เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส นิยาย บท 465

สรุปบท ตอนที่ 465-466: เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

อ่านสรุป ตอนที่ 465-466 จาก เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 465-466 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายดราม่า เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 465 ความเจ็บปวดของเจียนหยุ่นน่าว 2

เจี่ยนหยุ่นน่าวและเพื่อนร่วมห้องของเขาแสดงสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นจ๋ายหวินเชิ่ง

พวกเขาทุกคนรู้จักจ๋ายหวินเชิ่ง

จ๋ายหวินเชิ่งมีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยเปยจิงเขาเป็นรุ่นพี่ของพวกเขา

จ๋ายวินเชิงหยุดพักการเรียนในปีที่สองของมหาวิทยาลัย เขาไม่ได้เข้าชั้นเรียนอย่างไรก็ตาม เขายังคงได้สิทธิทั้งหมด

ในปีหลังจากนั้น จ๋ายหวินเชิ่งก็ไม่ค่อยได้เข้าชั้นเรียนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังสามารถสําเร็จการศึกษาก่อนกําหนดด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม

ดังนั้นเขาจึงถูกมองว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้ในสายตาของนักศึกษาทุกคนในมหาวิทยาลัยเปยจิง

แน่นอนจ๋ายหวินเชิ่งไม่เพียงเป็นที่รู้จักจากผลการเรียนเขาเท่านั้น เขายังเป็นที่รู้จักในเรื่องรูปร่างหน้าตาอีกด้วย

เขาได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดในมหาวิทยาลัยเปยจิง มีผู้หญิงหลายคนหลงใหลเขา

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาได้รับความนิยมและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเหลือล้น

เจี่ยนหยุ่นน่าวเองยังถือได้แค่ว่าเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดในแผนกของเขาเท่านั้น

ที่จริงมีเรื่องราวที่น่าสนใจฟังไปทั่วมหาวิทยาลัย ดูเหมือนว่าจ๋ายหวินเชิ่งได้เต้นลีลาศกับชายอีกคนหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการเต้นลีลาศกับสาวๆในงานโซเชียลแดนซ์ของมหาวิทยาลัย

ดังนั้นจึงมีข่าวลือบางอย่างเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศของจํายหวินเชิ่ง

ยิ่งไปกว่านั้น จ๋ายหวินเชิ่งไม่ได้ออกเดทกับผู้หญิงแม้แต่คนเดียวในช่วงสี่ปีที่เขาอยู่ในมหาวิทยาลัย สิ่งนี้ทําให้ข่าวลือน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

ดังนั้นแม้ว่าจ๋ายหวินเชิ่งจะจบการศึกษาไปแล้ว แต่เขาก็ยังเป็นที่จดจําของนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเปยจิง

บรรดานักศึกษาที่กําลังอยู่ในมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 3 เคยเห็นจ๋ายหวินเชิ่งในมหาวิทยา ลัยเป็นครั้งคราว เป็นผลให้พวกเขารู้เกี่ยวกับเรื่องราวและความนิยมของเขา

“พี่ใหญ่” เพื่อนร่วมห้องของเจี่ยนหยุ่นน่าวทักทาย พวกเขาถือโอกาสพูดคุยกับจ๋ายหวินเชิ่ง

ความตื่นเต้นสามารถได้ยินจากเสียงของพวกเขา นี่คือไอดอลของพวกเขา

สายตาของจ๋ายหวินเชิ่งนั้นคมกริบขณะที่เน้นเสียงอีกครั้ง “คนนี้มีคนจองแล้ว อย่าพยายามตีสนิทเธอ”

จ๋ายหวินเชิ่งรู้ว่าผู้ชายบางคนในมหาวิทยาลัยชอบที่จะเข้าไปตีสนิทผู้หญิง

“พี่ใหญ่ รู้จักน้องสาวของเจียนหยุ่นน่าวด้วยเหรอ”

เพื่อนร่วมห้องของเจี่ยนหยุ่นน่าวค่อนข้างสับสน ภายใต้อิทธิพลของข่าวลือ พวกเขาสันนิษฐานโดยสัญชาตญาณว่าเป็นคนอื่นที่ “จอง” ตัวเธอ

“ใช่ ฉันรู้จักเธอ เธอเป็นหนี้ฉันบางอย่าง และฉันจะขอให้เธอชดใช้” จ๋ายหวินเชิ่งตอบ จากนั้นเขาก็ก้มหน้ามองเจียนอีหลิง

เจี่ยนอีหลิงย่อมยินดีที่จะยอมรับคําพูดของจ๋ายหวินเชิ่ง นี่เป็นเพราะเธอเป็นหนี้จ๋ายหวินเชิ่งมากมาย

ถ้าจ๋ายหวินเชิ่งต้องการขอให้เธอตอบแทนบุญคุณ เธอก็เต็มใจที่จะทําเช่นนั้น

คําพูดของจ๋ายหวินเชิ่งทําให้เพื่อนร่วมห้องของเจี่ยนหยุ่นน่าวอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก

พวกเขารู้สึกราวกับว่าน้องสาวของเจี่ยนหยุ่นน่าวและจ๋ายหวินเชิ่งมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างใกล้ชิด

แต่ว่า….จ๋ายหวินเชิ่งชอบผู้ชายไม่ใช่เหรอ?

จากนั้นจ๋ายหวินเชิ่งก็เพิกเฉยต่อผู้คนรอบๆตัวเขาโดยสิ้นเชิง เขาถามเจี่ยนอีหลิงว่า “เธอต้องการไปที่ไหนในมหาวิทยาลัยอีก”

เจี่ยนอีหลิงส่ายหน้า

เดิมที เธอไม่ได้ตั้งใจจะไปเที่ยวรอบมหาวิทยาลัยตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่ต้องการปฏิเสธคําเชิญของเจียนหยุ่นน่าว

“งั้นเราไปร้านขนมกันเถอะ”

จ๋ายหวินเชิ่งไม่สนใจเจี่ยนหยุ่นน่าวโดยสิ้นเชิง เขานําเอาเจียนอีหลิงไปกับเขาและมุ่งหน้าไปยังร้านขนมนอกมหาวิทยาลัย

เจียนหยุ่นน่าวก้มหน้าลง เขาไม่ได้พูดต่อต้านในเรื่องนี้

เขารู้ว่าตัวเขาเองไม่มีสิทธิ์พูดอะไร

จ๋ายหวินเชิ่งมีความหมายต่อน้องสาวของเขามาก ฝ่ายนั้นยืนหยัดเพื่อปกป้องคุ้มครองเธอยามที่เธอเจ็บปวดมากที่สุด

“หยุ่นน่าว ไม่เป็นไรเหรอที่น้องสาวของนายไปกับจ๋ายหวินเชิ่ง”

เมื่อต้องเผชิญกับคําถามของเพื่อนร่วมห้อง เจี่ยนหยุ่นน่าวไม่สามารถตอบได้

บางอย่างไม่ได้ขึ้นกับเขา ไม่ว่าเขาจะต้องการให้น้องสาวอยู่หรือไปก็ตาม เขาจะสามารถทําอะไรได้บ้างเล่า? เขามีสิทธิ์ที่จะขอให้เธออยู่อย่างงั้นเหรอ?

เขาสูญเสียสิทธิ์นั้นไปนานมาแล้ว และด้วยเหตุนี้ เขาทําได้เพียงแค่ยอมรับการตัดสินใจของเธอ

บทที่ 466 จี้หยก “ธรรมดา”

ร้านขนมข้างมหาวิทยาลัยไม่มีใครในขณะนี้

ในร้านที่ว่างเปล่านั้น เจี่ยนอีหลิงและจ๋ายหวินเชิ่งเป็นเพียงสองคนที่นั่งอยู่

เธอหยิบจี้หยกบนโต๊ะและสวมมัน จี้หยกที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษนั้นห้อยอยู่บนคอเธอ

จี้หยกมีขนาดเล็กไม่สะดุดตา อย่างไรก็ตาม มันเหมาะกับเจียนอีหลิงค่อนข้างดีทีเดียว

หลังจากที่เจี่ยนอีหลิงสวมจี้แล้ว ใบหน้าของจ๋ายหวินเชิ่งก็มีสีหน้าพึงพอใจ

ที่บ้านพักตระกูลจําย

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา สุดท้ายท่านผู้เฒ่าจํายก็ได้มีเวลาพักผ่อน

ในที่สุดหลานชายเขาก็เต็มใจที่จะรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัวจากเขา

อย่างไรก็ตาม นี่ยังไม่เพียงพอที่จะทําให้เขามีความสุข

สําหรับท่านผู้เฒ่าจําย สิ่งที่สําคัญที่สุดสําหรับเขาก็คือให้หลานชายเขาแต่งงาน เขาต้องการเหลนชาย การรับช่วงต่อธุรกิจของตระกูลถือเป็นเรื่องรอง

ในช่วงท้ายของรายงาน ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็พูดว่า “ท่านผู้เฒ่าจําย มีคนบอกว่า เห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมจี้หยกของตระกูลจํายในเปยจิง เป็นจี้ที่เป็นของท่านผู้นําตระกูลจําย”

“อย่าไร้สาระ เขาคงดูพลาด ไม่มีใครใส่จี้หยกนั่นมาหลายปีแล้ว”

ภรรยาของท่านผู้เฒ่าจํายจากเขาไปก่อนแล้ว เธอเหลือเพียงลูกชายสองคนอยู่เป็นเพื่อนเขา

อย่างไรก็ตาม ไม่นานนักหลังจากที่ลูกชายคนโตของเขาแต่งงาน ภรรยาของลูกชายคนโตของเขาก็ได้เสียชีวิตลง เธอหลงเหลือหลานชายที่คร่ําครวญขออาหารอย่างน่าสงสาร

เมื่อหลานชายคนเดียวของเขาโตขึ้น เด็กคนนั้นก็ปฏิเสธที่จะแต่งงานกับใครๆเช่นกัน

สําหรับลูกชายคนที่สองของเขายังโสด

ดังนั้นจึงมีเพียงชายโสดสามคนในตระกูลจําย ไม่มีใครที่จะสวมจี้ในเร็วๆนี้

นอกจากนี้ ก็ไม่มีใครเห็นจี้หยกนั่นมาหลายปีแล้ว

“ตามรายงาน คนที่สวมจี้หยกมอร์นิ่งฟรอสต์ คือเด็กหญิงที่ลงเล่นในทัวร์นาเมนต์กับนายท่านเชิ่งเมื่อก่อนนี้”

เนื่องจากเป็นคนที่นายท่านเพิ่งรู้จัก ผู้ใต้บังคับบัญชาจึงได้จดบันทึกพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อเห็นเธอสวมจี้

“อะไรนะ?” ท่านผู้เฒ่าจํายตกตะลึง กาน้ําชาดินเหนียวอี้ชิงโบราณในมือเขา หล่นลงกับพื้นและแตกเป็นเสี่ยง

แต่ทว่าท่านผู้เฒ่าจํายไม่ได้เหลือบมองกาน้ําชาด้วยซ้ํา แต่เขารีบถามผู้ใต้บังคับบัญชาว่า “แกกําลังพูดว่าหญิงที่สงสัยว่าจะสวมจี้หยกประจําตระกูลของเราคือเด็กสาวจากตระกูลเจียนอย่างงั้นเหรอ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส