หยุนชางตกตะลึง แววตาของหยุนชางประหลาดใจเล็กน้อย "เจ้าว่ากระไรนะ หลิ่วฮูหยินจากไปแล้ว? เจ้าหมายถึง.......เสียชีวิตแล้วหรือ?"
หยุนชางกลัวว่าตนจะเข้าใจความหมายที่เฉี่ยนหลิ่วจะสื่อผิด ฉะนั้นจึงถามออกมาตรงๆ สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความตกตะลึง
เฉี่ยนหลิ่วพยักหน้าและกล่าวว่า " เสียชีวิตแล้วเพคะ เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่พวกเราออกจากเมืองจิ่นได้สี่ห้าวันเพคะ ตอนที่หม่อมฉันทราบข่าวนี้หม่อมฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกันเพคะ จวนหลิ่วกล่าวว่าท่านเสียชีวิตเนื่องจากอาหารป่วยเพคะ แต่ครั้งที่แล้วที่พบหลิ่วฮูหยินที่จวนองค์หญิงใหญ่ ท่านดูแข็งแรงดีเพคะ ไม่เหมือนคนป่วยเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งหม่อมฉันได้ส่งคนไปสืบมาแล้วเพคะ ช่วงนั้นจวนหลิ่วมิเคยเชิญม่านหมอเข้าจวนเลยเพคะ"
"หมายความว่า เสียชีวิตด้วยอาการป่วยอาจจะเป็นเพียงข้ออ้างของจวนหลิ่ว และสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอาจจะเป็นเรื่องอื่น ฉะนั้นจวนหลิ่วจึงไม่กล้าที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะ" หยุนชางขมวดคิ้วและพึมพำกับตัวเอง นางกัดริมฝีปากและเงียบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่า "ข้าจำได้ว่าเมื่อตอนที่เรายังไม่ออกจากเมือง เราเคยได้ข่าวจากทางจวนว่าหลิ่วฮูหยินขอเข้าพบ แต่ข้ามิได้อยู่ในจวน พ่อบ้านจึงหาข้ออ้างอื่นๆ ตอบกลับไป"
เมื่อเฉี่ยนหลิ่วและเฉี่ยนจั๋วได้ยินหยุนชางพูดถึงเรื่องนี้ พวกนางก็นึกขึ้นมาได้เช่นกัน เฉี่ยนหลิ่วก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน " หรือว่าหลิ่วฮูหยินมีเรื่องกระไรอยากบอกกับพระชายา?"
หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วยืนขึ้นและกล่าวว่า "เจ้าพักผ่อนเถิด ข้าไปตามพ่อบ้านมาถามรายละเอียด เจ้ามิต้องเป็นห่วงเรื่องในจวนแล้ว ข้าจะหาคนจัดการเอง ภารกิจของเจ้าในสองสามวันนี้ คือรักษาตัวให้ดีและฟื้นตัวให้ไว"
เฉี่ยนหลิ่วตอบรับ จากนั้นหยุนชางก็พาเฉี่ยนจั๋วออกจากห้องไป แล้วกลับไปที่ห้องของตน กั๋วกงฮูหยินกำลังเอนกายบนเบาะแล้วอ่านหนังสืออยู่ เมื่อเห็นหยุนชางกลับมานางก็มองไปที่หยุนชางอย่างเฉยเมย มิได้สนใจนาง
หยุนชางสั่งให้เฉี่ยนจั๋วไปตามพ่อบ้านมา เมื่อเฉี่ยนจั๋วออกจากห้องไป หยุนชางจึงเดินไปนั่งเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างเบาะ จากนั้นก็ยกแก้วชาที่วางอยู่ยื่นให้กั๋วกงฮูหยินและกล่าวว่า "ท่านยายโปรดดื่มชาเพคะ"
กั๋วกงฮูหยินเลิกคิ้วขึ้นและกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ว่า " เจ้าเนี่ยดูอ่อนโยนและว่านอนสอนง่าย แต่อันที่จริงเล่ห์เหลี่ยมเยอะ ก่อนหน้านี้เจ้าเคยหลอกข้า คราวนี้ข้าจะไม่หลงกลเจ้าอีกแล้ว อยู่ดีๆ ก็มาประจบข้าเช่นนี้แสดงว่าต้องมีเรื่องแน่ๆ เรื่องกระไรเจ้าว่ามาเถิด"
หยาดเหงื่อหยดลงมาจากหน้าผากของหยุนชางสองหยด นางไม่คาดคิดว่ากั๋วกงฮูหยินจะเป็นคนที่มีนิสัยพูดตรงไปตรงมาเช่นนี้ นางมิกล้ารอช้าจึงรีบกล่าวไปว่า " เมื่อสักครู่ข้าได้ยินเฉี่ยนหลิ่วกล่าวว่า หลิ่วฮูหยินเสียชีวิตแล้ว?"
กั๋วกงฮูหยินไม่คาดคิดว่าหยุนชางจะถามเรื่องนี้ นางตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นจึงหันไปมองหนังสือและกล่าวว่า "ใช่ อยู่ดีๆ ก็เสียชีวิตไปเลย ท่านหลิ่วฮูหยินนั้นก็รู้จักกับข้ามาเป็นแรมปีแล้ว แม้ว่านิสัยนางจะร้อนแรงไปหน่อย อีกทั้งเคยเป็นแม่หญิงชาวบ้านธรรมดามาก่อน มักจะถูกพวกคุณหญิงตระกูลใหญ่ที่คิดว่าตัวเองสูงส่งอย่างพวกข้าดูถูก แต่นางเป็นคนซื่อบื้อมิใช่คนเหลี่ยมเยอะ เมื่อเทียบกับคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมเอาแต่คิดการร้ายแล้วนางดีกว่าเยอะเลย"
"ท่านยายสนิทกับหลิ่วฮูหยินนั่นหรือไม่เพคะ? ข้าได้ยินเฉี่ยนหลิ่วกล่าวว่า จวนหลิ่วให้กล่าวว่าหลิ่วฮูหยินเสียชีวิตเพราะอาการป่วยอย่างนั้นหรือเพคะ?" หยุนชางถามอีกครั้ง
กั๋วกงฮูหยินเห็นว่าหยุนชางเอาแต่พูดคุยเรื่องหลิ่วฮูหยิน จึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย นางเงยหน้าและถามหยุนชางว่า "เหตุใดวันนี้เจ้าจึงสนใจเรื่องของนางเช่นนี้? นางจะเสียชีวิตอย่างไรก็ขึ้นอยู่ว่าจวนหลิ่วกล่าวว่าอย่างไรนั่นแหละ แหละสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงก็มีแต่คนของจวนหลิ่วเท่านั้นที่ทราบ"
หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า "ข้าได้ยินมาว่า วันที่สองที่ข้าออกจากจวนรุ่ยอ๋องไป หลิ่วฮูหยินก็มาขอพบที่จวนเพคะ แต่ด้วยเหตุที่ข้ามิได้อยู่ในจวน พ่อบ้านจึงหาข้ออ้างตอบรับท่านไป ปกติแล้วข้ามิได้ไปมาหาสู่กับหลิ่วฮูหยินเท่าไหร่นัก ปกติเวลาพบท่านก็จะคำนับเพราะท่านเป็นผู้อาวุโส อีกทั้งข้าเพิ่งมาเมืองจิ่นได้ไม่นาน รวมๆ แล้วข้าได้พบกับหลิ่วฮูหยินไปไม่ถึงสิบครั้งด้วยกัน และเหตุใดจู่ๆ ท่านจึงมาขอพบข้าที่จวนเพคะ?"
"มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ?" กั๋วกงฮูหยินได้ยินเช่นนี้จึงขมวดคิ้ว และครุ่นคิด
ผ่านไปครู่หนึ่ง พ่อบ้านก็เร่งมาพบ พ่อบ้านคารวะหยุนชางและกั๋วกงฮูหยินแล้วจึงกล่าวว่า "พระชายาตามข้าน้อยมามีคำสั่งกระไรหรือขอรับ?"
หยุนชางได้ยินพ่อบ้านถามเช่นนี้ จึงทราบว่าเฉี่ยนจั๋วคงมิได้บอกเรื่องนี้กับพ่อบ้าน นางเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงถามว่า "วันที่สองที่ข้าออกจากจวนไปมีสารจากสาวใช้จับจ่ายหรือไม่ โดยกล่าวว่าหลิ่วฮูหยินมาเยี่ยมเยือน พ่อบบ้านจำได้หรือไม่ว่าสถานการณ์ของวันนั้นเป็นอย่างไร?"
พ่อบ้านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับว่ากำลังนึกคิด ผ่านไปครู่หนึ่งจึงก็พูดขึ้นมาว่า " วันนั้นข้าน้อยกำลังตรวจเช็กบัญชีอยู่ให้ห้องบัญชีขอรับ และได้ยินคนเฝ้าประตูมาแจ้งว่าหลิ่วฮูหยินขอเข้าพบพระชายาขอรับ ตอนนั้นพระชายามิได้อยู่ในจวน ข้าน้อยก็คิดว่าหลิ่วฮูหยินมีตำแหน่งสูง อีกทั้งปกติแล้วมิได้ไปมาหาสู่กัน ฉะนั้นจึงให้คนเฝ้าประตูพาหลิ่วฮูหยินมาที่ห้องโถงดอกไม้ขอรับ"
พ่อบ้านพูดไปและหยุดไปชั่วครู่ จากนั้นก็กล่าวอีกว่า "เมื่อข้าน้อยไปถึงห้องโถงดอกไม้แล้ว ก็พบว่าหลิ่วฮูหยินนั้นตื่นตระหนกเล็กน้อย เมื่อเห็นข้าน้อยท่านก็ลุกขึ้นมาโดยเร็ว และเกือบจะทำแก้วชาหก ท่านเอ่ยปากแล้วพูดว่า ได้ข่าวว่าพระชายารุ่ยอ๋องไม่สบายนัก จึงอยากเข้ามาเยี่ยมเยือน ไม่ทราบว่าพระชายารุ่ยอ๋องสะดวกหรือไม่"
"พระชายามิได้อยู่ในจวนขอรับ ข้าน้อยจึงได้ตอบกลับไปว่าร่างกายของพระชายาอ่อนแออย่างมาก ท่านหมอกล่าวว่าต้องนอนพักผ่อน ฉะนั้นอาจจะพบแขกไม่ได้ชั่วคราวขอรับ หลิ่วฮูหยินถามอยู่หลายครั้งขอรับ แม้ว่าข้าน้อยจะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ตอนนั้นพระชายามิได้อยู่ในจวน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้หลิ่วฮูหยินเข้าพบขอรับ ฉะนั้นข้าน้อยจึงปฏิเสธไป หลังจากนั้น ข้าน้อยเห็นสีหน้าของหลิ่วฮูหยินผิดหวังเล็กน้อย ราวกับว่าเสียขวัญไปเลยขอรับ อีกทั้งสีหน้าขาวซีด ข้าน้อยถามหลิ่วฮูหยินอยู่หลายครั้งว่าไม่สบายหรือไม่ แต่หลิ่วฮูหยินก็เอาแต่โบกมือกล่าวว่าไม่เป็นกระไร ข้าน้อยถามหลิ่วฮูหยินว่ามีเรื่องด่วนพบพระชายาใช่หรือไม่ จำต้องให้ข้าน้อยส่งสารแทนหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าหลิ่วฮูหยินจะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นท่านก็โบกมือแล้วกล่าวว่าไม่เป็นกระไร จากนั้นท่านก็นั่งอยู่ในห้องโถงดอกไม้ครู่หนึ่งแล้วจึงลุกเดินจากไปขอรับ" พ่อบ้านเห็นว่าหยุนชางและกั๋วกงฮูหยินตั้งใจฟังอย่างมาก จึงได้เล่าเหตุการณ์ ณ ตอนนั้นมาอย่างละเอียด
"ตื่นตระหนก ถามอยู่หลายครั้ง ราวกับเสียขวัญ สีหน้าขาวซีด......." หยุนชางขมวดคิ้ว และมีคำถามวนเวียนอยู่ในหัวของนาง หลิ่วฮูหยินมาขอพบนางเพราะเรื่องกระไรกันนะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง