หยุนชางเงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่ฮองเฮา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสับสน " ทำเช่นนี้ได้หรือเพคะ? ทำเช่นนี้ถือเป็นการหลอกลวงมิใช่หรือเพคะ? อาจารย์อู๋น่ามักจะกล่าวว่า พระสงฆ์จะไม่พูดปด ชางเอ๋อร์ไม่สามารถโกหกได้เจ้าค่ะ "
"เจ้าเด็กโง่ เจ้าไม่ใช่พระสงฆ์นี่นา แต่เจ้าต้องอภิเษกสมรสนะ เจ้าลองคิดดูหากถึงเวลานั้น จะมีเหล่าขุนนางผู้ดีที่มีเกียรติมากมายมาร่วมงาน หากเจ้าทำไม่ได้แม้แต่เย็บปักรูปลายดอกไม้ จะมีสักกี่คนที่เต็มใจจะรับเจ้าไปเป็นพระสุณิสา? หลังจากที่เจ้าอถเษกสมรสเรียบร้อย เรื่องทุกอย่างมีสาวใช้คอยจัดการให้ เรื่องเย็บปักถักร้อยเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องทำแล้ว เรื่องนี้ก็จะไม่ถูกเปิดโปง สุดท้ายแล้วเจ้าก็ยังเป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ได้อภิเษกกับตระกูลที่ดีๆ นั่นต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ"
หยุนชางเงียบไปอยู่นาน จากนั้นก็กัดฟันและพยักหน้าตอบว่า " ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามที่เสด็จแม่ว่าเลยเพคะ"
หยวนเจินฮองเฮาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งเดือนก็จะถึงวันพิธีบรรลุนิติภาวะแล้ว เจ้าหารูปวาดต้นแบบให้ไวจะดีกว่านะ จะได้มีเวลามากพอให้จิ้งเอ๋อร์ปักให้เสร็จเรียบร้อย"
หยุนชางตอบกลับ และตอบคำถามของหยวนเจินฮองเฮาไปอีกหลายคำถาม เมื่อเสร็จสิ้นจึงได้พาฉินยีกลับไปที่ตำหนักชิงซิน
"องค์หญิง...... " ฉินยีกำลังจะพูด แต่ถูกสายตาของหยุนชางห้ามไว้ หยุนชางโบกมือ เรียกให้นางแนบหูเข้ามา ทั้งสองกระซิบกันอยู่นาน จากนั้นไม่นาน หยุนชางก็พาฉินยีออกไปอีกครั้ง พวกนางตรงไปที่หอพระราชสมบัติ
หอพระราชสมบัติเป็นสถานที่เก็บสมบัติต่างๆ ของราชวังนี้ มีงานประดิษฐ์ตัวอักษรและภาพวาดที่มีชื่อเสียงมากมายเก็บอยู่ที่นี่ เมื่อหยุนชางไปถึงหอพระราชสมบัติ นางพบว่าประตูของหอพระราชสมบัตินั้นถูกปิดไว้ และมีขันทีหลายคนกำลังทำความสะอาดอยู่ หยุนชางให้ฉินยีเข้าไปถามพวกเขา
หลังจากนั้นไม่นาน ฉินยีก็กลับมาและกล่าวว่า " องค์หญิงเจ้าคะ ขันทีเหล่านี้กล่าวว่าปกติแล้วผู้คุมงานของหอพระราชสมบัติ ไม่ได้อยู่ที่นี่เจ้าค่ะ และผลงานอักษรและภาพวาดที่เก็บในหอพระราชสมบัตินั้นจะไม่มีการให้ยืมไปใช้เจ้าค่ะ เว้นแต่จะมีคำสั่งของฝ่าบาทเท่านั้นเจ้าค่ะ .. "
หยุนชางถอนหายใจ " ช่างมันเถอะ เรื่องแค่นี้อย่าไปรบกวนเสด็จพ่อจะดีกว่า" จากนั้นจึงกลับไปที่ตำหนักชิงซิน ฉินเมิ่งกำลังจัดพระแท่นบรรทมอยู่ หยุนชางนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับพระแท่นบรรทมและถอนหายใจออกมา
"องค์หญิงเจ้าคะ หม่อมฉันจำได้ว่าองค์หญิงเอาภาพเขียนพู่กันและภาพวาดจำนวนมากมาจากวิหารแคว้นหนิงมาด้วยใช่หรือไม่เจ้าคะ และมีหลายชิ้นที่เป็นผลงานชิ้นเอกชื่อดัง แม้ว่าจะสู้ผลงานที่อยู่ในหอพระราชสมบัติมิได้ แต่ก็เป็นผลงานที่อาจารย์อู๋น่าอยากเก็บรวบรวมไว้นะเจ้าคะ องค์หญิงลองหาออกมาสักชิ้นให้องค์หญิงหัวจิ้งช่วยปักดีหรือไม่เจ้าคะ?" ฉินยีกล่าวอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นหยุนชางเศร้าใจ
หยุนชางพยักหน้าและยังคงเสียใจเล็กน้อย "ตอนนี้คงมีแค่วิธีนี้แล้ว เจ้าไปหยิบออกมาให้ข้าดูหน่อย เลือกเอาอันที่ดูเหมาะสมหน่อยแล้วกัน"
ฉินยีรีบตอบกลับแล้ววิ่งไปที่กล่องอยู่ตรงข้าง ๆ แล้วเปิดกล่องออก นางหยิบภาพวาดหลายภาพออกมาและให้ฉินเมิ่งมาช่วยคลี่ออกทีละภาพให้หยุนชางดู
"ภาพแดนสุขาวดี ไม่ค่อยดีไม่เป็นมงคล ภาพพระอมิตายุพุทธเจ้า นี่ไม่ใช่งานวันเกิดสักหน่อย ไม่เหมาะสม เจ้าแม่กวนอิม? ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เห้อ ... สัทธรรมปุณฑรี? ภาพวาดนี้ถือเป็นภาพที่ดูปกติ คนที่เชื่อในพระพุทธเจ้าจะรู้ว่าภาพนี้วาดอะไร แม้ว่าไม่นับถือพระพุทธเจ้า ก็สามารถมองว่ามันคือภาพวาดดอกบัวธรรมดาก็ได้ เอาอันนี้แหละ" หยุนชางกล่าวเบา ๆ "ห่อภาพวาดให้ดี และส่งไปให้องค์หญิงหัวจิ้ง ฉินเมิ่งเจ้าเอาไปส่งดีกว่า "
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินเมิ่งตอบกลับอย่างรวดเร็ว "เจ้าค่ะองค์หญิง"
ทันทีที่ฉินเมิ่งออกไป หยุนชางก็เงยหน้าขึ้นและพูดกับฉินยีว่า " เรากลับมาที่วังเกือบครึ่งเดือนแล้วคิดๆ แล้วคงได้เวลาที่พวกฮองเฮาจะสนใจเราน้อยลงแล้ว เจ้ากับเสด็จแม่สามารถติดต่อกันหรือไม่?"
"เจ้าค่ะ" ฉินยีพยักหน้าโดยไม่ลังเล
หยุนชางครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วจึงพูดว่า "เจ้าไปส่งข่าวให้เสด็จแม่ บอกไปว่าข้าได้ยินมาตลอดว่าเสด็จแม่เล่นขิมได้ดีมาก แต่ข้าไม่เคยมีโอกาสได้ฟังเลย หวังว่าช่วงดึกของวันที่ข้าบรรลุนิติภาวะ เสด็จแม่จะสามารถมาที่ศาลาบนเกาะเผิงไหล เพื่อบรรเลงให้ข้าได้ฟัง ถือเสียว่าเป็นของขวัญบรรลุนิติภาวะของข้า งานเลี้ยงหลังจากพิธีบรรลุนิติภาวะของข้าจะจัดที่หอหมิงเยว่บนเกาะเผิงไหล หากว่าบรรเลงอยู่ที่ศาลาใกล้ๆ หอหมิงเยว่ ข้าคงจะได้ยิน "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง