ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 596

"อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่าเพคะ?" เฉี่ยนจั๋วพูดขึ้นมา "บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าคุณหนูหลิ่วนั่นไม่อยากแต่งงานไปอยู่ที่จวนอ๋องเจ็ดก็เป็นได้ จึงสั่งให้คนไปแต่งงานแทน แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้ไปเจอกับเหตุการณ์นี้เข้า"

"บังเอิญเหรอ?" หยุนชางครุ่นคิดอยู่นาน แล้วนางก็ส่ายหน้า "เรื่องนี้จริงๆแล้วไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เจ้าสั่งคนพาสายลับฝีมือดีไปนำตัวตัวผู้หญิงคนนั้นมา ข้าจะถามนางด้วยตัวเอง จะได้รู้ว่าเรื่องราวที่แท้จริงเป็นอย่างไร"

เฉี่ยนจั๋วรับคำ แล้วออกไปพร้อมกับสายลับ

หยุนชางหยิบหนังสือไปนั่งอ่านอยู่บนตั่ง ฉินยีเดินเข้ามาเห็นหยุนชางกำลังนั่งอยู่ก็ขมวดคิ้ว นางหยิบผ้าคลุมไหล่ที่ทำมาจากขนมาคลุมไหล่ให้หยุนชาง "แคว้นเซี่ยมีหิมะตกไม่มาก แต่ดูเหมือนว่าวันที่มีหิมะตกที่แคว้นเซี่ยจะหนาวกว่าที่แคว้นหนิงอีกนะเพคะ วันนี้สภาพอากาศไม่เลวเลย หากพระชายาทรงไม่มีกิจธุระอย่างอื่น ลองสวมฉลองพระองค์หนาๆ ให้คนนำเตาไปเก็บ แล้วเปิดหน้าต่างรับลม จะประทับอยู่ในห้องอย่างอุดอู้เช่นนี้นานๆไม่ค่อยดีเท่าไรนะเพคะ"

หยุนชางยิ้มและพยักหน้า นางลุกขึ้นมาสวมเสื้อที่ฉินยีนำมาให้ทับเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง แล้วจึงสวมเสื้อคลุม ตามด้วยผ้าคลุมไหล่ที่ทำมาจากขน

ฉินยีเดินไปเปิดหน้าต่างบนหัวนอน สายลมด้านนอกพัดโชยเอากลิ่นหอมอ่อนๆของดอกเหมยเข้ามาด้านใน เมื่อหยุนชางได้กลิ่น ก็รู้สึกจิตใจสงบมากยิ่งขึ้น นางเดินไปสูดอากาศที่หน้าต่างด้วยความรู้สึกสดชื่น ตอนที่กั๋วกงฮูหยินสั่งให้คนไปเก็บดอกเหมยเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ดอกเหมยที่เก็บมาได้เป็นดอกตูมที่กำลังรอวันเบ่งบาน ในตอนนี้ดอกเหมยภายในเขตจวนก็คงจะพากันบานสะพรั่งแล้ว ดอกเหมยสีแดงสดชูช่องดงาม งามราวกับภาพวาดอันวิจิตร

"วันนี้อากาศดีเหลือเกิน ออกไปเดินเล่นข้างนอกกันดีกว่า" จู่ๆหยุนชางก็เกิดความสนใจที่จะออกไปเดินเล่น นางให้ฉินยีรวบผมให้ แล้วเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง หยุนชางหยิบปิ่นลายดอกเหมยขึ้นมาแล้วนำไปปักประดับบนศีรษะ จากนั้นจึงเดินออกมาข้างนอกพร้อมกับฉินยี

"ชาวแคว้นเซี่ยนิยมชมชอบดอกท้อ แต่ข้าไม่ค่อยชอบสีของมันเท่าไร ฉินยีเจ้ารู้หรือเปล่า จวนแห่งนี้เดิมทีเป็นจวนสำหรับองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเซี่ย ตอนข้ามาที่จวนแห่งนี้ครั้งแรก ข้ารู้สึกตื่นตาตื่นใจกับหมู่มวลดอกท้อที่ปลูกอยู่ในเขตจวน ข้าว่าดอกท้อเป็นดอกไม้ที่ดูอ่อนละมุน แต่ที่แคว้นเซี่ย ดอกท้อถือเป็นดอกไม้ประจำแคว้น เมื่อนำมาปลูกเรียงรายภายในจวน บางทีก็ดูละลานตามากไป ดีที่จวนแห่งนี้ตกแต่งอย่างสง่างาม ดอกเหมยที่ปลูกแซมกันก็ทำให้เกิดเป็นภาพที่น่าชมมากยิ่งขึ้น" หยุนชางยิ้มในขณะที่กำลังเดินไปใต้ต้นดอกเหมย นางยื่นมือไปจับดอกเหมยที่อยู่ใกล้ที่สุด นางดมกลิ่นของดอกเหมยเบาๆ แล้วยิ้มออกมาอย่างสุขใจ

ฉินยีมองดูดอกเหมยสีแดงสด นางยิ้มและเอ่ยขึ้นมาว่า "พระชายาและพระสนมมีสิ่งที่เหมือนกันหลายอย่างเลยเพคะ อย่างเช่นว่า ทรงโปรดดอกเหมยสีแดงสดเหมือนกันทั้งสองพระองค์เลย"

หยุนชางหันมาถอนหายใจเบาๆ "สิ่งที่ข้ารู้สึกเสียดายเป็นที่สุด ก็คือไม่ได้มีเวลาอยู่กับเสด็จแม่นานๆ สิ่งที่เสด็จแม่ทรงโปรด ข้ากลับไม่ค่อยรู้เท่าใดนัก ช่างเป็นลูกที่ไม่กตัญญูเอาเสียเลย"

เมื่อฉินยีได้ฟังก็มองไปที่หยุนชาง นางยิ้มให้หยุนชางด้วยความอ่อนโยน "พระชายาทรงเป็นความภาคภูมิใจของพระสนมนะเพคะ พระสนมเองก็ทรงเสียพระทัยเช่นเดียวกันที่ไม่ได้เลี้ยงดูพระชายามาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทำให้พระชายาต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย"

ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น ก็มีเสียงเรียกของบ่าวไพร่ดังแว่วขึ้นมา "ท่านอ๋อง"

หยุนชางหันไปดูก็เห็นลั่วชิงเหยียนกำลังจะเดินเข้าไปด้านใน เมื่อลั่วชิงเหยียนได้พบกับหยุนชางก็ตกใจเล็กน้อย เขาเปลี่ยนใจไม่เดินเข้าไปด้านใน แต่กลับเดินยิ้มมาทางหยุนชางแทน

"ออกมาข้างนอกทำไมกัน?" ลั่วชิงเหยียนเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน

หยุนชางส่งยิ้ม นางชี้ไปที่ดอกเหมยที่อยู่ตรงยอดไม้ "หม่อมฉันเห็นว่าดอกเหมยพวกนี้กำลังเบ่งบานได้ที่ ก็เลยออกมาสูดอากาศเสียหน่อยน่ะเพคะ"

ลั่วชิงเหยียนพยักหน้า เขาเข้ามาโอบไหล่ของหยุนชาง แล้วเงยหน้ามองดูดอกเหมย "ได้ออกมาเดินเล่นบ้างก็ดีเหมือนกันนะ ขลุกอยู่แต่ในห้องไม่ค่อยดีต่อสุขภาพเท่าไร เมื่อครู่นี้ข้าเห็นในจวนมีกระดาษลวดลายสวยๆและกระดาษเขียนคำโคลงติดอยู่เต็มไปหมด โคมไฟสีแดงก็ถูกแขวนเอาไว้ ก็เลยนึกขึ้นได้ว่าอีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว หลังวันส่งท้ายปีเก่า ในวังงดราชกิจ 3 วัน ข้าจะได้มีเวลามาเดินเล่นเป็นเพื่อนเจ้า"

เมื่อหยุนชางได้ยินดังนั้นแล้วก็รู้สึกดีใจเป็นที่สุด "ช่างวิเศษจริงๆเลยเพคะ"

ฉินยีที่ยืนอยู่ข้างๆก็พลอยยิ้มตามไปด้วย เมื่อนางเห็นหยุนชางหันมาหา นางก็รีบพูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีว่า "แต่สามวันนี้นอกจากจะออกไปเยี่ยมญาติพี่น้องแล้ว ก็ไม่มีที่ไหนให้ไปเที่ยวได้อีกเลยนะเพคะ ร้านค้าแต่ละที่ก็พากันปิดร้าน แม้แต่พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของตามร้านเล็กๆข้างทางก็คงจะไม่ออกมากันหรอกเพคะ ตามท้องถนนคงจะเงียบเชียบน่าดู แต่ถ้าหากท่านอ๋องและพระชายาสนพระทัย จะเสด็จไปวัดเพื่อจุดธูปขอพรปีใหม่ก็นับว่าไม่เลวเลยนะเพคะ"

เมื่อหยุนชางได้ฟังก็ต้องรู้สึกแปลกใจ ลั่วชิงเหยียนเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน "ไม่เปิดร้านกันเลยอย่างนั้นหรือ?"

ฉินยีพยักหน้า "เป็นเช่นนี้ประจำเพคะ"

เมื่อทั้งสองได้ฟังก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ลั่วชิงเหยียนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แล้วจึงเอ่ยขึ้นมาว่า "ไปวัดก็ดีเหมือนกัน ข้าจะให้คนไปดูว่าแถวนี้มีวัดไหนที่มีวิวสวยๆ"

มีสถานที่ให้ได้ออกไปเดินเล่นก็ยังดีกว่าไม่มี หยุนชางได้ฟังแล้วก็พยักหน้า

ลั่วชิงเหยียนพาหยุนชางเดินเล่นภายในเขตจวน เมื่อกลับเข้ามาข้างใน หยุนชางก็ได้เล่าเรื่องที่หลิ่วฉูฉู่อาจจะยังไม่ตายให้ลั่วชิงเหยียนฟัง ลั่วชิงเหยียนไตร่ตรองอยู่สักพัก แล้วจึงพูดขึ้นมาว่า "ข้าก็พอได้รู้ความคืบหน้าของเรื่องนี้มาเหมือนกัน ผลการตรวจสอบระบุว่า คราบเลือดที่ปรากฏภายในห้อง หาใช่เลือดของคนไม่"

"ไม่ใช่เลือดคน?" หยุนชางตะลึง "แล้วคืออะไรหรือเพคะ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง