ตอนที่หยุนจิ่งเดินออกมาจากข้างในห้อง ซูซืออวี้รู้สึกว่าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ใบหน้าของเขาซีดเผือด ตะลึงงันไม่รู้จะพูดอะไรดี
เซี่ยชื่อที่ทั้งร้องไห้ทั้งพูดอยู่ก็หุบปากลง
สถานการณ์ที่วุ่นวายเมื่อสักครู่ แค่พริบตาก็ตกอยู่ในภวังค์ความเงียบ
สีหน้าหยุนจิ่งที่นิ่งเรียบ ริมฝีปากชิดกันเชิดขึ้นจนเห็นชัดจัด แสดงให้เห็นว่าตอนนี้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์
ซูหนานอีถอนหายใจอยู่ภายในใจ ถ้าหากหยุนจิ่งรักษาหายก็คงดี นี่ก็คงจะเป็นท่าทีแต่เดิมของเขา
"ท่าน……ท่านอ๋อง? " ในที่สุดซูซืออวี้ก็ตั้งสติได้ รีบทำความคาระวะ
หยุนจิ่งยังไม่สั่งให้ลุกขึ้น ให้เขาอยู่อย่างนั้น "พวกเจ้ารังแกเหนียงจื่อของข้าอีกแล้ว"
"……" ทุกคนต่างเงียบ
ตอนนี้ตามหน้าของนักพรตจินก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ถือว่ายังโชคดีอยู่บ้างจากร้ายเป็นดี ไม่ได้ตั้งใจจะเล่นแง่กับคุณหนูซูคนนี้ต่อไป
ทว่าคุณหนูใหญ่ผู้นี้มาจากที่ไหนกันแน่
เซี่ยชื่อที่ทั้งพยุงซูหว่านเอ้อร์พร้อมทั้งกับคาระวะอย่างลำบาก
หยุนจิ่งร้องหึออกมา "ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดว่ายังไง พวกเจ้าต้องทำปฎิบัติต่อเหนียงจื่อของข้าอย่างดี แล้วทำไมถึงยังมารังแกนางอีก"
ซูซืออวี้เหงื่อไหลออกมา พูดไม่ออก ส่วนเซี่ยชื่อที่อยู่ด้านหลังเขาก็เอ่ยขึ้น "ตอบท่านอ๋อง พวกเราจะไปรังแกนางได้อย่างไร เพียงแต่รู้สึกว่าช่วงนี้ที่จวน……เกิดเรื่องแปลกขึ้นไม่หยุด เกรงว่าจะส่งผลต่อตัวนาง เมื่อถึงวันอภิเษกสมรสแล้วจะส่งผลกระทบไปถึงท่านอ๋องกับไท่เฟย ถ้าเป็นเช่นนั้น……จะไม่ใช่ถือว่ากระทำผิดหรอกหรือ"
ซูหนานอีหรี่ตาลง เซี่ยชื่อผู้นี้ช่างฉลาดพูดยิ่งนัก!
น้ำเสียงของหยุนจิ่งนิ่งลงไปมาก "ข้าไม่กลัว ข้ากับเสด็จแม่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ พวกเจ้าต่างหากที่ทำเรื่องไม่ดีเลยทำให้เกิดเรื่องแปลกๆ ขึ้น เกี่ยวอะไรกับเหนียงจื่อของข้าด้วย"
ซูหนานอีแอบปรบมืออยู่ในใจ เยี่ยมยอด!
เซี่ยชื่อเหมือนยังจะเอ่ยอะไร แต่ถูกหยุนจิ่งเอ่ยเสียงเย็นชาออกมาก่อน: "เจ้าเป็นใครกัน แค่ป้าคนหนึ่ง บังอาจมาเสวนากับข้า! พวกเจ้าตระกูลซูไม่มีกฎเกณฑ์ มิน่าล่ะถึงได้เกิดเรื่องแปลกขึ้นไม่หยุดหย่อน ข้าคิดว่านะ นอกจากเหนียงจื่อแล้ว ไม่มีใครดีสักคน!"
ซุหนานอีก็อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ หันหน้าไปมองหยุนจิ่งแล้วยิ้มให้เขา พร้อมยกนิ้วโป้งให้
หยุนจิ่งก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันทีพร้อมกับยิ้มตาหยี
คนอื่นล้วนถวายบังคมอยู่ ต่างก็มองไม่เห็น มิเช่นนั้นคงโมโหจนกระอักเลือดออกมาแน่
ซูชืออวี้รู้สึกว่าหลังของเขาตอนนี้ใกล้จะหักแล้ว แต่หยุนจิ่งก็ยังไม่เรียกให้ลุกขึ้น เขาก็ไม่กล้าขยับ มองกลับไปข้างหลัง "หุบปาก! ต่อหน้าท่านอ๋องเจ้ามีสิทธิพูดหรือไง"
วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเซี่ยชื่อ เรื่องก็คงไม่บานปลายจนกลายเป็นแบบนี้
หยุนจิ่งที่มองสีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปเร็วกว่าเปิดหนังสือเสียอีก "ในเมื่อพวกเจ้าเชิญนักพรตตามล่าหาวิญญาณชั่วร้ายแล้ว งั้นก็หาให้เจอ ถ้าหากทำไม่ได้ ข้าจะถือว่าพวกเจ้าตั้งใจจะรังแกเหนียงจื่อของข้า! ทำไมนางถูกใส่ร้ายได้ แล้วกับพวกเจ้าไม่ได้ล่ะ นี่มันยุติธรรมแล้วหรือ"
ตอนนี้ซูซืออวี้ใจเต้นจนจะหลุดออกมาแล้ว ไม่ใช่บอกว่าท่านอ๋องเป่ยลี้สมองเลอะเลือนหรอกหรือ เขาพูดทุกอย่างล้วนมีเหตุผลไม่ใช่หรือ
ตอนนี้เซี่ยชื่อหน้าซีดกัดริมฝีปากแน่นไม่กล้าจะเอ่ยเถียง
"นั่นใคร" หยุนจิ่งชี้ไปทางนักพรตจิน "เจ้า ที่ถือที่ดักแมลงวัน ทำให้ดีล่ะ ข้างนอกจวนก็ต้องทำด้วย เข้าใจไหม"
นักพรตจินใจเต้นไม่อยู่กับเนื้อกับตัว "……พะยะค่ะ"
เซี่ยชื่อก็เกือบจะเป็นลมไปอีกคน นอกจวนก็ต้องทำเหมือนกันหรือ ก็ไม่เท่ากับว่าทุกคนในจวนต่างก็รู้เรื่องนี้กันหมดเลยหรือ แม้แต่คนภายนอกก็ต้องรู้เรื่องด้วย!
หยุนจิ่งโบกมืออย่างมีอารมณ์ นั่งค้างอยู่อย่างนั้นเมื่อยจะตาย "พอแล้วๆ ไม่มีอะไรแล้ว พวกเจ้ารีบไปซะ ควรทำอะไรก็ไปทำ วุ่นวายเสียจริง ข้ากับเหนียงจื่อจะกินข้าวเย็นด้วยกันแล้ว"
"พะยะค่ะ" ซูซืออวี้พยักหน้า "ผู้น้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้พะยะค่ะ"
ซูหนานอีหน้าแดงระเรื่อ "แน่นอน อยู่กับจิ่งเอ้อร์จะทำขายหน้าไม่ได้"
ซูหนานอีให้เสี่ยวเถาอยู่เฝ้าประตู ถึงยังไงคืนนี้ก็คงไม่มีใครเข้ามาก่อเรื่องที่จวนตระกูลซูแล้ว
จากนั้นนางกับหยุนจิ่งก็ออกไปข้างนอก โดยขึ้นรถม้าของจวนอ๋องไป
ม่านของรถม้าถูกแทนที่ด้วยผ้าม่านบางๆ และลูกปัดที่ร้อยเรียงอย่างสวยงาม
แต่ก่อนซูหนานอีเป็นคนเก็บตัวไม่ค่อยออกไปไหน ออกไปข้างนอกก็มีเพียงต้องไปทำธุระให้กับกู้ซีเฉิน และยังต้องปลอมตัวแอบไปอย่างลับๆ จะมีเวลามาชื่นชมความงดงามยามคืนได้อย่างไรกัน
ตอนนี้พอนึกถึงขึ้นมา ก็รู้สึกว่าตัวเองโง่เขลานัก
"เหนียงจือ เหนียงจื่อ" หยุนจิ่งเขย่าแขนนาง "เป็นอะไรไป"
"ไม่มีอะไร คิดว่าได้ออกมาเที่ยวกับจิ่งเอ้อร์ ข้ามีความสุขมาก" ซูหนานหยุดคิดแล้วเอ่ยตอบ
"เหนียงจื่อ จิ่งเอ้อร์ก็มีความสุข" หยุนจิ่งกุมมือนางไว้ มือนางนุ่มยิ่งนัก
หยุนจิ่งพาซูหนานอีมาที่ริมฝั่งแม่น้ำหลิว สมชื่อจริงๆเพราะริมแม่น้ำเต็มไปด้วยต้นหลิว ลมพัดโชยยามค่ำคืนกิ่งหลิวโบกสะบัดไปมา ช่างสวยงามนัก
และสิ่งที่ทำให้รู้สึกประหลาดใจก็คือมีเรือบุปผาอยู่ไม่ไกล บนเรือมีแสงไฟระยิบระยับ เชื่อมกับแสงสว่างของดาวบนฟ้า เสียงเสียดสีของไผ่ก็ดังมาจากเรือ ราวกับตำหนักบนสวรรค์
หยุนจิ่งรู้สึกตื่นเต้นมาก พูดอวดกับซูหนานอี "เหนียงจื่อ เจ้าดูนั่น! สวยไหม"
ซูหนานอีกลับรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย แต่นางก็ไม่ได้แสดงออกมา ได้แต่ยิ้มบาง "สวย จิ่งเอ้อร์รู้จักที่นี่ได้ยังไง"
หยุนจิ่งชี้ไปที่เรือที่อยู่ไม่ไกล "ข้าเคยขึ้นไปบนนั้น บนนั้นมีของอร่อยๆ เยอะมาก และยังมีสุรามีคนร้องเพลง แต่บนตัวพวกเขามีกลิ่นเหม็น ข้าไม่ชอบ"
ซูหนานอีมองไปที่มีแสงไฟด้วยสายตานิ่งดุจน้ำแข็ง ค่อยๆ ละลายกลายเป็นไอ ดีเลย นางก็อยากจะไปดูสักหน่อย ว่าใครเป็นคนพาหยุนจิ่งมาที่อย่างนี้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ