ตอนที่ 3 การยั่วยุที่ไม่เป็นผล
ก่อนหน้านี้ รสรินคิดว่าคำพูดของเธอจะทำให้นภัสสรโกรธเป็นฟืนเป็นไปขึ้นมา แต่เธอก็ต้องประหลาดใจ เพราะนภัสสรทำแค่ยิ้มและตอบอย่างสุภาพ “ขอบใจนะที่เป็นห่วง พวกเราสบายดี” การกวนอารมณ์ไม่เป็นผล ดังนั้นรสรินจึงเลิกคิ้วขึ้นแล้วยั่วโมโหเธอต่อ “เธอเปลี่ยนจากลูกสาวของตระกูลร่ำรวยกลายเป็นคนไร้บ้านไร้สมองเพียงชั่วข้ามคืน ตอนนี้เธอใส่แต่เสื้อผ้าราคาถูกและทำงานกิ๊กก๊อก เธอคิดว่าฉันจะเชื่อจริง ๆ เหรอว่าพวกเธอสบายดีน่ะ” แม้ปากจะพูดจาถากถางและเย้ยหยัน แต่แววตากลับฉายแววความอิจฉาริษยาที่มิอาจปิดซ่อนไว้ นภัสสรไม่ได้ดูจ๋อยลงแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เธอคิดว่านภัสสรกลับมีความมั่นใจและดูสง่ามากกว่าเมื่อก่อน รสรินสามารถเห็นว่าผิวของนภัสสรไร้ที่ติแม้ไม่ได้มีการเติมแต่งเครื่องสำอางลงบนใบหน้า ซึ่งมันกลับทำให้เธอดูสวย สง่าเหมือนมีแสงสว่างพวยพุ่งออกมาจากตัวเธอ นี่คือภาพลักษณ์ที่เงินซื้อไม่ได้สินะ ใบหน้าที่ลงเครื่องสำอางอย่างหนักของเธอยังไม่สามารถส่องประกายเทียบเคียงกับนภัสสรได้ด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น นภัสสรทำเพียงยิ้มตอบรับคำดูถูกของรสรินโดยไม่พูดอะไรสักคำ รอยยิ้มของเธอมั่นใจมากจนทำให้รสรินรู้สึกไม่มั่นคงอย่างถึงที่สุด “ยิ้มอะไร” รสรินร้องใส่ “ก็ไม่มีอะไรมาก ฉันแค่คิดว่าเธอควรจะใช้เวลาที่มีหาไอเดียในการออกแบบมากกว่าที่จะมายืนสงสารฉันอยู่ที่นี่นะ” แม้ว่าช่วงที่ผ่านมานภัสสรจะอยู่ต่างประเทศ แต่เธอก็ยังได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับอุตสาหกรรมแฟชั่นอยู่บ้าง ...ข่าวลือเกี่ยวกับสิ่งที่รสรินทำ เมื่อเห็นว่ารสรินกำลังโกรธจัด นภัสสรก็รู้ได้ทันทีเลยว่าคำพูดของเธอได้ไปจี้ใจดำพี่สาวต่างแม่เข้าให้แล้ว “แก!” รสรินขึ้นเสียงพร้อมกับกำหมัดแน่น ในขณะนั้นเอง เสียงหวานของเด็กน้อยก็ดังขึ้น “คุณแม่! คุณแม่ขา!” จากปลายทางเดินอีกด้าน เด็กน้อยสองคนก็โผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้ เป็นคู่ของฝาแฝดชายหญิงกำลังมุ่งตรงมายังเธอ เมื่อได้ยินลูก ๆ เรียกหา นภัสสรก็ไม่เสียเวลาทะเลาะกับรสรินอีกต่อไป เธอเดินผ่านพี่สาวต่างแม่และตรงไปยังเด็กน้อยทั้งสอง ‘ต้นข้าว’ หนึ่งในเด็กแฝดโผเข้าใส่เธอก่อนจะเอ่ย “แม่ขา ป้าจอมกำลังตามหา” “โอเคค่ะ งั้นเราไปหาป้าจอมกัน” นภัสสรลูบกลุ่มผมนุ่มสลวยของบุตรสาวก่อนจะจับมือเด็กน้อยทั้งสองแล้วพาออกไป รสรินจ้องไปยังเด็กทั้งสองด้วยความตกใจสุดขีดขณะนภัสสรจากไป ไม่ได้เจอตั้งหลายปี ตอนนี้เธอมีลูกแล้วเหรอ ‘ต้นกล้า’ เด็กผู้ชายตัวน้อยหันกลับมามองรสรินขณะเดินไปด้านหน้ากับแม่ ดวงตาดุจลูกแก้วสีดำดวงเล็กจ้องไปยังเธอ สายตานั้นและดูกล้าแข็งและคุ้นเคยมากจนรสรินต้องสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่า ใบหน้าเขา... ดูคล้ายคลึงจนแทบจะเหมือนกับคุณธาม! ที่จริงแล้ว แววตานั้นมันเหมือนกับของชายหนุ่มทุกประการ อย่าบอกนะว่าเด็กพวกนี้คือลูกของเขา! ใบหน้าสวยซีดเผือดเมื่อความนั้นผุดขึ้นมา เธอไม่คิดว่าเพียงค่ำคืนเดียวจะทำให้นภัสสรตั้งครรภ์ได้ พร้อมกันนั้น ความรู้สึกหนาวเย็นวูบวาบกำลังคืบคลานเข้ามาหาเธอ ถ้าคุณธามเป็นพ่อของพวกเขาจริง ๆ การมีตัวตนของคนพวกนั้นก็จะเป็นคุกคามของฉันน่ะสิ! ไม่ มันต้องไม่ใช่เรื่องจริง! ฉันต้องรู้ความจริงให้ได้! เพียงครู่เดียวความกลัวและความวิตกกังวลก็เกาะกุมจิตใจเธอ ครอบงำและกลืนกินเธอไปทั่วทั้งร่าง มือบางกำกระเป๋าเงินแน่นอย่างไม่รู้ตัวจนเลือดแทบไม่ไปเลี้ยงบริเวณนิ้วขณะที่หัวสมองพยายามคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี แต่สองขาพยายามที่จะตามนภัสสรไปจำต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเพ็ญเสียก่อน “คุณโรสคะ คุณ!” เมื่อผู้ช่วยสาวเห็นใบหน้าซีดขาวไร้เลือดฝาดของรสรินจึงถามด้วยความเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ” “ฉันไม่ได้เป็นอะไร” ตอบกลับด้วยเสียงที่แข็ง เธอไม่อยากให้ใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทั้งนั้น เมื่อเห็นว่ารสรินปฏิเสธที่จะพูด เพ็ญจึงจงใจปล่อยหัวข้อสนทนานี้ไว้ก่อนจะเตือนรสริน “คุณโรสคะ คืนนี้มีนัดทานมื้อเย็นในเมือง ถ้าเราไม่ออกไปตอนนี้ เราจะไปสายนะคะ” หากต้องการไปยังกลางเมืองจะใช้เวลาขับรถจากที่นี่ประมาณหนึ่งชั่วโมง เมื่อได้ยินดังนั้น รสรินก็ดูไม่พอใจทันทีที่ผู้ช่วยดูเหมือนจะออกคำสั่งกับเธอ “เธอเป็นคนกำหนดตารางงานฉันตั้งแต่เมื่อไหร่” เธอตะคอกใส่ “คุณธามก็อยู่ที่นั่นด้วยค่ะ” เพ็ญเสริมด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง และนั่นทำให้รสรินถึงกับพูดไม่ออก ในช่วงตลอดห้าปีที่ผ่านมาเธอพยายามรักษาภาพลักษณ์ของตนต่อหน้าแทนไทเสมอ ดังนั้นเธอจะไม่ยอมให้สิ่งไม่น่าพึงใจเล็กน้อยมาทำลายสิ่งที่เธอสร้างมาเด็ดขาด หลังจากชั่งน้ำหนักของข้อดีข้อเสียแล้ว ในที่สุดเธอก็ได้คำตอบว่ามันไม่คุ้ม รสรินขบฟันและมองไปยังทางที่หญิงสาวคนนั้นเดินจากไป ฉันก็มีวิธีของฉัน แนท... เชื่อสิ... ฉันจะทำมันให้สำเร็จ... เพียงชั่วครู่หลังจากนั้น เธอก็ยอมไปกับเพนนีแต่โดยดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เพียงความรู้สึก