เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส นิยาย บท 475

สรุปบท ตอนที่ 475-476: เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

สรุปตอน ตอนที่ 475-476 – จากเรื่อง เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส โดย Internet

ตอน ตอนที่ 475-476 ของนิยายดราม่าเรื่องดัง เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 475 อยู่ด้วยกันตลอดไป

เธอเรียนรู้ที่จะใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เธอเรียนรู้ที่จะใช้เวลากับสิ่งอื่น เมื่อไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ

เธอเรียนทําอาหาร เรียนทําขนม เรียนทําน้ําตาล เรียนปักผ้า และเรียนถักนิตติ้ง

เธออุทิศเวลาให้กับสิ่งเหล่านี้งานอดิเรกเหล่านี้ทําให้เธอรู้สึกร่มเย็น

และด้วยเหตุนี้เองหลังจากที่เยือกเย็นมาเป็นเวลาไปนาน เธอก็ลืมไปว่าต้องจะมีอารมณ์อย่างไรบ้างเช่นกัน

เจียนอีหลิงไม่รู้ว่าจะทําอะไรได้อีกเมื่อรู้สึกเศร้า โดยปกติแล้ว เธอจะรออย่างเงียบๆจนกว่าความโศกเศร้านั้นจะหายไปเอง

“อี้หลิง” จํายหวินเชิงตกตะลึง เขามองไปที่ใบหน้าที่ก้มสุดของเจียนอีหลิง หัวใจเขารู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่แปลกประหลาดและใบหน้าเขาก็อ่อนโยนลงในทันที

เขายื่นมือออกไปพยายามปัดความเศร้าบนใบหน้าเธอออกไป

เธอไม่เคยแสดงอารมณ์ของตัวเธอเองมาก่อน

ไม่ใช่เพราะเธอไม่มีอารมณ์ แต่เป็นเพียงเพราะว่าเธอเคยชินกับการอยู่อย่างโดดเดี่ยว

จากนั้นจํายหวินเชิงก็ถามเงี่ยนอีหลิงว่า “ถ้าเช่นนั้น เธอจะดีใจไหมหากฉันใจดีกับเธอ”

“อื้อ…”

“แล้วถ้าฉันไม่โกรธ เธอก็จะไม่เศร้าใช่ไหม”

“อื้อ…” เจี้ยนอีหลิงยอมรับอย่างตรงไปตรงมา

มือของจํายหวินเชิงปัดผมของเจียนอีหลิงอย่างอ่อนโยน

เธอห่วงใยเขา

เธอห่วงใยเขามาก

เพียงแต่ว่า เธอไม่รู้ว่าจะแสดงออกอย่างไร เธอไม่รู้ว่าจะแสดงความรู้สึกอย่างไรกับคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเธอทางสายเลือด

ดูเหมือนเธอจะหัวช้าเมื่อมาถึงเรื่องพวกนี้

อย่างไรก็ตาม เธอมีความรู้สึกต่อเขา

ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่ความรัก แต่เธอก็ห่วงใยเขา เธอห่วงใยเขาอย่างแท้จริง

จากนั้นจํายหวินเชิงก็พูดกับเจี้ยนอีหลิงว่า “เด็กโง่ ฉันไม่ได้โกรธหรอก”

“ฉันไม่ได้โง่” เจียนอีหลิงโต้กลับ

“อื้อ เธอไม่ใช่คนโง่ ฉันมันโง่เอง” จยหวินเพิ่งยอมรับ

แม้ว่าหญิงของเขาจะไม่ค่อยรู้เรื่องความรู้สึกมากนัก แต่ก็ไม่ต้องรีบร้อน ตราบใดที่เธอเริ่มมีค วามห่วงใย เขาก็สามารถค่อยสอนส่วนที่เหลือให้เธอได้

จํายหวินเชิงค่อยจับมือเล็กๆของเงี่ยนอีหลิงวางลงบนฝ่ามือเขา

ฝ่ามือเขาสามารถคลุมมือเล็กๆของเงี่ยนอีหลิงได้หมด

มือเธอนุ่มนวลและละเอียดอ่อน ไม่มีบาดแผลหรือรอยแผลเป็นบนมือเธอแม้แต่น้อย

เงี่ยนอีหลิงใส่ใจมือเธอมากที่สุด ถ้ามีคนจะมาตีเธอ เธอยอมให้พวกเขาตีหน้าดีกว่าตีมือ

เธออาศัยมือเพื่อความอยู่รอด เธอไม่สามารถปล่อยให้มือเธอบาดเจ็บได้

“เธอไม่ชอบสิ่งนี้หรือเปล่า” จํายหวินเชิงถามเงี่ยนอีหลิง

เจียนอีหลิงส่ายหน้า เธอไม่ได้เกลียดกับการที่มือเขาจับมือเธอ

” แล้วกับคนอื่นล่ะ”

” กับย่าเงี่ยน หยุ่นโม่ กับหยู่เจี้ย ไม่เป็นไร แต่ฉันก็ยังไม่ได้ลองกับใครอีกเลย”

เจียนอีหลิงนับออกมาให้ได้ยิน

จํายหวินเพิ่งจับมือเจียนอีหลิงไว้

เขาจับไว้แน่น เขาไม่อยากปล่อยไปอีกแล้ว

ตระกูลจํายในเปยจิง

ท่านผู้เฒ่าจํายกําลังอารมณ์ดีอยู่ในขณะนี้

เขาเพิ่งยืนยันอะไรบางอย่าง นี่เป็นสิ่งที่ทําให้เขามีความสุขเหลือเกิน ความจริงแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงจะหัวเราะและยิ้มในความฝันของเขาด้วยซ้ํา

ในเวลานี้เองที่จํายหวินเพิ่งได้กลับบ้าน

เมื่อเขาเห็นจํายหวินเชิง ท่านผู้เฒ่าจํายก็พูดอย่างมีความสุข “เจ้าเด็กเหลือขอ ในที่สุดก็กลับมาแล้วเหรอ ฉันคิดว่าแกจะไม่เต็มใจกลับบ้านแล้ว”

หลังจากที่เขาพูดจบ ท่านผู้เฒ่าจํายก็สังเกตว่าจํายหวินเพิ่งเงียบ มีการมองอย่างลึกๆอยู่ในดวงตาเขาเช่นกัน

“หลายปีมานี้ คงเป็นเรื่องยากลําบากสําหรับปูอยู่ใช่ไหม” จํายหวินเชิงถาม เขารู้ว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวดทรมาน ครอบครัวของเขาก็กําลังทุกข์ทรมานและเจ็บปวดเช่นกัน

“อ-อะไรนะ? แกกําลังพูดถึงอะไร เวลาที่ยากลําบากงั้นเหรอ? ไม่มีทาง”

“ปูกําลังโกหก”

“อาา…” ท่านผู้เฒ่ายอมพ่ายแพ้ เขารู้ว่าเขาไม่สามารถโกหกหลานชายได้ ดังนั้น เขาจึงพูดว่า “ใช่ฉันกังวลมากอันที่จริงฉันกังวลมากเหลือเกินในทุกๆวันในชีวิต ฉันกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับแกหากมีวิธีใดที่จะช่วยแกได้ฉันก็ยินดีที่จะแลกกับธุรกิจของตระกูลจํายทั้งหมด”

อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่ไม่มี

“ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมก็ไม่ควรนําความเจ็บปวดและความทุกข์นี้ไปให้คนอื่น ใช่ไหม” จํายหวินเชิงไม่อยากให้เธอต้องเจ็บปวด เขาไม่อยากจินตนาการถึงความเจ็บปวดที่เธอจะต้องทน ถ้าเขาทําให้เธอตกหลุมรักเขาได้จริงๆ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ท่านผู้เฒ่าจํายก็เข้าใจว่าจํายหวินเซึ่งหมายถึงอะไร

“แกเป็นห่วงเด็กหญิงคนนั้นใช่ไหม” ท่านผู้เฒ่าจํายถามเสียงหนัก ” แม้ว่าฉันจะไม่ได้ใช้เวลา กับเด็กหญิงคนนั้นมากนักแต่ฉันก็รู้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา วันนั้น เมื่อฉันเห็นเธอตรวจดูโครงกระดูกอย่างใจเย็น ฉันก็รู้ว่าเธอไม่ใช่คนบอบบาง

“ไม่ เธอบอบบาง”

จํายหวินเชิงพูดขณะที่ลุกขึ้น

อันที่จริง จากช่วงเวลาที่เจี้ยนอีหลิงปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครั้งนั้น เขาก็ได้คําตอบของคําถามที่เขาไม่ได้สนใจอีกต่อไป

เขาไม่ปรารถนาที่จะปล่อยผ่านไปอีกครั้ง ดังนั้นเธอจะต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับเขา

เขาเป็นคนเห็นแก่ตัว และเขาวางแผนที่จะเห็นแก่ตัวไปตลอดชีวิต

ก่อนที่เขาจะจากไป จํายหวินเชิงพูดกับท่านผู้เฒ่าจํายว่า “ผมยินดีที่จะยอมรับการจัดเตรียมที่ปูต้องการจัดให้ผมก่อนหน้านั้นปูสามารถสร้างห้องพยาบาลในบ้านของผมได้เช่นเดียวกัน”

เมื่อท่านผู้เฒ่าจํายดูหลานชายจากไป หัวใจเขาก็ปวดร้าว เขาเป็นห่วงอีกฝ่าย แต่ทว่า เขาเองก็ทําอะไรไม่ถูกเช่นเดียวกัน

ไม่นานหลังจากที่ข่าวรั่วไหลออกมาว่ามีคนจากโรงพยาบาลรั่วไห่เซินมาถึงเปยจิง หัวข้อข่าวอื่นก็ออกมาอีก

คนจากโรงพยาบาลรั่วไห่เซินมาเพื่อรับสมัครคน

ด้วยเหตุนี้ วงการแพทย์ทั้งหมดในเปยจิงจึงเปลี่ยนเป็นคึกคัก

ในหมู่พวกเขา ก็มีทั้งผู้ที่สนใจในชื่อเสียง ผู้ที่สนใจในเรื่องเงินทอง และก็มีผู้ที่สนใจในการแสวงหาความประสบความสําเร็จทางการศึกษาที่สูงขึ้น

ชื่อของโรงพยาบาลรั่วไห่เซินในตอนนี้มีความหมายเทียบได้กับมาตรฐานทางการแพทย์ชั้นนําของโลก

การเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเงินเดือนและสวัสดิการเท่านั้น มันเป็นเรื่องของชื่อเสียงและความสําเร็จมากกว่า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส