ในเมื่อจิ้งอ๋องและพระชายาของเขากล้าพูดเช่นนี้ท่ามกลางตำหนักจินหลวน และคนในตำหนักจินหลวนก็ไม่ได้รู้สึกตกใจแต่อย่างใด ทำให้เขารู้ได้ทันทีว่า สิ่งที่สองคนพูดมานั้นเป็นความจริง
ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก ทั้งตีสองหน้า ทั้งลอบมีความสัมพันธ์กับชางเจียชิงซูที่เป็นศัตรูตัวฉกาจ กระทั่งเคยอุ้มทองลูกของชางเจียชิงซูมาแล้ว
ยิ่งหวนคิดไปถึงภาพที่เขาได้พบกับหนิงหัวจิ้ง ก็ยิ่งรู้สึกปวดร้าวราวกับหลงตัวไปถูกกับดัก
ครั้งแรกที่เขาได้พบกับหนิงหัวจิ้ง เขาก็รู้สึกราวกับว่านางนั้นเกิดมาเพื่อเขา หลายๆอย่างในตัวนางตรงใจเขาไปเสียหมด มาตอนนี้ นางก็เป็นผู้ที่เข้าใจเขาดีที่สุด คนที่เขาต้องระวังเห็นทีจะเป็นชางเจียชิงซูที่สู้รบปรบมือกับเขามาเนิ่นนาน คำกล่าวที่ว่ารู้เขารู้เรา ลางทีศัตรูคงมองออกว่าเขาหลงไหลสิ่งใด ตอนนี้เขาแน่ใจแล้ว ผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็นกลลวงที่ชางเจียชิงซูส่งมาตามติดชีวิตเขาอย่างแน่นอน
แล้วเขาก็มองไปที่ท้องของหนิงหัวจิ้ง ท้องของนางยังไม่โตสักเท่าไรนัก......หนิงหัวจิ้งมาอยู่กับเขาได้ไม่ถึง 2-3 เดือนก็กลับตั้งครรภ์เสียแล้ว แม้ตัวเขาเองจะยังมีนางเล็กๆอีกหลายคน เหตุใดจึงมีแต่หนิงหัวจิ้งที่ตั้งครรภ์อยู่เพียงผู้เดียว? เด็กในครรภ์ของนาง จะเป็นลูกของเขาจริงหรือไม่นะ?
อีกอย่าง ชายาจิ้งอ๋องเคยบอกว่า นางดื่มยาเสริมเสน่ห์เข้าไปมากมาย ยาพวกนั้นเป็นยาสำหรับยั่วยวนเขาเองหรือนี่? ชายาจิ้งอ๋องยังพูดอีกว่า หนิงหัวจิ้งเคยแท้งลูกมาก่อน เมื่อดื่มยาเข้าไปเกินขนาน สุขภาพครรภ์จึงมิค่อยจะสู้ดีนัก......
ชางเจียคังหนิงหรี่ตา แล้วมองไปยังจักรพรรดิหนิงที่ประทับอยู่บนพระแท่นลายมังกร "ในเมื่อนางเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นหนิง ก็ขอให้ฮ่องเต้ทรงเป็นผู้วินิจฉัยลงทัณฑ์เรื่องนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ"
หนิงหัวจิ้งร้อนรนเป็นอย่างมาก นางรีบพูดออกมาในทันที "องค์รัชทายาท หม่อมฉันกำลังอุ้มท้องลูกของพระองค์อยู่นะเพคะ!"
ชางเจียคังหนิงรู้สึกเอือมระอา นี่นางยังกล้าเอาเด็กในท้องมาขู่เขาอีกหรือนี่? เขาเชิดหน้าไปทางอื่น ไม่แยแสสายตาเว้าวอนของหนิงหัวจิ้งแม้แต่น้อย
"ในเมื่อองค์รัชทายาทชางเจียคังหนิงเอ่ยเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นข้าจะขอตัดสินใจเลยก็แล้วกัน ทหาร นำตัวหนิงหัวจิ้งออกไป นำไปขังไว้ที่คุกในศาลต้าหลี่ รอจนกระทั่งเด็กในท้องคลอดออกมา ก็ให้ทำการตัดหัวทันที" จักรพรรดิหนิงมีพระบรมราชโองการลงมาโดยไม่ชายตามองหนิงหัวจิ้งแม้แต่น้อย
หนิงหัวจิ้งแทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง นางมองไปยังจักรพรรดิหนิง สักพักก็หัวเราะออกมาดังลั่น "ฮ่าๆๆๆๆ...... คำว่าพ่อลูก? ในราชวงศ์นี้ไม่มีคำว่าพ่อลูก เมื่อครั้งที่ท่านตาและเสด็จแม่ยังมีผลประโยชน์ต่อพระองค์ พระองค์ก็ทรงรักใคร่ทะนุถนอมหม่อมฉันเป็นอย่างดี ตอนนี้ไม่มีท่านตาและเสด็จแม่คอยปกป้องหม่อมฉันแล้ว พระองค์ก็มองหม่อมฉันเป็นเพียงเศษไม้ใบหญ้าก็เท่านั้น"
จักรพรรดิหนิงสะบัดเสียง "หากแม้นวันนี้ไม่ใช่วันมงคลล่ะก็ ข้าจะสั่งประหารเจ้าเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ ยังไม่รีบนำตัวนางออกไปอีก?"
ทหารนอกตำหนักกรูเข้ามาในทันที พวกเขาลากตัวหนิงหัวจิ้งออกไป ระหว่างที่ถูกคุมตัวออกไป หนิงหัวจิ้งก็ด่าทอสาปแช่งไม่หยุดปาก จนกระทั่งเสียงของนางค่อยๆเลือนหายไป
หลังจากนั้น จักพรรดิหนิงก็ทรงเลิกคิ้ว แล้วหันไปตรัสกับจิ่นกุ้ยเฟย "เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศ พวกเรามาสังสรรค์กันต่อเถิด ยกอาหารเข้ามา"
จิ่นกุ้ยเฟยอึ้งไปสักพักแต่หลังจากนั้นก็ตั้งสติได้ นางปรบมือส่งสัญญาณ พลันมีนางในแต่งกายด้วยอาภรณ์ที่งดงามยกพานผลไม้และอาหารต่างๆเข้ามาถวาย เสียงเครื่องดนตรีบรรเลงขึ้น บรรยากาศเป็นไปด้วยความครึกครื้นเริงรื่น ราวกับว่าเหตุการณ์เมื่อครู่นี้นั้นมิเคยเกิดขึ้นมาก่อน
นิ้วมือของหยุนชางกลับสั่นเทาเล็กน้อย นางรู้สึกหดหู่ในใจ หนิงหัวจิ้งหาได้พูดผิดแต่ประการใดไม่ ในราชวงศ์ แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยมีคำว่ารักใคร่ให้กันแม้แต่น้อย
ผู้คนภายในงานเลี้ยงพระราชพิธีแต่งตั้งฮองเฮาแม้จะมีความรู้สึกในใจเช่นไร แต่ทุกคนก็ก้าวผ่านเรื่องราวต่างๆจนได้ขึ้นมาเป็นขุนนางใหญ่โต เป็นผู้อยู่เบื้องหลังราชกิจของแคว้น บุคคลเหล่านี้ย่อมเป็นนักแสดงมืออาชีพ พวกเขาหาได้แสดงสีหน้าท่าทางผิดปกติออกมาแต่อย่างใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง