ตอนที่ 2 ห้าปีผ่านไป
ห้าปีผ่านไป ณ หอศิลป์แห่งหนึ่งในเขตชานเมืองด้านตะวันตกของนนทบุรี การจัดแสดงงานแฟชั่นโชว์กำลังเริ่มขึ้น บริเวณหลังเวทีคับคลั่งไปด้วยเหล่านางแบบและทีมงานที่เดินกันสวนกันให้ควั่กเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแสดงในค่ำคืนนี้ นภัสสรวิ่งวุ่นตรวจตราความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกายที่จะจัดแสดงบนเรือนร่างของนางแบบในงานแฟชั่นโชว์เปิดตัวของตน “ริกะ เธอมาดูเครื่องประดับชิ้นนี้ให้หน่อยสิ” เสียงดังขึ้นพร้อมกับการกวักมือเรียกนภัสสรจากใครบางคน “โอเค” ร่างเรียวตอบรับก่อนจะหมุนตัวมุ่งหน้าไปยังต้นเสียง ‘ริกะ’ คือชื่อที่นภัสสรถูกเรียกแทนชื่อจริงในโลกของดีไซน์เนอร์ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา นภัสสรเติบโตกลายเป็นนักออกแบบแฟชั่นมากฝีมือ ยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวยังได้รับความสนใจจากแฟนคลับมากมายด้วยการออกแบบของเธอในช่วงหลายปีมานี้ หลังจากที่วิ่งวุ่นอยู่พักหนึ่ง ก็ถึงเวลาที่เธอได้หยุดพักเสียแล้ว ขณะนั่งพักเงียบ ๆ เธอก็มองออกไปยังผู้ชมและลอบมองปฏิกิริยาพวกเขาที่มีต่องานของเธอ ทันใดนั้น ใบหน้าคุ้นตาก็ปรากฏ เดี๋ยวก่อน... นั่นยัยโรสไม่ใช่เหรอ! แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่ ท่ามกลางกลุ่มผู้ชม รสรินดูเหมือนจะนั่งไม่ติดขยุกขยิกตลอดเวลา ซ้ำยังคอยกระซิบกระซาบกับผู้ช่วยของเธออยู่เรื่อย ๆ “รู้ไหมว่าเธอจะมาคืนนี้หรือเปล่า?” ‘เพ็ญ’ ผู้ช่วยของเธอกล่าวตอบ “คุณโรสคะ เท่าที่ดิฉันรู้ นี่คืองานเปิดตัวของริกะค่ะ ดิฉันยืนยันว่าเธอจะมาปรากฏตัวอย่างแน่นอน” ถึงเพ็ญจะพูดอย่างนั้น แต่รสรินกลับรู้สึกแปลก ๆ ชอบกล ริกะเป็นบุคคลที่ค่อนข้างลึกลับ เธอมักจะปกปิดตัวตนและไม่เคยปรากฏตัวต่อที่สาธารณะเลย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องน่าแปลกที่เพ็ญจะรู้ข่าวเกี่ยวกับการกลับมาของเธอได้ หลังจากนั้นเพียงไม่นาน เหล่านางแบบทั้งหมดก็เดินกลับมาพร้อมตั้งแถวบนเวทีเพื่อเป็นสัญญาณว่าแฟชั่นโชว์ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่พื้นที่ตรงกลางสำหรับดีไซน์เนอร์กลับว่างเปล่า รสรินเอียงคอพร้อมจ้องเขม็งเพื่อดูว่าริกะจะเดินออกมาหรือเปล่า แต่กลับไร้วี่แวว เมื่อนางแบบกลับเข้าด้านใน เสียงปรบมือจากผู้ชมก็ดังกึกก้องเพื่อเป็นการปิดท้ายการแสดงแฟชั่นโชว์ อย่างไรก็ตาม ริกะก็ยังคงไม่ปรากฏตัว แม้ว่าผู้ชมจะทยอยกันกลับไปแล้ว แต่รสรินและเพ็ญยังคงไม่ไปไหน ใบหน้าของรสรินเริ่มบูดบึ้งอย่างไม่สบอารมณ์ทันใด ณ ตอนนี้เธอเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและโดดเด่นในวงการแฟชั่น แต่ในขณะเดียวกัน ชื่อเสียงของเธอกลับมีประเด็นถกเถียงกันอยู่ เพราะเมื่อตอนนั้น เธอได้รับรางวัลมาเพียงเพราะด้วยเส้นสายของแทนไทเท่านั้น ถึงแม้ว่าครอบครัววณิชกุลจะให้การสนับสนุนทุกอย่าง แต่หลายคนก็ยังสงสัยเกี่ยวกับคุณภาพของงาน พวกเขาไม่คิดว่าเธอควรจะได้รับชื่อเสียงด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เมื่อสามปีก่อนรสรินได้เห็นผลงานของริกะในงานแฟชั่นวีกเป็นครั้งแรกและรู้สึกชอบโดยทันทีโดยเฉพาะช่วงท้ายของงาน โชคยังเข้าข้างเธอที่ริกะยังเป็นเพียงดีไซน์เนอร์ตัวเล็ก ๆ ดังนั้นเส้นทางแห่งการลอกเลียนแบบก็ได้เริ่มต้นขึ้น และเธอได้ขโมยไอเดียของริกะมาตลอดสามปี ซึ่งแน่นอนว่าเธอก็ถูกยอมรับในอุตสาหกรรมแฟชั่นมากขึ้น แต่เมื่อทันทีที่เธอได้ยินว่าริกะกลับมา ความรู้สึกอยากจะเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นก็เพิ่มขึ้น รสรินได้วางแผนจ้างริกะมาทำงานให้ เพราะรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายตนก็ไม่สามารถขโมยไอเดียของเจ้าหล่อนไปได้ตลอด แต่น่าเสียดายที่ริกะเป็นบุคคลที่หาตัวจับยาก ขนาดวันนี้พวกเขายังไม่ได้เห็นเธอปรากฏตัว รสรินถอนหายใจด้วยความผิดหวังก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำเพื่อทำให้ตนเองสดชื่นขึ้นมาอีกนิด แต่ในขณะที่เธอกำลังจะก้าวออกไป หญิงสาวสวมชุดไปรเวทก็เดินเข้ามา ใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นเล่นเอาตัวสั่นด้วยความตกใจ หืม นั่นมัน... “แนท เธอมาทำอะไรที่นี่” ในทางกลับกัน นภัสสรไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยสักนิดเพราะเห็นพี่สาวต่างแม่นั่งอยู่ในกลุ่มผู้ชมก่อนหน้าแล้ว “ฉันทำงานที่นี่” เธอตอบเสียงเรียบ ตั้งแต่ออกจากนนทบุรีเมื่อห้าปีก่อน นภัสสรได้ยุติความสัมพันธ์ทั้งหมดกับครอบครัววัชรโชติทันที นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม เธอจึงคิดว่าไม่ได้คิดจะเสวนากับรสรินแม้แต่น้อย ในขณะเดียวกัน รสรินไม่ได้นึกไปถึงว่านภัสสรกับริกะจะเป็นคน ๆ เดียวกัน เธอแค่คิดว่านภัสสรเป็นพนักงานทั่วไปของที่นี่ ดังนั้น เมื่อคิดถึงความต่างของสถานะระหว่างทั้งคู่ในตอนนี้ ใบหน้าของรสรินก็เชิดขึ้นทันใด “ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก เป็นไง น้องชายของเธอตายหรือยัง” รสรินยั่วยุ คำพูดแย่ ๆ ที่ออกจากริมฝีปากสวยนั่นช่างน่ารังเกียจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เพียงความรู้สึก