ซูหนานอียังคงมิได้หันหลังกลับไปมอง แต่กลับคงเดินอยู่ในตรอกอันมืดนี้
จู่ๆคนที่ด้านหลังของนางก็เอ่ยขึ้นว่า "คุณหนูใหญ่เจ้าคะ?"
เมื่อซูหนานอีได้ยินเสียงนี้ก็หันศีรษะไปทันที แสงจากดวงจันทร์ที่ส่องกระทบมาทำให้เห็นชัดว่าขอนี่ก็คือชุนหลิงนั่นเอง
"เจ้า? เหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่?" ซูหนานอีเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
ชุนหลิงยกถุงกระดาษในมือขึ้นพลางเดินไปหานาง "บ่าวมาซื้อขนมให้แม่นางหลิ่วเจ้าค่ะ"
"เจ้าช่างเป็นบ่าวที่จงรักภักดียิ่งนัก" ซูหนานอีเยาะเย้ยเล็กน้อย "อยู่กับเจ้านายคนใหม่เป็นอย่างไรบ้าง?"
ดูเหมือนว่าชุนหลิงจะฟังไม่ออกถึงความหมาย นางจึงยิ้มแล้วกล่าวว่า "ดีทีเดียวเจ้าค่ะ ขอบคุณคุณหนูที่เป็นห่วงเป็นใย แม่นางหลิ่วมีนิสัยอ่อนโยนและปฏิบัติต่อสาวใช้ไม่เลวเลย"
ซูหนานอียังไม่ทันได้กล่าวอะไรออกมาอีก นางใช้เพียงความเงียบเข้าตอบโต้ และดูว่าชุนหลิงต้องการทำอะไรกันแน่
"คุณหนูเจ้าคะ เดิมทีบ่าวต้องการจะใช้เส้นทางลัดนี้ แต่ทว่าตอนนี้ท้องฟ้ามืดน่ากลัวเหลือเกิน บ่าวกลัว บ่าวขอติดตามกลับไปพร้อมคุณหนูไปด้วยได้หรือไม่?"
ซูหนานอีพยักหน้าเล็กน้อย "ได้สิ"
ชุนหลิงจึงรีบโค้งคารวะขอบคุณ แววตาของนางมีความโหดร้ายผ่านแวบเข้ามาเป็นประกาย
เมื่อเดินไปถึงตรงทางแยก จู่ๆชุนหลิงก็ลื่นไถลและล้มลงบนถนน
ซูหนานอีหยุดฝีเท้าและหันกลับมามองนาง "เป็นอะไรหรือ?"
"คุณหนูเจ้าคะ ดูเหมือนว่าบ่าวจะข้อเท้าเคล็ด……" ชุนหลิงสูดหายใจเข้า ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตา
ซูหนานอีเอนตัวลงมาเพื่อต้องการดูว่านางได้รับบาดเจ็บอย่างไร ในขณะที่นางกำลังก้มศีรษะลงไปนั้นจู่ๆชุนหลิงก็โบกมือขึ้น หมอกควันสีชมพูจางระเบิดขึ้นต่อหน้านาง กลิ่นหอมหวานกระจายออกไปทั่วทันที! ท่ามกลางผงฝุ่นนั้น ซูหนานอีเห็นได้ชัดว่าแววตาของชุนหลิงเต็มไปด้วยความชั่วร้ายน่าสะพรึงกลัว และยังมีความเย่อหยิ่งอยู่ด้วย
แต่ทันใดนั้นชุนหลิงก็รู้สึกตกใจและสับสน ฝุ่นผงเริ่มจะจางหายไปท่ามกลางอากาศด้วยกลิ่นอันหอมหวาน มันจางหายไปอย่างรวดเร็วแต่ว่า……
ดูเหมือนซูหนานอียังคงมีสติดี! ดวงตาดำเข้มคู่นั้นยังคงเป็นประกายในยามค่ำคืนราวกับมีดคมที่ตัดเข้าไปยังขั้วหัวใจ
ความเย่อหยิ่งในดวงตาของชุนหลิงเมื่อสักครู่เปลี่ยนไปเป็นความตื่นตระหนก "ท่าน……"
นางกล่าวได้เพียงคำเดียว ก็พบว่าซูหนานอียกมือขึ้นจากนั้นนางก็รู้สึกเจ็บบริเวณท้ายทอยแล้วภาพตรงหน้าก็มืดมนไปทันที
ซูหนานอีหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น จากนั้นใช้มือเอื้อมไปค้นหาขวดกระเบื้องเล็กๆมา ด้านในเป็นยาเม็ดเล็กสีชมพู นางนำมันขึ้นมาดมแล้วขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะหยิบมาสองเม็ดแล้วบีบปากชุนหลิงบังคับให้นางกลืนลงไป ในที่ไม่ไกลออกไปนักมีใครบางคนกำลังเข้ามาใกล้ๆ ชั่วพริบตาเดียวซูหนานอีก็ได้ปลดถุงใส่ตราหยกตรงเอวออกมาสับเปลี่ยนกับชุนหลิง ก่อนจะหลบซ่อนไปยังข้างทางอันมืดมิด
ผู้ที่เดินทางมานั้นเป็นชายสองคน พวกเขาก้มหน้าลงมองดูชุนหลิงที่สลบอยู่ก่อนจะตบหน้าของนางเบาๆ เมื่อสังเกตเห็นท่าทางของนาง ชายคนหนึ่งจึงได้ยิ้มออกมาเบาๆว่า Wช่างโหดเหี้ยมเสียจริง ยาเช่นนี้ยังให้นางกินได้ถึงสองเม็ด คืนนี้คงมิได้พักผ่อนกันพอดี"
ชายอีกคนหนึ่งหัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัย "จะเป็นไรไปเล่า เรียกสหายมาอีกสักสี่ห้าคนก็ได้มิใช่หรือ?"
"จะว่าไปก็ถูก ไปเถอะ พวกเราไปหาความสุขกัน"
ทั้งสองคนนำชุนหลิงใส่ลงไปในกระสอบแล้วแบกขึ้นสู่อก เดินทางออกจากตรอกนั้นอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของซูหนานอีมืดมนลงทันใด ดวงตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นและโมโห นี่ต้องการทำให้นางถึงแก่ชีวิตเลยหรือไร! นางมิลังเลและรีบติดตามพวกเขาไปท่ามกลางความมืด
ทั้งสองคนเดินไปถึงตรงซอยก็มีรถม้าจอดรออยู่ที่นั่น พวกเขานำกระสอบโยนเข้าไปบนรถ ก่อนจะขับรถม้าจากไปอย่างรวดเร็ว
ซูหนานอีพบว่าทิศทางที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปนั้นคือทางตรงข้ามกับหอเหมียนชุนก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อหวนนึกดูดีๆ ชายหนุ่มสองคนเมื่อครู่ดูเหมือนจะมิใช่คนของหอเหมียนชุน
แม้ว่าในหอเหมียนชุนนั้นจะมีพวกลูกจ้างผู้ชายอยู่บ้าง แต่ทั้งสองคนนี้แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ฟังจากน้ำเสียงการพูดจาและท่าทางอันกระฉับกระเฉง พวกเขา……มีรังสีโหดเหี้ยมอำมหิต
ในใจของนางสะดุ้งทันใด ขณะที่ต้องการติดตามไปนั้นจู่ๆก็พบร่างหนึ่งจากทางด้านหลังกระโดดลงมาจากต้นไม้ นางหันหลังกลับไปมองพบว่าเป็นเซี่ยหล่าน
"เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?" นางผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เซี่ยหล่านเองก็มองนางด้วยสายตาประหลาดใจ Wข้าติดตามเจ้าสองคนนั่นมา บัดนี้มิมีเวลาอธิบาย ไว้ข้าจะไปหาเเล้วเล่าให้ฟังวันหลัง"
"ไม่ ข้าจะไปด้วย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-จอมนางสะท้านพิภพ