คนสามกลุ่มหรือ หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็เดาได้ว่าจิ้งอ๋องและจักรพรรดิหนิงคงจะส่งคนไปสืบข่าวเช่นกัน แต่กลุ่มที่สามนั้นนางไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร
"สืบต่อ สืบมาว่าใครส่งคนสามกลุ่มนั้นออกไป" หยุนชางขมวดคิ้วและพูดอย่างเฉียบขาด
เฉี่ยนอินขานรับและพูดขึ้นอีกว่า "จริงสิ องค์หญิง ท่านอ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ยดูเหมือนจะป่วยอีกแล้วเพคะ เมื่อคืนมีหมอหลวงจำนวนมากเข้าออกที่เรือนรับรอง แต่เดิมทีพวกเราต้องการจับคนหนึ่งมาถามเรื่องท่านอ๋องเจ็ดว่าอาการเป็นอย่างไร แต่นึกไม่ถึงว่าหมอหลวงคนนั้นจะกลัวจนเป็นลม ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลยเพคะ กลัวว่าเรื่องที่หมอไม่กลับไปจะทำให้เกิดความสงสัย จึงได้ส่งหมอหลวงไปที่จวนของเขาแล้ว"
"ป่วยอีกแล้วหรือ?" หยุนชางยิ้มอย่างเย็นชา เซี่ยโหจิ้งผู้นี้ ว่าจะป่วยก็ป่วยจะหายก็หายงั้นหรือ? ช่างเลือกเวลาได้ถูกต้องเสียจริง
"จับตาดูผู้ที่เข้าออกเรือนรับรองคณะทูตให้ดี ข้าสงสัยว่าเซี่ยโหจิ้งจะแสร้งป่วยและปลอมตัวออกไปแล้ว"หยุนชางกำชับเสียงเบา
เฉี่ยนอินรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว
มีเสียงฝีเท้าแว่วมาจากด้านนอก หยุนชางเพ่งสมาธิฟังก็รู้ได้ว่าฉินยีแล้ว เป็นอย่างที่คาด ม่านถูกแหวกออกและฉินยีเดินยิ้มเข้ามา "องค์หญิง หม่อมฉันปฏิบัติภารกิจลุล่วง นำชุดแต่งงานไปมอบให้จิ้งอ๋องกับมือเลยเพคะ"
หยุนชางพยักหน้าเล็กน้อย แต่ในใจแอบอดคิดไม่ได้ว่าเขาจะมีท่าทีอย่างไรในตอนนั้น
"จิ้งอ๋องบอกว่าจะแต่งงานในวันที่หกเดือนหน้าออกจะฉุกละหุกไปบ้าง แต่เรื่องที่ต้องทำก็ต้องทำให้ดี จะให้องค์หญิงน้อยหน้าไปไม่ได้เป็นอันขาดและสั่งว่าในวันที่สิบแปดเดือนนี้จะจัดพิธีแลกสินสอดขึ้น จวนองค์หญิงกำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง ท่านอ๋องบอกว่าแม้ว่าต่อไปส่วนมากองค์หญิงจะอยู่ที่จวนของเขา แต่อย่างไรจวนขององค์หญิงก็ต้องตกแต่งให้ดี แล้วท่านอ๋องยังบอกอีกว่าขอบคุณองค์หญิงสำหรับชุดที่เตรียมไว้สำหรับเขา เขาไม่มีอะไรจะตอบแทนจึงมอบหยกแขวนที่เขาพกติดตัวมาตลอดและหวังว่าองค์หญิงจะดูแลรักษามันอย่างดี"
ฉินยียิ้มอย่างมีความสุขและยื่นหยกแขวนสีเขียวให้นาง เมื่อครู่ที่นางตามหัวหน้าขันทีเจิ้งไปส่งมอบพระราชโองการก็รู้สึกร้อนอกร้อนใจเล็กน้อย นางอยู่ข้างกายหยุนชางมาตลอดและรู้เรื่องของจิ้งอ๋องอยู่บ้างและนางก็รู้จักเจ้านายของตนเองดี เพียงแต่เมื่อครู่นางลอบสังเกตสีหน้าจิ้งอ๋องอย่างละเอียดก็เห็นว่าท่าทางของเขาดูสงบและไม่มีแววความไม่พอใจประการใด แล้วยังปลดหยกแขวนมอบให้ฉินยีต่อหน้าทุกคนอีกด้วย
เดิมทีฉินยีคิดว่าเป็นเพียงหยกแขวนล้ำค่าเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าขันทีเจิ้งจะบอกนางว่าหยกแขวนชิ้นนี้เป็นของล้ำค่าเพียงชิ้นเดียวที่ติดตัวจิ้งอ๋องมาก่อนที่เขาจะถูกรับเลี้ยงโดยจักรพรรดิองค์ก่อน เกรงว่าจะเป็นสิ่งเดียวที่จะสามารถรู้เกี่ยวกับชาติกำเนิดของเขาได้ ขันทีเจิ้งยังเล่าถึงเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ เมื่อยี่สิบปีที่แล้วอีกด้วย เขาบอกว่าเมื่อจิ้งอ๋องยังเด็ก องค์ฮ่องเต้ต้องการดูหยกแขวนนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาเพียงแตะมัน จิ้งอ๋องก็บ้าคลั่งขึ้นมา กระโจนเข้าใส่ฮ่องเต้จนล้มลงไปกับพื้นและสู้กันอย่างดุเดือด
สันนิษฐานว่าสำหรับจิ้งอ๋องแล้วหยกแขวนนี้ไม่ได้เป็นเพียงหยกธรรมดา แต่ยังเป็นตัวแทนของครอบครัวที่เขาไม่เคยพบ แต่ตอนนี้เขายินดีที่จะมอบมันให้กับองค์หญิงแปลว่าเขาจะรักองค์หญิงมาก องค์หญิงเองก็เป็นคนฉลาด ถ้านางได้แต่งงานกับคนที่รักนาง นางคงจะมีความสุขมาก
หยุนชางรับหยกแขวนสีเขียวนั้นมาถืออยู่บนมืออยู่นาน หยกแขวนนี้เป็นหยกชั้นดี สีเขียวอมฟ้านั้นดูราวกับเคลื่อนไหวได้ ด้านหน้าแกะสลักด้วยลวดลายหงส์และมังกร ด้านหลังสลักตัวอักษรลั่ว
มิน่าเล่าจิ้งอ๋องจึงแซ่ลั่ว คงจะเป็นเพราะหยกแขวนนี้ หยุนชางคิดพลางลูบหยกที่อ่อนโยนด้วยมือของนาง มุมปากปรากฏรอยยิ้มบางๆ "ฉินยี เจ้าสอนข้าถักเชือกมงคลหน่อยเถอะ"
ฉินยียิ้มน้อยๆ พร้อมกับแววล้อเลียนในดวงตาของเขา "เพคะ องค์หญิงไม่เคยแตะต้องสิ่งเหล่านี้เลย คิดไม่ถึงว่าวันนี้จู่ๆ ก็อยากจะเรียนขึ้นมา ไม่เช่นนั้นองค์หญิงเรียนการเย็บปักถักร้อยไปด้วยเลยดีไหมเพคะ อย่างน้อยจะได้ทำรองเท้าและเสื้อผ้าได้ องค์หญิงจะแต่งงานเร็วๆ นี้แล้ว ของใช้ส่วนตัวของท่านอ๋องหากองค์หญิงทำด้วยตนเองได้คงจะดีมาก"
หยุนชางหน้าแดงระเรื่อราวกับดอกบัวบานสะพรั่งทั้งยังแฝงแววความเขินอายเล็กน้อยและไม่ยอมเงยหน้าขึ้นอยู่นาน
ฉินยีมองดูแล้วก็รู้สึกโล่งใจ ดูเหมือนว่าองค์หญิงและท่านอ๋องจะใจตรงกัน เช่นนั้นก็ดีแล้ว นางจะได้รายงานพระสนมได้อย่างโล่งใจ
แม้จะบอกว่านางกำลังจะแต่งงานแล้ว แต่ทุกเรื่องก็มีกรมพิธีการคอยจัดการให้ ฮองเฮาเองก็ถามขึ้นเป็นครั้งคราวเช่นกัน หยุนชางที่กำลังว่างเป็นอย่างมากก็นึกถึงเรื่องคุณชายของตระกูลเวินขึ้นมาได้ "คุณชายเวินถูกคุมขังไว้ที่ไหน?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง