โชคดีที่ฉีหล่างไม่ปล่อยให้หยุนชางรอนานเกินไป
หยุนชางฟังรายงานจากองครักษ์ลับ คืนในวันนั้น ฉีหล่างว้าวุ่นนอนไม่หลับ โมโหใส่ฮูหยินคนที่ห้าของจวน และในเช้าวันรุ่งขึ้นก็ส่งจดหมายมาที่ค่าย อยากจะพบพวกพ้องบางคนที่สนิทด้วย
แม่ทัพที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่เวรในวันนั้นคือคนสนิทของฉีหล่าง หยุนชางยิ้มและสั่งให้หลิวหัวและหวังชงไปตรวจตราเป็นครั้งคราว เป็นการดีที่สุดที่จะอยู่ที่ประตูค่าย อย่าให้ใครก็ตามที่ไม่ควรออกจากค่ายได้ออกจากค่ายไป
ฉีหล่างเห็นว่าผู้ส่งสารใช้เวลานานมาก แต่สิ่งที่เขานำกลับมามีเพียงประโยคเดียว "เหล่านายกองออกจากค่ายไม่ได้ เนื่องจากเมื่อวานนี้ใต้เท้ากำกับการสั่งให้เฝ้าระวังอย่างเคร่งครัดกับคนที่จะเข้าและออกจากค่าย ไม่มีอะไรสำคัญ ไม่สามารถออกจากค่ายได้ นายกองหรือยศที่สูงกว่าที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่เวร จะต้องให้ใต้เท้ากำกับกรอนุญาต"
ฉีหล่างโกรธมาก ยกมือขึ้นและกระแทกดาบลงบนโต๊ะอย่างโหดเหี้ยม ยิ้มอย่างเย็นชา "นางคิดจริงๆหรือว่ามีจิ้งอ๋องที่คอยสนับสนุนนาง ข้าก็ไม่สามารถทำอะไรนางได้งั้นหรือ นางลืมไปแล้วว่า ใครเป็นเจ้าของเมืองคังหยางแห่งนี้ มาแค่เดือนเดียว ก็คิดอยากควบคุมทหารในค่ายคังหยาง ช่างเป็นความฝันของคนโง่เขลา!" ฉีหล่างต่อว่าอย่างโหดเหี้ยมครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนชุดเกราะและเข้าไปที่ค่าย
จากนั้นสั่งการตามบรรดาผู้ที่สนิทกับเขามาหารือที่กระโจมของเขา แต่กลับได้รับแจ้งว่านายกองทั้งหมดถูกใต้เท้ากำกับการพาตัวออกไป โดยบอกว่าไปตรวจตราสนามฝึกด้วยกัน เพื่อดูการฝึกซ้อมของเหล่าทหาร
ฉีหล่างกัดฟันและรอเป็นเวลานาน รอจนกระทั่งหยุนชางพาคนเดินเข้ามาในกระโจมด้วยตัวนางเอง "ข้าได้ยินมาว่าแม่ทัพฉีเรียกแม่ทัพและนายกองบางท่านมา มีเรื่องสำคัญที่จะหารือ ข้าคิดว่า ในค่ายทหารนั้น สิ่งที่เรียกว่าเรื่องสำคัญนั้นต้องเกี่ยวข้องกับการเดินทัพสงคราม แม่ทัพอยู่ในเมืองคังหยางมาเป็นเวลานาน คงจะชัดเจนกับสิ่งต่างๆรอบตัว ดังนั้นจึงอยากมาฟังความเห็นอันสูงส่งของท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพคงจะไม่ตำหนิข้าที่มาโดยไม่ได้รับเชิญใช่หรือไม่"
ฉีหล่างอ้าปากค้าง ยกมือขึ้นกดเส้นเลือดบนหน้าผากของเขา ผ่านไปสักพัก เขาก็ดึงรอยยิ้มออกมา "ที่ไหน ข้าน้อยมิบังอาจ เพียงแค่ว่าเมื่อวานเพราะมีเหตุบางอย่างจึงไม่ได้มาในค่าย ดังนั้นจึงตามพวกเขามาถามว่า เมื่อวานมีเรื่องสำคัญอะไรเกิดขึ้นในค่ายหรือไหม"
"โอ้?" หยุนชางยิ้มอย่างอ่อนโยน เดินไปที่เก้าอี้และนั่งลงโดยตรง หันสายตาไปมองดูผู้คนที่ฉีหล่างตามมา และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "เช่นนั้นก็ดี ทุกท่านก็ตอบคำถามท่านแม่ทัพเถิด ข้ายังมีเรื่องจะขอคำแนะนำจากแม่ทัพฉี ดังนั้นข้าจะรอที่นี่"
นายกองเหล่านั้นกล้าพูดต่อหน้าหยุนชางได้อย่างไร พูดอย่างเร่งรีบ "เมื่อวานนี้ในค่ายทหารทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้นขอรับ"
ฉีหล่างกำหมัดแน่นไว้ในแขนเสื้ออย่างลับๆ และยิ้ม "โอ้ เช่นนั้นก็ดี ในเมื่อเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเจ้าก็ถอยออกไปก่อนเถิด เพื่อที่พวกเจ้าจะได้ดูแลเรื่องของตัวเอง"
ผู้คนนับสิบตอบอย่างรวดเร็ว และออกจากกระโจมไป
หยุนชางหันไปมองฉีหล่าง ยืนขึ้นด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง เดินไปที่โต๊ะทราย เหลือบมองไปที่ผังทรายจำลองที่มีธงปักอยู่ในนั้น พูดด้วยรอยยิ้ม "วันนี้ตอนที่ข้ากำลังศึกษาผังทรายจำลองนี้ในกระโจม พบข้อสงสัยคือ ควรมีแม่น้ำอยู่ในตำแหน่งนี้ แต่ทำไมจึงไม่มีเครื่องหมายในผังทรายจำลอง?"
ดวงตาของฉีหล่างก้มลงที่ตำแหน่งนิ้วของหยุนชาง เงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า "มีแม่น้ำอยู่ที่นี่จริง แต่ว่านั่นมันหลายสิบปีที่แล้ว ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เนื่องจากฝนที่ลดลงในคังหยาง แม่น้ำจึงแห้งแล้ง เว้นแต่จะมีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน มิเช่นนั้นจะไม่มีน้ำในแม่น้ำ ดีงนั้น จึงไม่มีเครื่องหมายอยู่ในผังทรายจำลอง"
หยุนชางพยักหน้า เลื่อนนิ้วขึ้น และหยุด "ที่นี่ มีทะเลสาบไหม"
ฉีหล่างไม่ต้องมองก็รู้ว่าหยุนชางหมายถึงที่ใด เพราะเขาไม่พอใจหยุนชางมาก หมดความอดทนเล็กน้อย "ขอรับ มีทะเลสาบ และไม่เล็กด้วย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง