนะ แปดปี อย่างน้อยก็แปดปี ทุกลมหายใจเข้าออกของเธอคือเขา มาตลอดแปดปีเต็ม

ศศินานั่งมองดูวิถีชีวิตของผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา พ่อแม่ลูกช่วยกันขนของขึ้นรถซาเล้งกลางเก่ากลางใหม่ ร่องรอยของความเหนื่อยล้าปรากฎบนใบหน้า คนเป็นภรรยานำผ้าเช็ดหน้าสีตุ่นๆ มาซับหน้าให้สามี ฝ่ายสามียิ้มรับช่วยยกของหนักๆ แทนเมีย ลูกตัวเล็กๆ วัยไม่เกินหกขวบช่วยหยิบจับของชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนเก็บร้านเสร็จ ฝ่ายสามีอุ้มลูกขึ้นนั่งบนซาเล้ง ภรรยานั่งซ้อนท้ายกอดเอวสามีแน่น แล้วรถก็เคลื่อนออกไป เธอนั่งทบทวนถึงชีวิตในวัยเด็ก

ในชีวิตของเธอมีแม่แค่คนเดียว แม่ที่เลี้ยงดูเธอมาเพียงลำพัง ตอนเป็นเด็กลำบากแค่ไหน แม่ก็เลี้ยงดูเธอมาให้อิ่ม ไม่เคยอด แม่ต้องตื่นตั้งแต่ตีสามเพื่อมาเตรียมของสำหรับทำขนม ยามเช้าแม่จะพาเธอนั่งซาเล้งเก่าๆ เอาขนมไปขายที่ตลาด ขนมถ้วยฟู บราวนี่ เค้กกล้วยหอม และขนมอื่นๆ ตามแต่ที่จะมีลูกค้าถาม แม่เป็นคนมีฝีมือด้านการทำขนม ทำขนมเป็นหลายอย่างบางครั้งแค่ได้ชิม แม่ก็สามารถแกะสูตรออกมาได้ ฝีมือการทำขนมของแม่ดีมาก ลูกค้าที่ซื้อไปต่างติดใจ เราเช่าบ้านอยู่ในห้องเช่าราคาไม่แพง

เนื่องจากหน้าร้านไม่สามารถเป็นทำเลค้าขายได้ แม่จึงต้องเหนื่อยขับซาเล้งไปเร่ขายที่ตลาด ตลาดวายก็เร่ไปขายตามบ้านเรือนผู้คน สักประมาณเที่ยงขนมก็จะหมด แม่จะแวะตลาดเพื่อซื้อวัตถุดิบที่ต้องใช้ทำขนมขายในวันพรุ่งนี้ พอถึงบ้านแม่ก็จะทำงานบ้านซักเสื้อผ้า กวาดบ้านถูบ้าน ช่วงหัวค่ำแม่จะเตรียมของที่สามารถเตรียมไว้ได้ก่อน ตอนสามทุ่มเธอก็เข้านอน แต่ไม่รู้ว่าแม่ได้นอนตอนไหน ชีวิตวนเวียนอยู่แบบนั้นทุกวันไม่เคยหยุด ยกเว้นวันที่เธอไม่สบาย แม่ถึงจะหยุดเพื่อดูแลเธอซึ่งนั่นแปลว่าวันนั้นจะขาดรายได้ พอถึงวัยที่เธอต้องเข้าโรงเรียนแม่พาเธอไปฝากเข้าเรียนที่โรงเรียนเทศบาลแถวบ้านเช่า ตอนเช้าก่อนไปขายของแม่จะพาเธอไปฝากกับครูเวรที่โรงเรียน เธอไปถึงโรงเรียนก่อนเพื่อนทุกคน คุณครูเวรเอ็นดูสงสาร เลยช่วยสอนหนังสือให้ทุกเช้า นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่เธอเรียนดีกว่าเพื่อนทุกคนในรุ่น การเห็นแม่ลำบาก ทำให้เธออดทนมุ่งมั่น เธอตั้งใจว่าจะตั้งใจเรียน โตขึ้นจะได้เลี้ยงดูแม่ได้ ไม่ให้แม่ต้องลำบากอีก

“แม่จ๋า โตขึ้นนาจะเปิดร้านให้แม่ แม่จะได้ไม่ต้องไปเร่ขายขนมอีกนะจ๊ะ”

แม่ลูบหัวเธออย่างรักใคร่ แล้วบอกเธอว่าให้เธอตั้งใจเรียน

ด้วยผลการเรียนเฉลี่ย 4.00 ของเธอตั้งแต่มอหนึ่งถึงมอหก ทำให้เธอได้รับการเสนอทุนจากมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังในกรุงเทพ เธอไม่อยากไป ตั้งใจจะเรียนแถวบ้านเพราะไม่อยากห่างแม่ แต่แม่บอกว่า

‘ไปเถอะลูก เรียนมหาวิทยาลัยดีดี จะได้มีงานดีดีทำ นาจะได้เก็บเงินมาเปิดร้านให้แม่ไง’

นั่นทำให้เธอตัดสินใจเก็บกระเป๋าเข้ากรุงเทพ เธอไม่มีเพื่อนสนิท เพราะเวลาของเธอนอกจากการเรียน ก็คือการอยู่บ้านทำขนมช่วยแม่ เพื่อนชวนไปเที่ยวตามประสาวัยรุ่นเธอก็ปฏิเสธ จะให้เธอไปเที่ยวสนุกได้อย่างไร ถ้าแม่ยังทำขนมหน้าเตาอยู่งกงก ชีวิตในกรุงเทพที่ต้องห่างแม่ ทำให้เธอคิดถึงแม่มาก นอกจากเวลาเรียนเธอเลยไปสมัครทำงานพิเศษเพื่อไม่ให้มีเวลาว่าง และช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่าย แต่แม่ไม่อยากให้เธอทำ

‘นา เรียนอย่างเดียวก็พอลูก แม่ยังไหว’

แม่บอกเธอแบบนั้น แต่เธอรู้ว่าแม่ต้องทำงานหนักขึ้น แม้เธอจะเป็นนักเรียนทุนแต่ค่าใช้จ่ายบางอย่างก็ไม่ครอบคลุม เธอไม่อยากให้แม่ทำงานหนักเกินไปจึงไม่อยากขอเงินเพิ่มในส่วนที่ทุนไม่ได้จ่ายให้เลยตั้งใจจะหาเงินเอง งานพิเศษอะไรที่พอจะทำได้เธอทำหมด เธอพยามแยกตัวออกจากเพื่อน กลุ่มสังคมเพื่อนส่วนใหญ่เป็นไฮโซลูกหลานตระกูลดัง เธอรู้ว่าหลายคนมองเธอด้วยสายตาประหลาด เธอจึงปลีกตัวออกมาไม่สุงสิงกับใคร ยกเว้นตอนที่มีงานกลุ่ม

‘เขา’ ผู้ที่มักจะมีสายตาแปลกๆ มองมาที่เธอเสมอ แต่เป็นสายตาที่แตกต่างจากคนทั่วไป เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร นับตั้งแต่วันนั้นที่เธอเจอเขาที่คาเฟ่หน้ามหาวิทยาลัยที่เธอทำงานพิเศษอยู่ เขามากับดาวมหาวิทยาลัย ภาพชายหนุ่มหญิงสาวเดินลงมาจากรถสปอร์ตคันหรูราคาแพง ช่างดูเหมาะสมเหมือนพระเอกนางเอกในละครทีวี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เมียครับ ผัวขอโทษ