เซี่ยหวนอวี่ใช้สายพระเนตรที่ดุดันมองมาที่หยุนชาง จังหวะที่เขากำลังจะเอ่ยคำพูดบางอย่างขึ้นมานั้น หยุนชางก็ได้เอ่ยขึ้นมาว่า "เหตุใดท่านอ๋องจึงรำพึงรำพันอยู่แต่แคว้นหนิง ฮ่องเต้คงจะมิทรงทราบกระมังเพคะ?"
เซี่ยหวนอวี่นิ่งไปสักพัก เมื่อเห็นหยุนชางยังคงเงียบอยู่ จึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า "เพราะเหตุใด?"
"นั่นก็เป็นเพราะ ที่แคว้นหนิง ไม่มีการแก่งแย่งชิงดีที่ดุเดือด ญาติพี่น้องแม้จะมีการต่อต้านระหว่างกันอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าปรองดองกันดี ที่แคว้นหนิง ท่านอ๋องทรงสามารถทำสิ่งที่ท่านอ๋องชอบได้ ปราบปรามศัตรู ปกป้องดินแดน ที่แคว้นหนิง หม่อมฉันเพียงมีสาวใช้ 2 นางคอยติดตามหม่อมฉันเวลาออกไปข้างนอกก็เพียงพอแล้ว ท่านอ๋องไม่ต้องทรงกังวลอะไรมาก แต่ที่แคว้นเซี่ย......" หยุนชางยิ้มอย่างขมขื่น "ฮ่องเต้อาจจะมิทรงทราบ ทุกวันนี้ ทุกครั้งที่หม่อมฉันออกไปข้างนอก ท่านอ๋องต้องจัดคนคอยติดตามจำนวนเกือบ 40 คน และท่านอ๋องยังทรงกำชับกับหม่อมฉันด้วยว่า หากเขาไม่ได้ไปด้วย ก็ห้ามหม่อมฉันเข้าออกพระราชวังตามอำเภอใจเด็ดขาดเพคะ"
แววตาของเซี่ยหวนอวี่แสดงออกมาว่าเขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
หยุนชางพูดต่อไปว่า "และอีกอย่าง ที่แคว้นหนิง ท่านอ๋องไม่ต้องทรงกังวลว่าจะมีผู้ใดส่งคนเข้ามาสอดแนมเรื่องราวใกล้ตัวเขาด้วยเพคะ"
เมื่อเห็นสายพระเนตรของเซี่ยหวนอวี่ที่มองมานั้นแฝงไปด้วยความใคร่รู้ หยุนชางจึงได้พูดต่อไปว่า "ท่านอ๋องคนนี้ สิ่งที่เขาไม่ชอบที่สุดก็คือการที่คนอื่นบีบบังคับให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่ยินยอม หากยังคงมีผู้ใดบีบบังคับเขาต่อไป เขาจะไม่ปรานี ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใครก็ตามเพคะ"
"พูดไปพูดมา ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีจิตใจที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยานะ" เซี่ยหวนอวี่ยิ้มอย่างเยือกเย็น
รอยยิ้มของหยุนชางแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน "ฮ่องเต้ทรงคิดว่า หากท่านอ๋องหลงไหลหญิงอื่นจนต้องพากลับไปที่จวนแล้ว หม่อมฉันจะห้ามเขาได้หรือเพคะ? แม้หม่อมฉันจะไม่ใช่ภรรยาที่ดีเลิศ แต่ก็ไม่ใช่คนใจแคบหรอกนะเพคะ"
เซี่ยหวนอวี่ครุ่นคิด สักพักหนึ่งก็ได้เอ่ยขึ้นมาว่า "ข้ารู้แล้ว" ตรัสจบก็ส่งสัญญาณมือ แล้วรับสั่งกับหลิวเหวินอันว่า "ส่งพระชายารุ่ยอ๋องกลับไปที่จวนรุ่ยอ๋องได้"
หยุนชางยิ้ม นางถวายบังคมให้กับเซี่ยหวนอวี่
หลิวเหวินอันนำเสด็จหยุนชางออกจากตำหนักหารือ มุ่งหน้าไปยังประตูวัง หลิวเหวินอันเดินก้มหน้า หยุนชางได้ยินเขาพูดเบาๆขึ้นมาว่า "พระชายารุ่ยอ๋องทรงเฉลียวฉลาด แต่ก็ไม่ควรเอ่ยถึงฮวาฮองเฮาต่อหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้ นั่นถือเป็นเรื่องต้องห้ามพ่ะย่ะค่ะ"
หยุนชางยิ้ม "หากไม่พูดถึงฮวาฮองเฮา เกรงว่าฮ่องเต้จะไม่ยอมใส่พระทัยฟังสิ่งที่ข้ากราบทูล ข้าเองก็รู้สึกอึดอัด สุภาษิตที่ว่าหากเราไม่ชอบสิ่งใดก็ไม่ควรยัดเยียดสิ่งนั้นให้กับผู้อื่น นับตั้งแต่ฮวาฮองเฮาจากไป ข้าก็คิดว่าฮ่องเต้จะเข้าพระทัยคำพูดนี้เป็นอย่างดีเสียอีก"
เมื่อหลิวเหวินอันได้ฟัง เขาก็เริ่มก้าวเท้าช้าลง แล้วพูดกับหยุนชางว่า "พระชายารุ่ยอ๋องโปรดวางพระทัย ลึกๆแล้ว ฮ่องเต้ทรงใส่พระทัยท่านอ๋องเป็นอย่างมาก ไม่มีทางยอมให้ผู้ใดมาทำร้ายท่านอ๋องเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ"
เมื่อหยุนชางได้ฟังสิ่งที่หลิวเหวินอันพูด นางจึงได้รู้ว่า เซี่ยหวนอวี่คงกลัวว่าหากตนยื่นมือเข้ามาปกป้องลั่วชิงเหยียนแล้ว จะต้องเกิดอุปสรรคตามมาอีกมากมาย หยุนชางตอบหลิวเหวินอันกลับไปสั้นๆ "ขอบใจขันทีหลิวที่ชี้แนะ"
เมื่อกลับมาถึงจวนรุ่ยอ๋อง หยุนชางก็ถูกผู้คนเข้ามารายล้อม "พระชายา ไม่เป็นอะไรใช่ไหมเพคะ? ฮ่องเต้ทรงว่าอะไรพระองค์หรือไม่?"
หยุนชางได้ฟังก็มีสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งเศร้า "เจ้าพูดอะไรของเจ้า? เจ้าคิดว่าฮ่องเต้จะไม่ทรงมีความอดทนบ้างเลยงั้นหรือ?"
เฉี่ยนจั๋วถอนหายใจ "เห็นการสนทนาเมื่อครู่นี้แล้ว ทำเอาหม่อมฉันใจไม่ดีจริงๆเพคะ หลังจากที่พระชายาเสด็จไปแล้ว พี่เฉี่ยนอินก็รีบส่งจดหมายเข้าไปในวังทันที เพื่อให้พี่หนิงเชียนได้อ่าน พี่หนิงเชียนบอกว่านางอยากจะไปเข้าไปในตำหนักหารือ แต่ถูกกันเอาไว้ด้านนอกเพคะ แล้วฮ่องเต้ทรงมีพระประสงค์จะเสด็จไปที่ตำหนักเซียงจู๋ นางจึงต้องรีบกลับมา สิ่งที่พี่หนิงเชียนส่งมาบอกกับพวกหม่อมฉันเมื่อครู่นี้ ทำให้พวกหม่อมฉันรู้จักกังวลใจมากๆเลยเพคะ"
หยุนชางยิ้ม "ไม่มีอะไรหรอก ท่านอ๋องก็ต้องไม่เป็นอะไรเหมือนกัน ฮ่องเต้เพียงแค่เรียกข้าไปถามเรื่องบางเรื่องเท่านั้น ถามจบก็ทรงปล่อยข้ากลับจวน เมื่อครู่นี้ฮ่องเต้ก็ได้รับสั่งว่า ท่านอ๋องจะได้เสด็จกลับจวนในอีกไม่ช้า พวกเราไม่ต้องเป็นห่วงนะ"
"เช่นนั้นก็ดีเพคะ" เฉี่ยนหลิ่วดีใจขึ้นมาในทันที "ตั้งแต่พระชายามาอยู่ที่แคว้นเซี่ยก็มักจะพบเจอเรื่องราวร้ายๆอยู่บ่อยครั้ง ลองหาเวลาว่างไปไหว้พระขอพรดูดีไหมเพคะ เป็นการขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไปด้วย"
หยุนชางยิ้ม แล้วพยักหน้า
เมื่อกลับเข้ามาในห้อง หยุนชางก็หาได้วิตกกังวลดังเช่นเมื่อตอนเช้าไม่ เฉี่ยนอินเห็นว่าตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้หยุนชางยังไม่ได้เสวยอะไรเลย จึงสั่งสาวใช้ไปเตรียมอาหารมา หยุนชางนั่งเขียนจดหมายสำหรับส่งไปยังแคว้นหนิง นางเขียนให้กับจิ่นกุ้ยเฟย จักรพรรดิหนิง สายลับที่อยู่ในแคว้นหนิง ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเขียนเสร็จ
เมื่อเขียนจดหมายเสร็จแล้ว ก็เป็นเวลาบ่ายแก่ๆ หยุนชางเรียกคนเข้ามาเพื่อนำจดหมายส่งไปยังแคว้นหนิง แล้วนางจึงไปพักผ่อนที่ตั่ง
เมื่อตื่นขึ้นมา หยุนชางสั่งให้สาวใช้เตรียมอาหารเย็น ล้วนเป็นของที่ลั่วชิงเหยียนโปรดปรานทั้งนั้น อาหารถูกนำไปอุ่นหลายครั้งแล้ว ลั่วชิงเหยียนก็ยังไม่กลับมา แต่หยุนชางก็หาได้ร้อนใจไม่ นางสั่งให้สาวใช้นำอาหารมาวางไว้บนโต๊ะและให้พวกนางตักข้าว ขณะนั้นเอง ลั่วชิงเหยียนก็เดินเข้ามาพอดี
แววตาของหยุนชางเปี่ยมล้นไปด้วยความดีใจ นางรีบลุกขึ้นยืน แล้วเข้าไปรับเขาเฉกเช่นที่ปฏิบัติในแต่ละวัน นางช่วยเขาถอดชุดคลุมออกแล้วส่งให้สาวใช้ "ไปล้างมือก่อนเถิด อาหารเพิ่งจะยกมาเมื่อครู่นี้เองเพคะ"
ลั่วชิงเหยียนรับคำ แล้วเดินเข้าไปล้างมือในห้องสรงน้ำ เขาเดินออกมาแล้วนั่งลงที่โต๊ะ "ข้ากลับมาช้าไปหน่อย ทำให้พระชายาต้องรอนานเลย"
หยุนชางยิ้ม แล้วตอบกลับเบาๆว่า "มิได้หรอกเพคะ" พลางคีบเนื้อปลามาให้ลั่วชิงเหยียน "ฤดูใบไม้ร่วงมาถึงแล้ว เห็นท่านโปรดเสวยปลานึ่งดอกกุ้ยฮวา หม่อมฉันจึงให้คนไปเก็บดอกกุ้ยฮวาที่ยังไม่โดนน้ำฝนมาตากแห้ง แล้วนำมาทำปลานึ่งดอกกุ้ยฮวาให้ท่านโดยเฉพาะเลยเพคะ ท่านลองชิมดูสิ อร่อยไหมเพคะ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง