ซูหนานอีคิ้วขมวดเล็กน้อย ซูหว่านเอ้อร์พูดนั้นไม่มีข้อไหนถูกเลยยกเว้นประโยคสุดท้าย
นางก็เปลี่ยนเป็นคนละคน
ซูหนานอีหัวเราะออกมาเบาๆจากนั้นก็เริ่มดังขึ้น จนทำให้รู้สึกขนลุกน่ากลัว คนอื่นล้วนอึ้งกันหมด
"ข้าไม่เปลี่ยน หรือจะให้ข้ายอมให้พวกเจ้าสองแม่ลูกรังแกอย่างนั้นหรอ ข้าไม่เปลี่ยน หรือจะให้ข้ายอมให้พวกเจ้าใส่ร้ายอย่างนั้นหรือ ถูกกดขี่ ถูกสาดโคลนสกปรก ทำให้พวกเจ้าตกต่ำอย่างนั้นหรือ อ้อใช่ ข้าเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าข้าไม่เปลี่ยนไปข้าก็คงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้หรอก!"
ซุหนานอีจ้องตาไม่กระพริบพูดออกมาทีละคำดุจมุกน้ำแข็ง "ที่ไหนของข้าทำให้พวกเจ้ารับไม่ได้ ซูหว่านเอ้อร์ เจ้าอย่าลืมนะว่าคนที่ล่วงเกินเทพเจ้าคือเจ้า!"
ซูหว่านเอ้อร์นั้นตกใจกับท่าทีของนางตอนนี้มากถึงกับก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว
คิ้วซูชืออวี้ขมวดขึ้นกว่าเดิม และสีหน้าเริ่มเคร่งเครียด
น้าเซี่ยลอบมองสีหน้าของเขา พบว่าเขาเริ่มหวั่นไหวท่าจะไม่ดีแล้ว เลยรีบส่งสายตาให้นักพรตจิน
นักพรตจินสะบัดพู่แล้วเอ่ย: "ประเสริฐ ประเสริฐ นายท่านซู เปิ่นเต้านั้นพูดตามสัจจริง ครั้งนี้ที่มาไม่ได้เพราะเบี้ยหรือรางวัล แต่มาเพราะว่ากำจัดสิ่งชั่วร้าย ช่วยชีวิตคนดีกว่าสร้างพระเจ็ดชั้น ได้ช่วยจวนซูกำจัดสิ่งชั่วร้าย เปิ่นเต้าก็ยอม"
น้าเซี่ยก็เอ่ยขึ้น: "ใช่แล้ว นายท่าน ตอนนี้หนานอีนั้นมีสำคัญมาก แต่พวกเราก็ต้องระมัดระวังด้วย ถ้าให้ตำหนักอ๋องเป่ยหลี้ทราบเรื่องที่จวนเรามีสิ่งชั่วร้าย เมื่อถึงตอนนั้น……เกรงว่าจะไม่ดีแน่"
ซูซืออวี้ได้ฟังก็ถึงกับกระตุก ใช่แล้ว ครั้งก่อนได้ล่วงเกินผิดต่อไท่เฟยแล้วครั้งนึง พระเจ้าคุ้มครองถึงได้ให้ซูหนานอีออกหน้ารับหน้าแทน ทำให้ตระกูลซูไม่ได้รับโทษ แต่ถ้าหากต้องทำผิดอีกครั้ง คงจะปกป้องตระกูลซูเอาไว้ไม่ได้แน่!"
พอคิดมาถึงตอนนี้ ก็เอ่ยกับนักพรตจิน: "ได้ ท่านนักพรต ท่านรีบทำพิธีเถอะ รีบกำจัดสิ่งชั่วร้ายออกไป!"
นักพรตจินก็พยักหน้าท่าทีเคร่งเครียดหยิบกับจานเข็มทิศออกมา "ข้าจะเริ่มหาก่อน ทุกท่านดูจานเข็มทิศของข้าหรือยัง เข็มชี้ไปที่ใคร ใครคนนั้นก็คือถูกสิ่งชั่วร้ายสิงร่างอยู่!"
เมื่อเขาพูดอย่างนี้ทุกคนอย่างก็ยืนนิ่งแม้แต่แสงสว่างของอาทิตย์ก็แปลเปลี่ยนเป็นมืดลง
ซูหนานอีสีหน้าไม่เปลี่ยน ยืนอยู่บันไดมองคนพวกนั้นด้วยสายตาเย็นเยือก
นักพรตจินได้ค่อยๆ เดินมาทางนาง สีหน้าเริ่มเคร่งขรึมขึ้น คนอื่นก็ถึงกับกลั้นลมหายใจ
ท้ายที่สุดนักพรตจินก็ได้มาถึงใต้บันได เขาเงยหน้าขึ้นแล้วยกแขนที่มีจานเข็มทิศขึ้นแขนเสื้อที่ใหญ่ทำให้บดบังสายตาของทุกคนที่อยู่ด้านหลังได้
ซูหนานอีกลั้นขำ กดเสียงให้เบาที่สุดเพื่อให้ได้เพียงนักพรตจินได้ยินคนเดียว
นักพรตจินได้ยินแววตาก็ถึงกับนิ่งงัน สีหน้าซีดริมฝีปากสั่นเทา
ซูหนนอียิ้มกว้างออกมา แต่ก็ไม่ได้เป็นจุดสนใจแววตาเย็นเยือกเหมือนกับคนถูกผีสิง
นักพรตจินใจเต้นตึกตัก สัมผัสได้อย่างนั้นก็ถึงกับก้าวถอยหลัง ซูหนานอียื่นมือออกไปจับเข้าที่แขนเสื้อของเขาไว้ "ท่านนักพรตจิน ระวังหน่อย ระวังจะล้มเอาได้"
นักพรตจินหายใจแรง น้ำเสียงเบาหวิว "เจ้า……"
"เจ้าต้องตรวจหาดีๆ ดูให้ละเอียด ห้ามดูผิดเด็ดขาด" ซูหนานอีพูดด้วยน้ำเสียงเบาและราวกับคมมีดที่แทงเข้าหัวใจของนักพรตจิน
นักพรตจินถึงกับสะอึกแววตาลึกลัก มือที่ถือจากเข็มทิศก็เปลี่ยนทิศทาง
เดิมทีเซี่ยชื่อกับซูหว่านเอ้อร์นั้นเห็นเขาเดินไปข้างหน้าซูหนานอีก็ร้องออกมาได้ความดีใจ เพียงนักพรตจินพูดออกมาซูหนานอีก็จะมีสิ่งชั่วร้ายสิงร่างอยู่ อย่าว่าแต่เรื่องงานแต่งงานที่จะถูกยกเลิกไป เกรงว่าแม้แต่จวนของนางก็จะถูกปิดตายไปด้วย!
แต่พิธียังไม่นาน นักพรตจินก็เปลี่ยนทิศทางอีกครั้ง เกิดอะไรขึ้น
นักพรตจินหันมาทางพวกเขาที่ยืนอยู่ไม่กี่คน ก้าวมาทีละเก้า ทีละเก้าด้วยฝีเท้ามั่นคง
ซูซืออวี้หน้านิ่วคิ้วขมวด มองดูเข็มทิศที่อยู่ในมือเขา ตาก็กระตุก
ทันในนั้น นักพรตจินก็หยุดฝีเท้า จานเข็มทิศของเขาก็หมุนเร็วขึ้น เร็วขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ค่อยๆ ช้าลง ทุกคนต่างก็ใจเต้นราวกับถูกเข็มนั้นปักลงมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ