ตอน ตอนที่ 885-886 จาก เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 885-886 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายดราม่า เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ บทที่ 885 หลังจากเปิดเผยสมาชิกภาพของโรงพยาบาลลั่วไห่เซิน 4
“อือ……”
เมื่อเห็นเจี่ยนอีหลิงกําลังกินพระกระโดดกําแพง ที่ตอนนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยผู้อาวุโสทั้งสอง แล้วจ่ายหวินเชิงจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร
และแผนการที่จะสร้างความโรแมนติกกับคู่หมั้นของเขา ก็ล้มเหลวก่อนที่พวกเขาจะเริ่มต้นเสียด้วยซ้ํา
เฟิงเหว่ยได้รับโทรศัพท์จากเจี่ยนหยุ่นโม่
เจี่ยนหยุ่นโม่กล่าวว่า “ฉันจะกลับไปที่เป่ยจิงวันมะรืนนี้ และฉันสามารถอยู่ได้เพียงคืนเดียวเท่านั้น นายช่วยฉันจัดตารางการเดินทางที”
การทดลองของเจี่ยนหยุ่นโม่ยังคงดําเนินต่อไป และไม่สามารถออกไปไหนได้อีก ซึ่งการออกมาข้างนอกเป็นเวลาสองวันหนึ่งคืน ถือว่าถึงขีดจํากัดแล้ว
“โอ้ นายกําลังจะกลับเป่ยจิง แล้วทําไมไม่ให้น้องสาวนายเป็นคนจัดการ แต่กลับโทรมาหาฉันแทนล่ะ?”
“ช่วงนี้เสี่ยวหลิงยุ่งมาก ฉันไม่ต้องการเพิ่มภาระให้เธอ”
“นี่! หมายความว่ายังไง? แสดงว่าในสายตาของนายฉันคนนี้ไม่ยุ่งเลยใช่ไหม”
“นายยุ่งอยู่เหรอ?”
“ช่วงนี้…ไม่ค่อยว่าง”
“ยังไงนายก็ช่วยจัดการให้ฉันหน่อย”
“เอาล่ะ นายก็ส่งแผนการเดินทางของนายมาให้ฉัน และฉันจะจัดรถรับส่งให้ แล้วคืนนี้นายจะพักที่ไหน? โรงแรมหรืออพาร์ทเม้นท์ของน้องสาว?”
“พักที่โรงแรม”
“ทําไมนายไม่พักที่อพาร์ทเม้นท์ของน้องสาวล่ะ? หรือนายกลัวว่าตัวเองจะลุกขึ้นมาในตอนกลางคืน แล้วสับจ่ายหวินเชิ่งเป็นชิ้นๆใช่ไหม?”
“ถ้ารู้แล้วยังจะถามอีกงั้นเหรอ?”
“ฉันต้องการที่จะต่อสู้อีกสักครั้ง”
หลังจากเจี่ยนหยุ่นโม่พูดจบ เฟิงเหว่ยก็ได้รับกําหนดการเดินทางของอีกฝ่ายทางโทรศัพท์มือถือของเขา
“เอ๊ะ? นายจะไปที่ตระกูลเวินงั้นเหรอ?”
“อือ มีบางอย่างที่ฉันต้องจัดการ”
ด้านฉินหงจื้อเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะเจี่ยนอีหลิงและหลัวซิ่วเอินได้ออกจากสถาบันวิจัยทางการแพทย์ฮุ่ยหลิง
เป็นผลให้ข่าวที่เจี่ยนอีหลิงได้เข้าร่วมโรงพยาบาลลั่วไห่เซินได้เผยแพร่ออกมา
“เจี่ยนอีหลิงมีความสามารถพอที่จะเข้าร่วมโรงพยาบาลลั่วไห่เซินงั้นเหรอ?” ฉินหงจื้อดูรายงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งบนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เขาจึงเรียกลูกๆของตัวเองมาถาม ว่ารู้เรื่องนี้หรือไม่?
ฉินชวนและฉินหยูผ่านไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน แต่พวกเขาได้รับรู้ข้อมูลที่เกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเจี่ยนอีหลิงและโรงพยาบาลลั่วไห่เซิน หลังจากที่ได้อ่านรายงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนี้
ฉินชวนเมื่ออ่านรายงานทั้งหมดนี้แล้ว สีหน้าและแววตาของเขาดูไม่ตกใจแม้แต่น้อย
แม้ว่าเขาจะไม่เคยรู้มาก่อน แต่ก็ไม่แปลกใจกับข่าวนี้มากนัก
เธอมีความสามารถมาก และเขาไม่เคยสงสัยในจุดนี้เลย
ไม่ว่าจะเป็นสถาบันวิจัยทางการแพทย์ฮุ่ยหลิง หรือโรงพยาบาลลั่วไห่เซิน เธอก็มีความสามารถอยู่ดี
มุมปากของฉินหยูฝานยกขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“พวกเธอไม่รู้มาก่อนจริงๆเหรอ?” ฉินหงจื้อยืนยันอีกครั้ง
“ถ้าผมรู้ก็ไม่จําเป็นต้องปิดบังคุณ” ฉินชวนกล่าวต่อ “ไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในเรื่องนี้ เพราะไม่ว่าเธอจะเป็นสมาชิกของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ฮุ่ยหลิง หรือเป็นสมาชิกของโรงพยาบาลรั่วไห่เซิน ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อการรักษาของคุณ”
ฉินหงจื้อถูกปลุกให้ตื่นขึ้นโดยฉินชวน “แน่นอนว่ามันไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถและการรักษาของเธอ แต่มันมีผลต่อข้อตกลงระหว่างฉันกับเธอ”
ฉินหงจื้อยังคงไม่ทราบว่าเจี่ยนอีหลิงได้สัญญาที่จะรักษาเขา เพราะข้อตกลงกับฉินชวน
เขาคิดว่ามันเป็นข้อตกลงระหว่างเขากับสถาบันวิจัยทางการแพทย์ฮุ่ยหลิง
แต่ตอนนี้ เจี่ยนอีหลิงได้ออกจากสถาบันวิจัยทางการแพทย์ฮุ่ยหลิงแล้ว ก็หมายความว่าเจี่ยนอีหลิงจะถอนตัวจากทีมการรักษาเขา
และนี่คือสิ่งที่เขาไม่ต้องการที่จะเห็นอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ เขาได้พิจารณาแล้วว่าเจี่ยนอีหลิงมีความสามารถเพียงพอ
“ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ฉันไร้ความรู้สึก?” เจี่ยนอี้เหิงหรี่ตาลงเล็กน้อย
“พี่มีน้ําใจตลอด มีตลอดจริงๆ!” เจี่ยนอี้เฉินรีบเปลี่ยนค่าพูดอย่างรวดเร็ว
เขาไม่กล้าปฏิเสธ เพราะกลัวว่าตูดของตัวเองจะบาน
เจี่ยนอี้เฉินลุกขึ้น “ผมจะไปกับพี่ด้วย ถ้าพี่ซื้อแล้วผมไม่ได้ซื้อ พวกเราสองคนต้องเหมือนกันสิ ไม่อย่างนั้นพี่ชายอย่างผมคงไม่ใส่ใจน้องสาว เท่ากับที่พี่กําลังทําอยู่ และผมก็ไม่อยากเสียความโปรดปรานต่อหน้าน้องสาวหรอกนะ!”
“อือ” เจี่ยนอี้เหิงไม่มีความคิดเห็น “ซื้อของขวัญเสร็จแล้ว พวกเราจะไปทานอาหารเย็นที่ห้องของน้องสาว”
“ไม่มีปัญหา”
“เสี่ยวหลิงแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
จากข่าวเมื่อวานบอกเพียงว่ามีเจ้าพ่อในวงการแพทย์จํานวนมาก ได้ร่วมกันเขียนหนังสือค้ําประกันเพื่อรับรองเจี่ยนอีหลิง แต่พอมาวันนี้กลายเป็นว่าเจี่ยนอีหลิงได้เป็นสมาชิกของโรงพยาบาลลั่วไห่เซิน และยังได้เข้าร่วมสหพันธ์การแพทย์แห่งชาติในฐานะตัวแทนของโรงพยาบาล
สองผู้อาวุโสตระกูลเวิน และเวินเฉิงต่างก็ตกตะลึง
เวินเฉิงคิดว่าหลานสาวของตัวเองนั้นเก่งมาก แต่ไม่คิดว่าจะเก่งขนาดนี้
และมันทําให้ดวงตาของพวกเขาตกตะลึง
“น่าประทับใจจริงๆ! เธอเป็นอัจฉริยะเหมือนพี่ชายรองของเธอไม่มีผิด!” นายหญิงผู้เฒ่าเงินทั้งตกใจและดีใจเป็นอย่างมาก
“นี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก” ท่านผู้เฒ่าเวินกล่าวขึ้นอีกว่า “ความสําเร็จของหลานสาวนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!”
หลานสาวประสบความสําเร็จอย่างมาก และในฐานะตายาย พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจและมีความสุข
“อาเฉิง ที่ฉันบอกเมื่อวานว่าให้เชิญอาน่วนและคนอื่นๆมาทานอาหารเย็นที่บ้านเราเป็นยังไงบ้าง?” ท่านผู้เฒ่าเวินรีบถามขึ้นทันทีนายหญิงผู้เฒ่าเวินถอนหายใจ “เฮ้อ ยังดีที่อาน่วนยังไว้หน้าพวกเราสองคนอยู่ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าพี่น้องจะเกิดความบาดหมางกันต่อไปอย่างแน่นอน แล้วถ้าในอนาคตพวกเธอไม่ติดต่อกันอีก แม้ว่าฉันจะเข้าไปนอนอยู่ในโลงศพแล้วก็ตาม ฉันก็มองพวกเธออย่างสงบไม่ได้อยู่ดี”
การแสดงออกของไช่ชิงเยว่และเงินรั่วนั้น ไม่เหมือนกับความสุขของสองผู้อาวุโสตระกูลเวินที่ไม่รู้ว่าโรงพยาบาลรั่วไห่เซินเป็นอย่างไรในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในวงการแพทย์ก็ตาม แต่พวกเธอก็รู้ว่าการได้เป็นสมาชิกของโรงพยาบาลนั้นรุ่งโรจน์เพียงใด ไม่รู้จริงๆว่าทําไมพระเจ้าถึงไม่ยุติธรรมขนาดนี้ ซึ่งทําให้เจี่ยนอีหลิงถึงกับพลิกผันมากกว่าคนอื่น
และตอนนี้ บนอินเทอร์เน็ตมีการโอ้อวดมากมาย ว่าเจี่ยนอีหลิงนั้นยอดเยี่ยมเพียงใด
ซึ่งค่าโอ้อวดเหล่านั้น ทําให้คนที่อ่านสามารถคลื่นไส้ได้
“แม่คะ อาหญิงและเจี่ยนอีหลิงจะมาทานข้าวที่บ้านในวันพรุ่งนี้แล้ว เราควรจะทํายังไงกันดี?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
เรื่องนี้ยังอัปเดตต่อไหมคะ😭...