ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 593

หยุนชางพลันกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นมา พร้อมหันหน้าไปทางฮวาอวี้ถงว่า "ช่างน่าเสียดาย เมื่อวานข้าเห็นสิ่งของที่พระชายารองหลิ่วนำมาในวังอ๋องเจ็ด มิเห็นพิณเจียวเหว่ยเลย มิเช่นนั้นคงจะทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาเสียหน่อย ทว่า พระชายารองหลิ่วก็เป็นบุคคลที่น่าสงสัยเสียจริง. แม้แต่สิ่งของที่ตนเองชอบอย่างพิณ นางก็ยังไม่นำมาด้วย หากเป็นอย่างที่พวกเราพูดคุยกันแล้ว พวกเราแทบจะอดไม่ได้ที่ต้องนำสิ่งของที่เราใช้ในชีวิตประจำวันนำติดตัวมาด้วย พระชายารองนำของติดตัวมาที่วังอ๋องเจ็ดน้อยเกินไปแล้ว"

ฮวาอวี้ถงได้เช่นนั้น พลันเงียบลง ราวกับนางกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เพียงชั่วครู่จึงพูดขึ้นมาว่า "ข้านึกขึ้นมาได้ว่า พระชายารองหลิ่วนำสิ่งของติดตัวมาด้วยมีเพียงสี่หีบกระมัง นอกจากสิ่งของที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดอย่างอื่นอีกเลย แม้ข้าจะไม่ค่อยเข้าใจพระชายารองหลิ่วมากนัก ทว่า นางเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์มากมาย รวมถึงฉินหมากล้อมตำราการวาดภาพล้วนแต่เชี่ยวชาญ นางบรรเลงพิณได้เยี่ยมยอด แม้ว่าไม่กี่ปีมานี้ นางจักไม่ค่อยบรรเลงพิณแล้วก็ตาม ไม่มีดอกเหมยไม่มีตำรา ไม่มีน้ำหมึกจึงไม่มีภาพวาด หากแต่เมื่อวานข้าไม่พบสิ่งของเหล่านี้อยู่ในหีบพระชายารองหลิ่วนำมาด้วยเลย"

นิ้วของหยุนชาง งอลงเล็กน้อย ราวกับว่ามีบางอย่างผิดปกติเป็นอย่างมาก หากแต่หยุนชางมิรู้ว่าผิดปกติตรงที่ใดกัน เกิดเหตุอันใดขึ้นกันแน่

ฮวาอวี้ถงอยู่พูดคุยเป็นเพื่อนหยุนชางเพียงชั่วครู่ จึงลุกขึ้นลาจากไป

หยุนชางนั่งอยู่บนตั่งนุ่ม ๆอยู่ครู่หนึ่ง จึงหันไปโบกมือเรียกเฉี่ยนจั๋ว "เจ้าหาวิธีไปค้นหาสิ่งของที่บ้านหลิ่วฉูฉู่เสีย มันเรียกว่าพิณเจียวเหว่ย "

เฉี่ยนจั๋วเงียบไปครู่หนึ่ง จึงพูดขึ้นมาว่า "หวางเฟย เรื่องนี้เกรงว่าจะยากไปสักหน่อยเพคะ การไปบ้านหลิ่วฉูฉู่นั้นมิได้ยากเย็น หากแต่การให้องครักษ์เงาทำการค้นหาสิ่งที่เรียกว่าพิณเจียวเหว่ย เกรงว่าจะไม่ง่ายนัก"

" พิณเจียวเหว่ยมีความพิเศษตรงที่ ส่วนหางจักมีร่องรอยการไหม้ จึงเรียกกันว่าพิณหางไหม้" เมื่อชะงักไปครู่หนึ่ง หยุนชางจึงโบกมือไปมาว่า "ช้าก่อน. เจ้าช่วยไปเรียกเฉี่ยนยินให้ข้าที ช่วยไปหาซื้อพิณเจียวเหว่ยมา. อีกด้านก็เพื่อให้องครักษ์ได้ดูว่าพิณเจียวเหว่ยมีลักษณะเป็นเช่นไร อีกด้านหนึ่ง เมื่อพวกเขาหาพิณเจียวเหว่ยของจริงพบแล้ว ก็จงให้พวกเขาสับเปลี่ยนพิณเจียวเหว่ยของจริงกลับมาเสีย"

เฉี่ยนจั๋วพลันรับคำ แล้วจึงรีบร้อนออกไปตามเฉี่ยนยิน

เมื่อเฉี่ยนยินมาแล้ว นางจึงได้อธิบายแผนการให้ฟัง หยุนชางจึงนอนพักผ่อนอยู่บนตั่งตามเดิม

เมื่อหยุนชางตื่นขึ้นมานั้น ลั่วชิงเหยียนก็กลับมาถึงจวนแล้ว พลางนั่งอยู่บนตั่งด้านข้างพร้อมอ่านตำราที่อยู่ในมือ เมื่อเห็นว่าหยุนชางตื่นขึ้นมาแล้ว จึงส่งยิ้มให้เล็กน้อย พลางยื่นมือไปลูบหัวหยุนชาง พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลออกมาว่า "ข้าได้ยินเฉี่ยนจั๋วเล่าให้ฟังว่า เมื่อใกล้ยามเที่ยงเจ้าถึงได้ตื่นขึ้นมา หากแต่เมื่อรับสำรับเที่ยงไปได้ไม่นาน จึงหลับต่ออีก ทำไมเจ้าถึงรักการนอนเช่นนี้"

หยุนชางจึงยื่นมือไปตีมือของลั่วชิงเหยียน พลางถลึงตาใส่แล้วถามว่า "ยามใดแล้วเพคะ ?"พลางยืดตัวขึ้นพร้อมเหม่อมองไปยังด้านนอกของหน้าต่าง จึงเห็นว่าท้องฟ้าค่อย ๆ มืดมิดลงเสียแล้ว พลันขมวดคิ้วลงร้องถามว่า "ท่านสั่งเฉี่ยนจั๋วให้ทำสำรับเย็นแล้วหรือ ?"

"สั่งแล้ว. นอกจากเวลานอนเจ้ายังรู้จักเวลากินอีกด้วย " ลั่วชิงเหยียนเมื่อพูดจบ พลางส่ายหน้าหัวเราะออกมา

หยุนชางพลางลุกขึ้นพร้อมนำผ้าห่มออกจากตัว เมื่อสวมร้องเท้าเรียบร้อยแล้วพลางสวมเสื้อคลุมอีกชั้นหนึ่งทับ พร้อมหันกายมาถามลั่วชิงเหยียนว่า "วังอ๋องเจ็ดพบเจออะไรอีกหรือไม่เพคะ ?"

ลั่วชิงเหยียนพลันส่ายหัวไปมา "ไม่เจออะไรอีกเลย ตำหนักแห่งนั้นจะสะอาดเกินไปแล้ว วันนี้รองเจ้ากรมอาญาเรียกข้ารับใช้ในวังอ๋องเจ็ดมาสอบปากคำทีละคน ข้าตรวจสอบดูบันทึกให้ปากคำ กลับพบว่าไม่พบเบาะแสใด ๆ เลยแม้แต่น้อย หากแต่มีคนกล่าวว่า พบเห็นพวกเราสองคนเดินเข้าไปในตำหนักพระชายารองหลิ่ว หากแต่ข้าเดินไปถึงหน้าประตูตำหนักเท่านั้น แล้วจึงออกมา หลังจากนั้นเห็นก็จึงเห็นเจ้าที่ร่างกายไม่ค่อยดีรีบร้อนเดินออกมาเช่นกัน"

หยุนชางพยัหน้าเล็กน้อย "แต่แรกหม่อมฉันก็รับรู้ได้ ว่าจักต้องมีคนเห็นเราอย่างแน่นอน หม่อมฉันแค่สงสัยว่า หากเห็นพวกเราเดินเข้าไปในตำหนักพระชายารองหลิ่วแล้ว นั้นแสดงว่าที่แห่งนั้น ย่อมต้องมีคนแอบสังเกตุการณ์อยู่อย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้นแล้ว เหตุใดฆาตกรถึงสามารถลอบฆ่าผู่คนมากมายภายในกลางวันแสกแสกได้กัน อีกทั้งยังกำจัดศพออกไปด้วยอีก ?"

"ข้าได้ถามแล้ว พวกเขาเพียงตอบว่า แต่เดิมภายในตำหนักมีข้ารับใช้คอยอยู่ดูแล ทว่า เมื่อได้ยินถึงการเกิดอุบัติเหตุในงานมงคลของอ๋องเจ็ดเกิดขึ้นนั้น ข้ารับใช้ทั้งหมดจึงรีบร้อนออกไปช่วยเหลือ. แต่เดิม วังของอ๋องเจ็ดมีแค่เจ้านายเพียงคนเดียว ข้ารับใช้ล้วนแต่มีไม่มาก เมื่ออ๋องเจ็ดเข้าพิธีสมรสนั้น จึงได้ทำการเพิ่มข้ารับใช้เข้ามา เมื่อพระชายาทั้งสองยังมิได้เข้าไปในตำหนักนั้น หน้าที่ในวังจึงมิได้มากมายนัก. พวกเขาจึงอยู่ข้างกายอ๋องเจ็ดเพื่อรอรับคำสั่ง เมื่อได้ยินว่าเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างขึ้นกับอ๋องเจ็ด พวกเขาจึงรีบร้อนไปหา " ลั่วชิงเหยียนพลางพูดขึ้นมาอย่างเฉยเมย "พวกเขากล่าวออกมาเช่นนี้ แท้จริงแล้ว อาจจะมิใช่ความจริงก็เป็นได้"

หยุนชางพลางพยักหน้าเล็กน้อย และมิได้พูดอันใดออกมา

ลั่วชิงเหยียนพลันนึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง พลางหยิบผ้าเช็ดหน้าสีชมพูดลายดอกเหมยออกมาจากแขนเสื้อ หยุนชางเมื่อเห็นเช่นนั้น จึงรับรู้ได้ว่าเป็นผ้าเช็ดหน้าของสตรีอย่างแน่นอน พลางเลิกคิ้วขึ้น พร้อมพูดขึ้นมาว่า "เป็นสาวงามท่านใดกันที่ส่งผ้าเช็ดหน้ามาสารภาพความในใจกับท่าน ?"

มือของลั่วชิงเหยียนที่นำผ้าเช็ดหน้าออกมานั้น พลันชะงักไปครู่หนึ่ง พร้อมกระตุกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากขึ้นมา "เป็นสาวงามที่ส่งมาให้ข้าจริง สาวงามนางยังพูดกับข้าอีกว่า"

"โอ้ ? กล่าวว่าหลงรักท่านมานานแล้วหรือ ? " หยุนชางพลันยิ้มเจือน ๆ ออกมาสายตากลับจ้องไปที่ลั่วชิงเหยียนด้วยแววตาวาวโรจน์

ใบหน้าของลั่วชิงเหยียนพลันประดับไปด้วยรอยยิ้มล้อเลียนขึ้นมา "อืม. สาวงามนางนั้นพูดกับข้าว่า ฝากส่งผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ให้พระชายารุ่ยอ๋องด้วย หากพระชายารุ่ยอ๋องมีเวลาว่าง ได้โปรดเข้าวังมาร่วมสนทนา " เมื่อพูดจบจึงนำผ้าเช็ดหน้าในมือส่งให้หยุนชาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง