เมื่อเห็นรอยยิ้มแฝงแววหยอกล้อของหลิวชิงหย่า หยุนชางจึงรีบพูดว่า "ในเมื่อชางเอ๋อร์พูดออกไปแล้วย่อมต้องทำจริง หรือว่าหย่าผินเหนียงเหนียงไม่เชื่อชางเอ๋อร์หรือ?"
"ทำไมจะไม่เชื่อ?" หย่าผินหัวเราะ ดวงตาของนางจ้องมาที่หยุนชาง "เช้านี้หม่อมฉันไปเข้าเฝ้าฮองเฮา นางบอกหม่อมฉันเป็นพิเศษว่าองค์หญิงเป็นคนที่เป็นมิตรและยังชอบการเต้นรำของหม่อมฉันมาก ดังนั้นหากข้ามีเวลาก็ให้มาที่ตำหนักชิงซินบ่อยๆ ตอนแรกหม่อมฉันยังกังวลอยู่ในใจว่าองค์หญิงจะไม่ชอบถูกรบกวนหรือไม่ แต่ข้าคงกังวลเกินไปแล้ว"
หยุนชางหรี่ตามอง ที่แท้ฮองเฮาขอให้นางมานี่เอง? ตามที่คาด ไม่ว่าอย่างไรนางก็ยังเป็นหนามยอกอกของฮองเฮาอยู่
"เสด็จแม่ช่างใส่พระทัยกับชางเอ๋อร์จริงๆ พอชางเอ๋อร์มีเวลาว่างแล้วจะต้องไปขอให้สอนเต้นอย่างแน่นอนเพคะ"
หย่าผินยิ้มน้อยๆ นางยกมือขึ้นเบาๆ แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าบังปากนางไว้ "เช่นนั้นหม่อมฉันไม่รบกวนแล้ว ขอตัวก่อนนะเพคะ"
หยุนชางพยักหน้า หย่าผินลุกขึ้นยืนและเดินออกไป เมื่อเดินไปถึงประตูนางก็ดูจะนึกบางสิ่งได้ นางหันศีรษะกลับมาและกล่าวว่า "หม่อมฉันได้ยินมาว่านอกจากกุ้ยฮวาแล้ว ใช้ดอกบ๊วยทำเป็นชาก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ดอกบ๊วยในวังของฮองเฮากำลังบานอยู่ หากองค์หญิงชอบกลิ่นหอมของดอกบ๊วยก็สามารถให้คนไปเก็บมาสักกิ่งสองกิ่งได้" นางพูดจบแล้วก็จากไป
หย่าผินเพิ่งจากไป ขันทีเจิ้งก็มา "องค์หญิง คณะทูตแห่งแคว้นเย้หลางและแคว้นเซี่ยได้เข้าวังมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทบอกว่า ยามโหย่วในวันพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงที่ตำหนักจินหลวน ขอให้องค์หญิงไปเข้าร่วมตรงเวลาด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
หยุนชางยิ้มแล้วรับคำ งานเลี้ยงงั้นหรือ งานเลี้ยงในวังครั้งนี้น่าสนใจยิ่งนัก งานเลี้ยงแทบทุกงานจะต้องมีเรื่องเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีเรื่องวิเศษอะไรเกิดขึ้นอีก
ในวันรุ่งขึ้น เมื่อหยุนชางตื่นจากงีบหลับในตอนบ่ายก็ถูกจับแต่งตัวโดยฉินยีและเฉี่ยนอินอยู่กว่าครึ่งวัน นางสวมชุดสีม่วงและเครื่องประดับเล็กน้อยก่อนจะออกจากตำหนักชิงซินไป
เมื่อมาถึงตำหนักจินหลวน เนื่องจากจิ่นเฟยไม่อยู่ ตำแหน่งที่นั่งของหยุนชางจึงเลื่อนมาเป็นลำดับสองซึ่งเป็นด้านหลังของหัวจิ้ง บนที่นั่งของฟากบุรุษที่หันหน้าเข้าหานางมีชางเจียชิงซูที่กำลังนั่งขมวดคิ้วเล็กน้อยและไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
สายตาของหยุนชางกวาดมองชางเจียชิงซูอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็เบนไปมองชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างเขา รูปลักษณ์องอาจหล่อเหลาเอาการ แต่ที่สะดุดตามากที่สุดก็คือท่าทางสง่าสุขุมลุ่มลึกนั้นของเขาสร้างความแตกต่างอย่างมากกับรัศมีโหดเหี้ยมเย็นชาของชางเจียชิงซู คนผู้นี้คงจะเป็นท่านอ๋องเจ็ดจากแคว้นเซี่ยกระมัง อ๋องเจ็ดผู้นี้ถูกขนานนามว่าเด็กอัจฉริยะตั้งแต่อายุยังน้อย เพียงแต่หลังจากป่วยหนักครั้งหนึ่งก็ได้ยินมาว่าร่างกายของเขาไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นไท่จื่อ* จากแคว้นเซี่ยเดินทางมายังแคว้นหนิงใช้เวลาเดินทางราวสิบวัน แต่เป็นเพราะอ๋องเจ็ดสุขภาพไม่ดีแล้วยังออกนอกแคว้นมาครั้งแรกจึงใช้เวลารวมทั้งหมดถึงสี่สิบวัน (*ตำแหน่งรัชทายาท)
"นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้พบน้องหญิง น้องหญิงดูงามขึ้นเรื่อยๆ" เสียงของหัวจิ้งดังมาจากด้านข้าง หยุนชางเลิกคิ้วแล้วหันศีรษะไป กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ช่วงนี้เสด็จพี่ก็ดูสุขสบายดี ดูแล้วอวบอิ่มขึ้นเล็กน้อยด้วยนะเพคะ"
หัวจิ้งหางตากระตุกเล็กน้อยและหลุบตาลง "งั้นหรือ?"
"ฮ่องเต้เสด็จ... " เสียงประกาศของขันทีดังแว่วมาจากด้านนอก หยุนชางรีบลุกขึ้นลงมาคุกเข่าอย่างรวดเร็ว "ขอให้ฮ่องเต้จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานเพคะ"
"ฮ่าฮ่าฮ่า ทุกคนลุกขึ้นเถอะ" เสียงอันอบอุ่นของจักรพรรดิหนิงดังขึ้น ทุกคนกล่าวขอบคุณและลุกขึ้น
"เจิ้นเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่แคว้นเซี่ยและแคว้นเย้หลางมาเยือนจึงได้ให้จัดงานเลี้ยงขึ้นโดยเฉพาะ หวังว่าท่านทูตทุกท่านจะได้รับความบันเทิง" จักรพรรดิหนิงยิ้มพลางมองไปยังผู้คนจากแคว้นเซี่ยและแคว้นเย้หลางแล้วหัวเราะอย่างสดใส
ชางเจียชิงซูและอ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ยรีบยกจอกเหล้าขึ้นและกล่าวว่า "ขอบพระทัยฝ่าบาทสำหรับการต้อนรับ"
จักรพรรดิหนิงยิ้มและยืนขึ้น "เหล้าจอกแรกข้าขอให้ทั้งสามแคว้นอยู่ร่วมกันอย่างสันติและเจริญรุ่งเรือง"
ทุกคนรีบดื่มอย่างยินดีปรีดา
จักรพรรดิหนิงยกแก้วขึ้นอีกครั้ง "จอกที่สอง ขอให้ไพร่ฟ้าอยู่เย็นเป็นสุข"
"จอกที่สาม คืนนี้พวกเราไม่เมาไม่กลับ!"
ทุกคนรีบดื่มตามอีกสองแก้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง