เพียงความรู้สึก นิยาย บท 4

ตอนที่ 4 ดับฝันคำโกหก

ในขณะเดียวกันนภัสสรก็มุ่งหน้ากลับไปยังหลังเวทีพร้อมกับเด็กน้อยทั้งสอง ทันใดนั้น ต้นกล้าก็ได้เงยหน้ามองยังแม่ของเขา “แม่ครับ ผู้หญิงใจร้ายคนนั้นกำลังรังแกแม่อยู่เหรอครับ” คำพูดชัดถ้อยชัดคำถูกส่งออกมา นภัสสรชะงักงันกับคำพูดของบุตรชายก่อนจะลดศีรษะลงเพื่อพินิจให้มากขึ้นพลางขมวดคิ้วมองต้นกล้า เด็กชายดูค่อนข้างกรุ่นโกรธ เธอไม่คิดว่าพวกเขาจะเห็นทุกอย่าง และในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกประหลาดใจที่เขาช่างสังเกตเกินอายุ ซึ่งมันก็จริง รสรินก็คงจะไม่ใช่คนดีแม้จะมองมุมไหนก็ตาม แต่ถึงกระนั้น มันก็เป็นเรื่องระหว่างเธอกับรสริน เธอไม่มีทางยอมให้ลูก ๆ ของเธอรับผลกระทบนี้เด็ดขาด “เปล่าจ้ะ เธอแค่หลงทางเฉย ๆ” “แม่โกหก” ต้นกล้าไม่ให้โอกาสเธอได้พูดปด เขาได้ยินชัดเจนว่าผู้หญิงคนนั้นเรียกแม่เขาว่าคนไร้สมอง และเขาก็ไม่พอใจกับเรื่องนี้ “โอเคจ้ะ ลูกไม่ต้องกังวลหรอก แม่ไม่ยอมโดนทำอยู่ฝ่ายเดียวอยู่แล้ว” นภัสสรกลืนน้ำลาย ลูกชายของเธอนับวันจะรับมือได้ยากขึ้นเพราะเขาฉลาดเกินไป กลัวว่ามันจะเป็นภัยต่อตัวเขาเองในอนาคต คิ้วที่ผูกกันของต้นกล้าคลายลงเมื่อแม่ของเขาย้ำชัดเจน หลังจากนี้เขาก็คงไม่เซ้าซี้แม่เรื่องนี้อีกต่อไป แต่อย่างไร เขาก็จะเก็บใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นไว้ในหน่วยความจำเสมอ ไม่ละทิ้งแม้แต่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ คราวหน้าผมจะไม่ปล่อยให้ผู้หญิงใจร้ายคนนั้นหนีไปง่าย ๆ แน่! “หนูจะปกป้องแม่เองค่ะ! หนูจะไม่ให้คนไม่ดีมาทำอะไรแม่!” ต้นข้าวให้สัญญา แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยแน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ยังตีที่อกน้อย ๆ ของตนด้วยความมั่นใจ “ใช่ครับ! พวกเราจะปกป้องแม่เอง!” ต้นกล้าร่วมด้วย ใบหน้าเล็กนั่นเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น นภัสสรมองไปยังแก้วตาดวงใจทั้งสองของเธอด้วยรอยยิ้ม หัวใจเธอพองโตอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อรู้ว่าพวกเขารักเธอมากเพียงใด เธอรู้สึกขอบคุณตนเองอย่างสุดซึ้งที่เธอได้ตัดสินให้กำเนิดพวกเขาทั้งสองออกมา มันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอ เพียงไม่นานทั้งสามก็มาถึงหลังเวที เพียงแค่ก้าวผ่านประตูเสียงปรบมือก็ดังกึกก้อง “ยินดีด้วยจ้าริกะ โชว์วันนี้เลิศมาก สุดยอด!” ‘จอมใจ ปรีดากุล’ ผู้ช่วยและเพื่อนสนิทของเธอเป็นผู้ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนมอบช่อดอกไม้แก่นภัสสร นภัสสรรับช่อดอกไม้ด้วยความยินดีก่อนจะก้าวออกไปด้านหน้า กวาดสายตามองเหล่าทีมงานทั้งหลายก่อนจะกล่าว “แฟชั่นโชว์วันนี้ประสบความสำเร็จก็เพราะทุกคนทำงานกันอย่างหนัก ถึงฉันจะพูดไม่เก่ง แต่ฉันก็อยากจะสัญญาว่า ตราบใดที่ทุกคนยังอยู่ข้างฉัน ฉันจะทำทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น เราจะค่อย ๆ ก้าวไปทีละนิดและใช้ชีวิตตามความฝันไปด้วยกัน!” “ได้เลย!” “เริ่มกันเลย!” ฝูงชนโห่ร้องยินดีกับคำพูดเธอ นภัสสรรู้สึกถึงหยาดน้ำที่เปียกชื้นรอบดวงตาหลังจากที่เห็นว่าทุกคนตื่นเต้นและยินดีมากเพียงไหน แม้จะพูดแบบนั้น แต่เธอไม่ใช่พวกวัตถุนิยมหรอก แต่เพราะห้าปีที่ผ่านมาได้ให้บทเรียนกับเธอมากมาย และบทเรียนที่สำคัญที่สุดก็คือ เราทำอะไรไม่ได้เลย หากไม่มี ‘เงิน’ ดังนั้น นับตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อห้าปีก่อน เธอก็ได้สาบานกับตนเองไว้ว่าจะไม่ทำตัวเองให้ต่ำต้อยเพียงเพราะคำว่า ‘เงิน’ อีกต่อไป เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จของงานวันนี้ ทีมงานได้วางแผนไปเลี้ยงฉลองกันที่โรงแรมเจสเดล โรงแรมที่แพงที่สุดในนนทบุรี เนื่องจากมื้อค่ำกินเวลาค่อนข้างนาน นภัสสรจึงไม่ได้ไปร่วมกับคนอื่น ๆ เพราะลูก ๆ ของเธอต้องเข้านอนให้เร็วขึ้น ดังนั้นเธอจึงขับรถพาต้นกล้าและต้นข้าวกลับไปยังใจกลางเมืองแทน ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลงเมื่อยามราตรีมาเยือน เนื่องจากแถบนี้เป็นชนบท ถนนหนทางเลยไม่มีไฟ นภัสสรจึงขับรถช้าลงจนแทบคลานเพื่อความปลอดภัยของทุกคน ขณะที่เธอแล่นไปตามท้องถนน เธอก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้น กึก รถกระตุกเล็กน้อย เธอตกใจก่อนจะเหยียบเบรกทันทีเพราะดูเหมือนเธอจะชนกับอะไรเข้า โชคที่ที่มันเป็นถนนชนบท ทำให้เวลานี้มีรถไม่มากนัก หลังจากที่บอกต้นกล้าให้ดูแลต้นข้าว นภัสสรก็ออกจากรถเพื่อไปดูให้แน่ใจ ภาพตรงหน้าเล่นเอาเธอเหมือนอยู่ในหนังสยองขวัญ สิ่งที่อยู่บนถนนไม่ใช่สัตว์หรือสิ่งของ แต่เป็นคน! ผู้ชายคนนั้นหมดสติขณะนอนจมกองเลือด ทันใดนั้น ใบหน้าของหญิงสาวก็ซีดขาวราวกับกระดาษเมื่อเห็นว่ารอยเปื้อนสีแดงนั่นกำลังขยายเป็นวงกว้าง เราชนคนเหรอ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เพียงความรู้สึก