เทพศึกมังกรหวนคืน นิยาย บท 26

บทที่ 26 เมื่อก่อนฉันขับรถถัง

“พวกฉันมีตั้งหลายร้อยคน แกล้อมพวกฉัน?”

ต้าตาวและคนอื่นๆมองไป จากนั้นจึงพูดคํานี้และหัวเราะออกมา โดยเฉพาะต้าตาวที่หัวเราะออกมาจากด้านหลัง “ฮ่าฮ่าฮ่า น่าตลกจริงๆ แกคนเดียวเนี่ยนะ พวกฉันมีตั้งหลายร้อยคน ตาของแกไม่ดีรึเปล่า ดูสถานการณ์ไม่ออกรึไง ตอนนี้พวกฉันล้อมแกอยู่ ไม่ใช่แกล้อมพวกฉัน”

“เคยมีกลุ่มทหารรับจ้างพันคน ก็พูดแบบนี้เหมือนกัน สุดท้ายก็ไม่รอดสักคน”

ฉีหยุนเดินมา

“หนึ่งพันคน? ตลกน่า คนน้อยจะสู้คนเยอะได้ยังไง พวกเราจัดการมัน วันนี้มันต้องชดใช้ ฉันจะให้มันรู้ว่าคนอย่างฉันไม่ได้แตะต้องได้ง่ายๆ”

นัยน์ตาของต้าตาวฉายแววดุร้าย เขาแค่ชูมือขึ้น ลูกน้องที่อยู่ข้างหลังก็บุกเข้าไปอย่างรู้งาน

ทั้งหมดบุกเข้าไปพร้อมท่อนเหล็กในมือคนละท่อน

“ไอ้เวร ไปตายซะ”

ทั้งหมดพุ่งเข้ามาที่ฉีหยุน ด้วยท่าทีที่เหมือนจะหักกระดูกของฉีหยุนให้แตกเป็นชิ้นๆยังไงอย่างงั้นที่นี่ไม่มีการตรวจตรา และบังเอิญฉินเฟิงก็คิดอย่างนั้น

“ฉีหยุน บุหรี่หนึ่งมวนสำหรับการจัดการกับพวกมัน”

ฉินเฟิงเอนตัวพิงรถและหยิบบุหรี่ออกมาสูบ สีหน้าที่ดูผ่อนคลาย ขัดกับสถานการณ์ที่ต่อสู้และฆ่ากันในตอนนี้

“หึ บุหรี่หนึ่งมวน ตลกน่า ต่อให้สู้จะเก่งแค่ไหน………”

ต้าตาวหัวเราะแห้งๆ พูดยังทันไม่จบ ก็ถูกกลบด้วยเสียงร้องที่คร่ำครวญ ทําให้ต้าตาวถึงกับงง เขาหันไปมอง ก็เห็นลูกน้องร่วงลงกับพื้นทีละคนๆ

คร่ำครวญไปทั่ว

จากเดิมหลายร้อยคน ตอนนี้เหลือแค่ห้าหกคน

นี่มันอะไรกัน

เร็วขนาดนี้เลยเหรอ

คนของเราอ่อนขนาดนี้เลยเหรอ?

“เจ้าหิน จัดการมัน”

ต้าตาวมองไปยังชายร่างกํายําที่อยู่ในกลุ่มคนนั้น ใส่สนับมือ นัยน์ตาดุร้าย แต่ละหมัดพร้อมพุ่งเข้าทำร้ายฉีหยุน

ไอ้น้องชายคนนี้เกิดมาเพื่อต่อสู้จริงๆ

ทักษะการต่อสู้ของเขานั้นไม่ธรรมดา เป็นลูกน้องที่ฝีมือดีที่สุดของต้าตาว

“ได้สิ”

เจ้าหินปล่อยหมัดถี่และเร็วขึ้น ทีละหมัดๆ จนมีเสียงผัวะ ทำให้ฉีหยุนยิ้มมุมปาก “ตอนแรกเห็นว่านายเก่งดี ยังคิดจะเก็บนายไว้จัดการเป็นคนสุดท้าย แต่ในเมื่อนายเริ่มก่อน ก็อย่าโทษฉันละกัน! ”

ผัวะ

ฉีหยุนกำหมัดแล้วพุ่งออกไป ต่อยกับหมัดของเจ้าหินพอดี

ทั้งเผชิญหน้ากัน

“อ๊า……”

ฉีหยุนยังไม่ทันได้ขยับ เจ้าหินกลับร้องโหยหวนและถอยหลังไปหลายก้าว ฉีหยุนหักแขนและบิดหน้าของมันเจ้าหิน ถึงกับเหงื่อตก แล้วหันไปพูดกับต้าตาวว่า “ลูกพี่ ฉันสู้ไม่ไหวแล้ว แขนฉันหัก”

“อะไรนะ? ”

ต้าตาวถึงกับอึ้งและเบิกตาโต

แล้วฉีหยุนก็เริ่มลงมืออีกครั้ง เขาชั่งน้ำหนักขา และจัดการจับพวกมันห้าหกคนเหวี่ยงให้ล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง เจ้าหินเองก็ล้มลงกับพื้น หมดแรงที่จะลุกขึ้นอีกครั้ง

“43วินาที ภารกิจเสร็จสิ้นครับท่าน”

ฉีหยุนเดินเข้ามารายงานกับฉินเฟิง

จากนั้นฉินเฟิงก็มองไปที่ต้าตาว ต้าตาวมองลูกน้องตัวเองที่นอนคร่ำครวญ ถึงกับถอยหลัง “พี่ชาย มีหนี้ก็ต้องชดใช้ นี่คือสัจธรรม ใช่หรือไม่ ผู้หญิงคนนั้นติดหนี้เรา เราถึงได้มาทวง”

“ติดหนี้พวกแกเท่าไหร่? ถ้ากล้าเพิ่มแม้แต่บาทเดียวฉันจะหักแขนของแก ”

ฉินเฟิงถามอีกครั้ง

“ห้าแสน”

ครั้งนี้ต้าตาวพูดอย่างตรงไปตรงมา “เดือนก่อนผู้หญิงคนนี้ยืมเงินเราไปห้าแสน นี่คือความจริง ยังมีหลักฐานการยืมอยู่เลย แต่หลังจากนั้นดอกเบี้ยทบต้นก็……. ”

พูดแค่นี้แล้วเขาก็หยุดไป

“ก็คือสามล้าน ถูกไหม? เวลาแค่หนึ่งเดือน ดอกเบี้ยพวกแกเพิ่มเร็วจริงนะ”

ฉินเฟิงหรี่ตา

“พี่ชาย ฉันยังมีลูกน้อง มากมายที่ต้องหาเลี้ยงปากท้อง ไม่มีทางเลือก”

“ไม่มีทางเลือก? ดี ลูกน้องฉันก็ต้องหาเลี้ยงปากท้อง งั้นพวกแกจ่ายเงินค่าทำขวัญและค่าเสียเวลา ให้ลูกน้องฉันห้าล้าน ถ้าไม่งั้นละก็อย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากที่นี่ได้”

“ห้าล้าน!”

ใบหน้าของต้าตาวซีดเผือด ทั้งเนื้อทั้งตัวเขารวมกับของที่บ้านก็คงจะมีแค่สิบล้าน ถ้าห้าล้านมันคือเงินครึ่งหนึ่งของที่เขามีเลย นี่มันไม่ใช่เงินน้อยๆเลย

“ทำไม ไม่เต็มใจจ่ายเหรอ? ฉีหยุน ใช้มีดจัดการกับแก่นกลางของมัน”

ฉินเฟิงรีบกวาดตามอง

แก่นกลาง!

“ได้ได้ ฉันเต็มใจจ่าย ฉันเต็มใจ”

พอต้าตาวได้ยินอย่างนี้ ก็รนขึ้นมาทันที ถึงกับรีบเอาบัตรเอทีเอ็มออกมา ยื่นให้กับฉินเฟิง ราวกับเป็นหลานที่เชื่อฟังยังไงอย่างงั้น

“ต่อไป อย่าให้ฉันรู้อีกว่าพวกแกทำเรื่องแบบนี้ ไม่อย่างนั้นพวกแกตายแน่”

“ครับ ครับ ครับ”

ต้าตาวรีบพยักหน้ารับ ครั้งนี้ฉินเฟิงทำให้พวกมันกลัว คนคนเดียวสามารถเอาชนะคนหลายร้อยคนได้โดยที่ตัวเองไม่เป็นอะไรเลย

เขาต้องหยุดสักพักแล้ว แค่เห็นหน้าฉินเฟิงก็อารมณ์ไม่ดี ดีไม่ดีครั้งต่อไปอาจจะต้องเสียแก่นกลางของพวกเขาไป แต่ในตอนที่เขากำลังจะพาทุกคนไป ชายหนุ่มที่ขับรถคนนั้นก็เดินเข้ามา “เอ่อคือ ผมขอถามหน่อยได้ไหมครับ ทำไมทักษะการแข่งรถของคุณถึงดีอย่างนี้”

ชายหนุ่มคนนั้นรู้สึกงงเล็กน้อย เขาเดินสายแข่งรถตั้งแต่ตอนที่ยังเรียนไม่จบ อยู่วงการแข่งรถมาเจ็ดปีแล้ว คิดมาตลอดว่าทักษะการแข่งรถของเขานั้นสุดยอดแล้ว

แต่ตอนนี้มาเปรียบเทียบ!

เขาเริ่มสงสัยว่าตัวเองขับรถเป็นรึเปล่า

ในตอนนี้ต้าตาวก็หันกลับมา เขาเองก็อยากรู้ ถึงแม้เขาจะด่าว่าโหวเฟย แต่ไอ้หนุ่มคนนั้นเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของสนามแข่งรถ ทำไมมาเทียบกับฉินเฟิงแล้ว แตกต่างขนาดนี้

“นายรู้ไหม เมื่อก่อนฉันขับรถอะไร”

ฉินเฟิงถาม

“ขับรถอะไรครับ? รถจี๊ป? ฮัมเมอร์? เบนท์ลีย์? โรลส์-รอยซ์?”

ต้าตาวเดาไปหลายรุ่นมาก

“เฟอร์รารี F2004 F2002 วิลเลียมส์ เรดบูลล์ RB7? ”

โหวเฟยเองก็กําลังคาดเดาอยู่เหมือนกัน แต่ถึงอย่างไงเขาก็เป็นมืออาชีพ รถที่เดาก็เป็นรถแข่งมืออาชีพ เขารู้สึกว่าคนธรรมดาอย่างฉินเฟิง น่าจะเป็นแค่ตัวละครธรรมดาในสนามแข่งรถ

แต่ฉินเฟิงตอบว่า “เมื่อก่อนฉันขับรถถัง รถถังแบบหนัก”

ใช่

ฉินเฟิงไม่ได้โกหก ในตอนที่เขาไปเป็นทหารผ่านความลำบากมากมาย แล้วเขายังเคยเป็นผู้กองของกองร้อยรถถังที่เก้า

“รถถัง!”

ต้าตาวและโหวเฟยสบตากัน รถถังไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ คนที่ขับที่ขับรถถังได้ คนทั่วไปขับรถถังได้เหรอ?

แล้วในตอนนั้นต้าตาวก็ตัดสินใจว่าจะไม่ทําเรื่องแบบนี้อีก เพราะเขากลัวแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพศึกมังกรหวนคืน