ในเวลานี้บรรยากาศแบบนี้ จู่ๆก็มีเสียงหัวเราะส่งมา ทำให้คนรู้สึกขนลุก!ซูหนานอีมองไปดูห้องในทิศเหนือห้องนั้น กระดาษบนหน้าต่างที่ทรุดโทรมก็ขาดรุ่งริ่งเช่นกัน สามารถเห็นร่างข้างในได้อยู่ คนนั้นใช้มือปิดปากไว้ ปิ่นปักผมบนศีรษะของคนนั้นส่งแสงเจิดจ้าในท่ามกลางความมืด ไม่เข้ากับเรือนที่ทรุดโทรมนี้เลย
หยุนหลิ่ว ซูหนานอีหรี่ตาเล็กน้อย นางเตรียมจะเดินขึ้นหน้าไป เสี่ยวชีดึงนางเอาไว้ และส่ายหน้าใส่นาง
ซูหนานอีชี้ไปที่เรือน และพูดแบบไร้เสียง"ข้างหลังเรือน"
เสี่ยวชีทำอะไรไม่ได้ มีแต่ต้องเดินตาม หน้าต่างของข้างหลังเรือนก็ขาดรุ่งริ่งเช่นกัน สามารถมองเห็นฉากในข้างในได้พอดี
หยุนหลิ่วยืนอยู่กลางห้อง ในห้องไม่มีเครื่องเรือนเครื่องใช้เลย แม้กระทั่งเก้าอี้ยังไม่มี มีคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ในมุมห้อง และมองหยุนหลิ่วด้วยความโกรธ
ผมของนางยุ่งเหยิงไปหมด ใบหน้าก็สกปรกอยู่ สิ่งสกปรกเติมหน้า มองไม่ออกว่าหน้าตาเดิมเป็นอย่างไร รู้แค่ว่าอายุไม่มาก ดวงตาก็สว่างมาก ตอนนี้กำลังเต็มไปด้วบความโกรธอยู่ มือของนางกำลังจับฟางที่อยู่ข้างล่างอย่างแน่น ยืดขาตรง เหมือนขยับไม่ได้เลย
หยุนหลิ่วยิ้มอย่างภูมิใจ ภายในดวงตาเต็มไปด้วยแสงที่โหดเหี้ยม"อุ้ย เจ้าใช้สายตาแบบนี้มองข้าทำไม?เจ้ารู้สึกว่าเจ้ามองข้าแบบนี้ ข้าจะจะกลัวเจ้าหรือ?"
ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้พูด เสียงของหยุนหลิ่วเปลี่ยนเป็นโหดร้ายอำมหิตทันที"เชื่อไหมว่าข้าจะขุดดวงตาของเจ้าออกมา!"
ผู้หญิงยังคงไม่เอ่ยเสียงใดๆ แค่จ้องนางอย่างโหดเหี้ยม จู่ๆหยุนหลิ่วก็ใช้ผ้าปิดจมูกแล้วหัวเราะขึ้นมา"กลัวหรือ?ฮ่าๆ เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ใช่เจ้ากลายเป็นคนตาบอดหรอก ข้าจะให้ข้าเป็นใบ้ ให้เจ้าเดินไม่ได้ แต่ไม่มีวันให้เจ้าตาบอดหรอก เจ้าต้องดูให้ดี ดูสิว่าข้าจะทดแทนเจ้ามีชีวิตที่สุขสบายในจวนอ๋องยังไง"
"แค้นไหม?"หยุนหลิ่วก้มหน้าเล็กน้อย ใช้ผ้าปิดจมูกด้วยความรังเกียจ"เหม็นจริงๆเลย หลิวซาง ตอนนั้นที่เจ้ามาโอ้อวดต่อหน้าข้า เคยคิดหรือเปล่าว่าจะมีวันนี้?"
"ฮือ......"น้ำเสียงของหลิวซางแหบแห้ง เปล่งเสียงออกมาไม่ได้เลย นางพยายามจะลุกขึ้นมา แต่ไม่มีผลใดๆ
"ฮ่าๆ เจ้าอย่าเสียแรงเปล่าๆเลย!"น้ำเสียงของหยุนหลิ่วเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม"เจ้าดูลักษณะในตอนนี้ของเจ้าสิ ข้าเห็นแล้วรู้สึกสะใจมาก!เจ้ารู้ไหมว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ข้าเริ่มเกลียดเจ้า?ข้าต้องคิดก่อน คือตั้งแต่ตอนที่เจ้าได้รับรางวัลที่ไท่เฟยพระราชทานให้ แล้วทำเป็นใจดีแบ่งให้ข้าหน่อยนึง?หรือเป็นตอนนั้นที่เจ้าได้รับการชื่นชมจากไท่เฟย ก็เลยกลับมาโอ้อวดกับข้า?"
หลิวซางร้องไห้ออกมา หยุนหลิ่วยกมือไปหยิบพู่ที่ตกลงสู่พื้น"ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะพูดอะไร ข้าก็แค่อยากจะพูดว่าเจ้าไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น แค่อยากจะแบ่งปันให้ข้าด้วยความหวังดี แค่อยากจะดูแลข้าในฐานะที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้า"
"แต่ว่าหลิวซาง ข้าจะยอมได้อย่างไรเล่า?เจ้าเทียบกับข้าไม่ได้สักอย่าง ไปๆมาๆก็เป็นแค่คนใช้เท่านั้น พยายามขนาดไหนก็เป็นแค่บ่าวทาสเท่านั้น ส่วนข้า ถูกไท่เฟยพระราชทานนามสกุลให้ ไม่แตกต่างจากคุณหนูในจวนนี้เลย"น้ำเสียงของหยุนหลิ่วสูงบ้างต่ำบ้าง โหดเหี้ยมบ้างยิ้มบ้าง ราวกับผี
ซูหนานอีคิดในใจว่า ใจของคนนั้นน่ากลัวกว่าผีจริงๆ
หยุนหลิ่วเดินหน้าขึ้นไปก้าวหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความภูมิใจ"หลิวซาง ข้าจะบอกข่าวดีให้เจ้า วันนี้ไท่เฟยมีใจที่จะให้ข้าแต่งงานกับท่ายอ๋อง รอหลังจากท่านอ๋องเสร็จงานอภิเษกสมรสแล้ว ข้าก็จะได้เป็นเมียน้อยของท่านอ๋อง กลายเป็นเจ้านายที่แท้จริง เจ้าต้องมีชีวิตอยู่อย่างดี พอดีเวลาข้าจะประทานอาหารอร่อยๆมื้อหนึ่งให้เจ้า"
หลิวซางส่ายหน้าและร้องไห้ ดวงตาเกือบจะพ่นไฟออกมา แต่หยุนหลิ่วกลับหัวเราะอย่างสะใจ พอหัวเราะเสร็จก็จากไป
หญิงแก่รับใช้สองคนนั้นทำความเคารพและประจบสอพลอต่อหยุนหลิ่ว ส่งนางออกไปจากเรือน สายตาของซูหนานอีเต็มไปด้วยความเย็นชา ค่อยๆแข็งตัว เมียน้อยหรือ?หยุนหลิ่วมีความคิดแบบนี้จริงด้วย แต่เสียดาย......คนที่เจ้าต้องเผชิญนั้นเป็นข้าซูหนานอี
เสี่ยวชีมองไปดูสีหน้าของนาง พูดกระซิบว่า"คุณหนูอย่าไปสนใจ ที่หยุนหลิ่วพูดนั้นจริงไม่จริงยังไม่แน่ หากนางสามารถเป็นเมียน้อยได้คงเป็นตั้งนานแล้วเจ้าค่ะ"
ซูหนานอีโบกมือ"ไป ไปดูท่านอ๋องสิ"
เสี่ยวชีไม่เข้าใจความคิดของนาง มีแต่ต้องพานางเดินไปข้างหน้า หยุนจิ่งยังไม่ได้หลับ มองผ่านหน้าต่างไปก็เห็นเงาคน กำลังก้มหน้าทำอะไรสักอย่างอยู่
คนใช้โน้มน้าวใจอยู่ข้างๆ"ท่านอ๋อง ท่านอย่าทำเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าบ่าวไปหาช่างไม้ ให้เขาทำให้ท่านหลายอันเลย ดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ