ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ นิยาย บท 32

ซูหนานอีรู้สึกประหลากใจเป็นอย่างมาก นักพรตจินอะไรนี่มาจากไหนกัน

อย่าพึ่งพูดเลยว่าหล่อนชื่อเรื่องอะไรพวกนี้หรือไม่ ลัทธิแบบนี้อีกทั้งยังเป็นบุรุษจากข้างนอกอีก แล้วรู้จักที่อยู่นางได้ยังไง คิดว่าคุณหนูใหญ่อย่างข้าเป็นประตูทางผ่านหรือไง

เสี่ยวเถากัดริมฝีปากแน่นกำลังจะเอ่ยอะไรก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างในจวน "ประเสริฐ ประเสริฐ!"

ซูหนานอีคิ้วกระตุก ไม่รอให้เสี่ยวเถาเข้ามารายงานและยังไม่ได้รับอนุญาตจากนางก็บุกเข้ามาในจวนแล้ว!

ช่างอุกอาจเสียจริง!

เสี่ยวเถาก็โมโหจนหน้าหน้าดำหน้าแดง "คุณหนู คุณหนูนักพรตผู้นี้ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ บ่าวจะไปไล่เขาไปเดี๋ยวนี้"

ซูหนานอีรั้งนางไว้ "ไม่ต้อง เจ้าเล่ามาก่อน นักพรตผู้นี้มาทำอะไรที่นี่"

เสี่ยวเถากะพริบตาเล็กน้อยไม่กล้าพูด ซูหนานอีเลยพูดขึ้น:"เจ้าพูดตามความเป็นจริง"

"บ่าวได้ยินจากแม่บ้านที่จวนคุณนายเซี่ยคุยกันว่าที่จวนของเรามีสิ่งอัปมงคลอยู่ ทำให้เกิดเหตุการณ์เรื่องไม่ดีขึ้นจึงต้องทำการกำจัดออกไป"

ซูหนานอีแฉะยิ้มออกมา "แล้วจะมากำจัดสิ่งอัปมงคลที่จวนของข้างั้นหรือ"

"ได้ยินว่านักพรตผู้นี้มีจานอะไรสักอย่าง ที่สามารถระบุตำแหน่งได้ และยังพูด......พูด.....อีกว่าที่จวนนี้มี มีพลังงานที่ไม่ดีเยอะมากที่สุด ดังนั้นเลยจะมาตรวจจับจากที่นี่"

เสี่ยวเถาพูดจบก็โกรธจนกระทืบเท้า "พูดเหลวไหลชัดๆ"

ซูหนานอีพยักหน้าเบาๆ "ไม่เป็นไร เสี่ยวเถา เจ้าไปเฝ้าหน้าประตูไว้ อย่าให้คนอื่นเข้ามาเด็ดขาด ข้าจะไปดูนักพรตผู้นี้สักหน่อย"

ถึงแม้เสี่ยวเถาไม่เข้าใจแต่ก็ตัดสินใจที่จะเชื่อฟังซูหนานอีรีบหันหลังแล้วเดินไปทางหน้าประตู

ซูหนานอีนำขนมวางทับซ้อนกันแล้วเอาวางไว้ตรงหน้าหยุนจิ่ง หยุนจิ่งเห็นก็หยุดเขียนแล้วยิ้มมองออกไปด้านนอก

"เหนียงจื่อ ผู้นั้นเป็นใครกัน"

"หยุนจิ่ง พวกเรามาเล่นอะไรสนุกๆ ดีมั้ย" ซูหนานอีถามพร้อมกับยิ้มตาหยี

"ดีๆ" หยุนจิ่งพยักหน้า น้ำเสียงอารมณ์ดี "หยุนจิ่งชอบเล่นสนุกกับเหนียงจื่อมากที่สุด"

ซูนานอีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ถ้าอย่างนั้นจิ่งเอ้อร์กินขนมอยู่ที่นี่ ข้าจะออกไปพนันกับนักพรตก่อน ถ้าหากข้าไม่เรียกหยุนจิ่งออกมา หยุนจิ่งก็อย่าพึ่งออกมา ดีไหม’ "

"ดีๆ!" หยุนจิ่งรับปากขึ้นมาทันทีและยังลดเสียงลง "จิ่งเอ้อร์เชื่อฟังเหนียงจื่อ เหนียงจื่อไม่เรียก คนอื่นเรียกยังไงจิ่งเอ้อร์ก็จะไม่ออกไป จะยอมให้เหนียงจื่อแพ้ไม่ได้!"

"จิ่งเอ้อร์ว่าง่ายจริงๆ งั้นข้าออกไปพนันกับเขาก่อนนะ ชนะแล้วจะซื้อขนมงาตัดให้เจ้ากิน"

"ดีๆ !"

หลังจากซูหนานอีกล่อมหยุนจิ่งเรียบร้อยแล้วก็ออกมาข้างนอกจวน เวลานี้ก็ตะวันใกล้ตกดินแล้ว แสงอร่ามสีทองปกคลุมลานหน้าจวน และมีแสงเหลืองทองที่สอดสองลงมาผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้และกิ่งก้าน

นักพรตสวมชุดนักพรต บนศรีษะสวมหมวกสีดำ ผมสะอาดจัดเป็นทรงเป็นระเบียบเปิดเผยหน้าผากและขมับทั้งสองข้าง มีขนคิ้วยาวดุจแปลง ตาหรี่เล็ก ตามตัวเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำมัน จมูกแดงเล็กน้อย ใต้ริมฝีปากไว้เคราสองจุกแยกแจกกัน

ซูหนานอีเพียงได้มองก็จำเขาได้แล้ว ที่แท้ก็เป็นเขานั่นเอง ไอ้คนถ่อย!

หลายปีก่อนเขาหลอกลวงว่าเป็นผู้ที่สามารถสื่อสารกับวิญญาณได้แล้วเร่ขายยาปลอมและเคยถูกซูหนานอีเคยสั่งสอนไปแล้วครั้งนึง คิดไม่ถึงว่า หลายปีมานี้เขายังมาปลอมตัวเป็นนักพรตและยังเปลี่ยนชื่ออีก

ซูหนานอีเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม "ท่านนักพรตหรือ"

นักพรตจินเหล่มองสตรีที่อยู่ตรงหน้า นางสวมชุดสีขาว บนศีรษะปักปิ่นหยก เครื่องประดับอย่างอื่นนั้นไม่มี เห็นได้ชัดว่าไม่ถือตัว

นักพรตจินกระแฮมก่อนจะเอ่ยพูดออกมา "ผินเต้าเอง"

"เจ้าเป็นนักพรตอยู่ดีๆ ที่สำนักไม่ชอบ วิ่งมาจวนซูของพวกข้าทำไม เจ้ามีจุดประสงค์อะไร"

สีหน้าซูหนานอีนิ่งเรียบยกมือเรียกเสี่ยวเถาให้เข้ามายืนอยู่ข้างๆ นาง

"ท่านพ่อ" ซูหนานอีคารวะท่านพ่อ "ท่านพ่อก็คิดว่าในจวนของข้ามีสิ่งชั่วร้ายเหมือนกันหรือ"

ซูซืออวี้ถึงกับอึ้ง เดิมทีนั้นยังโมโหอยู่คิดว่าซูหนานอีนับวันยิ่งก่อเรื่องไม่หยุดหย่อน และยังไม่เห็นเขาที่เป็นพ่ออยู่ในสายตา

เขาสามารถที่จะติดตามหาความรุ่งโรจน์ แต่จะไม่ถูกทำให้ตกต่ำเป็นอันขาด เขาเป็นถึงว่าที่พ่อตาท่านอ๋องเป่ยหลี้!

ตอนนี้เห็นซูหนานอีเอ่ยถามออกมาตามตรง เขาก็รู้สึกประหม่า และก็ไม่อาจมีจะแสดงความโกรธออกมาได้ "หนานอี ไม่ใช่ว่าข้าจะสงสัยเจ้า แต่กลัวว่าเจ้าอยู่ที่นี่จะได้รับผลกระทบ ข้าที่เป็นพ่อก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเจ้า"

"อย่างนี้นี่เอง" ซูหนานอีระบายยิ้มออกมา "ที่แท้ท่านก็เป็นห่วงข้านี่เอง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็เปลี่ยนที่พักให้ข้าเป็นเช่นไร เปลี่ยนให้ใหญ่และดีกว่านี้หน่อย"

"……" ซูชืออวี้ไม่ได้ตอบ คุณนายเซี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้น : "หนานอีอะ เปลี่ยนจวนให้เจ้าเป็นเรื่องเล็ก แต่จะปิดบังไม่ยอมรักษาไม่ได้นะ เจ้าว่าใช่หรือไม่ มีสิ่งชั่วร้ายไม่ได้ก็ต้องกำจัดเพื่อความสบายใจ"

"น้าเซี่ยถูกกักบริเวณอยู่ถูกยกเลิกแล้วหรือ" ซูหนานอีเอ่ยถามอย่างแปลกใจ "เมื่อวานเห็นท่านออกจากจวนแล้ว คิดว่าเพราะท่านนั้นรักลูกเลยไม่ถือสา แต่วันนี้คือเรื่องอะไรกัน"

หน้าจองน้าเซี่ยถึงกับซีดมือกำผ้าเช็ดหน้าแน่น "ไม่ใช่เพราะข้ากลัวว่าตัวจะได้รับอันตรายหรอ ใกล้จะถึงวันแต่งงานแล้ว ถ้าหากว่า……"

"ท่านก็รู้ว่าข้าใกล้จะแต่งงานแล้ว งั้นก็อย่ามาทำให้ข้าไม่สบายใจเลย" ซูหนานอีพูดอย่างไร้เยื่อใย "ท่านถูกกักบริเวณนั้นเป็นท่านพ่อที่เอ่ยต่อหน้าเหยียนโมโม่ แค่พริบตาก็ปล่อยออกมาแล้ว คิดว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร"

ตอนนี้ซูชืออวี้ก็เริ่มหน้าถอดสี ขมวดคิ้ว: "หนานอี น้าเซี่ยเขาเป็นห่วงเจ้าจริงๆ และก็รู้ว่าตัวผิดไปแล้ว ส่วนเรื่องนักพรตจินนั้นเขาก็เป็นคนช่วยพ่อเอง เจ้าจะอยู่แต่กับความผิดของคนอื่นไม่ปล่อยวางไม่ได้นะ"

หน้าของซูหว่านเอ้อร์ก็ยังไม่หายดี สวมผ้าคลุมหน้า เผยให้เห็นเพียงตาเท่านั้นที่จ้องไปทางซูหนานอี

"ซูหนานอี แม่ข้าหวังดีหานักพรตมาให้เจ้า เจ้ายังไม่สำนึกบุญคุณอีก! ถ้าหากว่าเจ้ายังยืนยันว่าจะไม่ให้นักพรตทำพิธี งั้นก็แสดงว่าเจ้ากำลังปิดบังอยู่! ว่าเจ้านั่นแหละที่เป็นสิ่งชั่วร้าย!"

สายตาของซูหนานอีเย็นเยือกดุจน้ำแข็ง : "โอ๊ะ"

"หรือว่าไม่ใช่" ซูหว่านเอ้อร์ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าตัวเองพูดก็มีเหตุผล "ไม่เช่นนั้นล่ะก็เจ้าจะเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคนได้อย่างไร"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ