หยุนชางยิ้มและพูดเพียงเบาๆว่า "เมื่อครู่เราได้ทำให้ฮองเฮาทรงเกรี้ยวในตำหนักเว่ยยาง และอวี้ถงก็บังเอิญไปพบเข้า ก็ถูกฮองเฮาจงใจหาเรื่อง ข้าจึงให้หนิงเชียนไปที่ตำหนักเว่ยยางเพื่อดูสถานการณ์ เกรงว่าอวี้ถงจะเสียเปรียบ"
เมื่อได้ยินคำพูด ลั่วชิงเหยียนก็ขมวดคิ้ว "เมื่อครู่ข้าและเจ้าเจ็ดได้เข้าเฝ้าเสด็จพ่อที่ตำหนักไท่จี๋พร้อมกัน หลังจากที่เราออกมาด้วยกัน ข้าก็เห็นว่าเขาออกจากวังโดยตรง หรือว่าเขาไม่รู้ว่าพระชายาเจ็ดอยู่ในตำหนักเว่ยยาง?"
ไม่รู้? หยุนชางหัวเราะเยาะฮวาอวี้ถงยังรู้ว่าท่านอ๋องเจ็ดได้ไปที่ตำหนักไท่จี๋ เป็นไปได้เลยว่านางมากับเขา แต่หลังจากที่ท่านอ๋องเจ็ดไปเข้าเฝ้าเซี่ยหวนอวี่ เขาก็ออกจากวังโดยตรง? นี่มันมากเกินไปจริงๆ ไม่น่าแปลกใจที่นางขอให้ฮวาอวี้ถงไปตามท่านอ๋องเจ็ดและไปที่ตำหนักเว่ยยางเพื่อถวายพระพรด้วยกัน แต่ฮวาอวี้ถงไม่ทำอย่างนั้น เกรงว่าว่าถึงแม้นางจะไปตาม ท่านอ๋องเจ็ดจะไม่สนใจ
ผ่านไปครู่หนึ่ง หนิงเชียนก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าของนาง แต่เมื่อเขาเห็นลั่วชิงเหยียนนางก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย รีบทำความเคารพอย่างรวดเร็ว
หยุนชางยืนขึ้นและถามว่า "เป็นอย่างไรบ้าง"
หนิงเชียนยิ้มและกล่าวว่า "ข้าน้อยออกโรง แน่นอนว่าต้องเรียบร้อยดีเพคะ พระชายาเจ็ดออกจากวังแล้วเพคะ" หลังจากนั้นนางก็ไปนั่งลงบนเก้าอี้ และดื่มชาพร้อมกล่าวต่อ "แต่ทว่า เราทำอย่างนี้ เกรงว่าจะทำให้ฮองเฮาจะยิ่งไม่พอพระทัยกับพระชายาเจ็ด"
"ถึงแม้เราจะทำไม่ทำอะไร ฮองเฮาก็ไม่ทรงโปรดฮวาอวี้ถง" หยุนชางยิ้ม ลุกขึ้นยืนแล้วพูด "เราจะกลับไปที่จวนก่อน หากมีอะไรจะส่งจดหมายมา"
หนิงเชียนพยักหน้าและส่งทั้งสองออกจากตำหนักเซียงจู๋
พอกลับถึงจวน หยุนชางเริ่มตื่นเต้นกับเรื่องการวางเพลิงที่กำลังจะเกิดขึ้นในตอนเย็น และสั่งเฉี่ยนจั๋วว่า "ในวิหารห้องพระมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตร ถ้าใส่ในกระสอบจะดูเหมือนคนจริงๆ เมื่อถึงเวลา ถ้าท่านอ๋องเจ็ดเข้ามาขวาง ก็ลงมือให้หนัก และเมื่อฝ่าบาททรงตื่นตระหนก ก็หาข้ออ้างได้ โดยกล่าวว่าแคว้นหนิงของเรามีธรรมเนียมที่ว่า จะมีการฝังรูปปั้นพระพุทธเจ้าในวันแรกของวันปีใหม่ พระพุทธเจ้าจึงจะทรงอวยพร และประทานให้สมดังปรารถนา"
เฉี่ยนจั๋วตอบรับ หยุนชางจึงกล่าวอีกครั้งว่า "ข้าขอคิดดูก่อน จะเอาอะไรวางในจวนอ๋องเจ็ดดี..."
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน นางลุกขึ้นยืน "มีแล้ว" ขณะที่นางพูดก็ให้เฉี่ยนจั๋วเอนหูเข้าใกล้ และสั่งเบาๆ ดวงตาของเฉี่ยนจั๋วเป็นประกาย พยักหน้า และถอยไปเตรียมการ
ลั่วชิงเหยียนเหลือบมองหยุนชางและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ก็มีเพียงพวกเราไม่กี่คน เจ้ายังทำเป็นลับๆล่อๆเช่นนี้ ทำเหมือนกลัวคนอื่นจะรู้อย่างนั้น ปิดบังตอนนี้แล้วมีประโยชน์อะไร ประเดี๋ยวกลางคืนด็จะได้รู้กันแล้ว" คิดแล้วก็หัวเราะอีก "มักจะได้ยินคนพูดว่า ถ้าหญิงตั้งท้อง จะกลายเป็นคนโง่สามปี นิสัยของนางก็จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เดิมข้ายังไม่เชื่อ คิดว่ามันจะเหลวไหลเยี่ยงนี้ได้อย่างไร แต่ข้าดูการกระทำของเจ้าในทุกวันนี้ ข้าก็ค่อนข้างมั่นใจ"
ฉินยียืนปรนนิบัติอยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
หยุนชางจ้องไปที่ลั่วชิงเหยียนขมวดคิ้วและพูดว่า "มันเป็นอย่างไร?"
ลั่วชิงเหยียนวางหนังสือในมือลงและคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ข้าคิดว่าจากเดิมเจ้าเป็นคนที่นิ่งสงบ แต่ช่วงนี้เจ้าดูเหมือนจะบุ่มบ่ามเล็กน้อย อ่อนไหวง่าย อืม และมักจะชอบเขม้นคนขึ้นเล็กน้อย"
หยุนชางพึมพำ หันศีรษะและไม่สนใจเขา แต่ในใจก็คิดเช่นกัน ในช่วงสองวันที่ผ่านมา รู้สึกว่าสิ่งที่ลั่วชิงเหยียนพูดมานั้น ดูเหมือนจะสมเหตุสมผลบางอย่าง นางดูเหมือนจะใจร้อนมากขึ้น ตอนได้ยินว่าฮวาอวี้ถงเกิดเรื่องในวันนี้ นางก็จะไปที่ตำหนักเว่ยยางเพื่อช่วยคน โดยไม่ได้คิดไตร่ตรองในเรื่องนี้ รอให้สงบลงแล้วคิดดู ตอนนั้นไม่ว่ายังไงนางยังคงไปไม่ได้ ท้ายที่สุด ฮองเฮาทรงเกรี้ยวมากเพราะนางกับลั่วชิงเหยียน และลั่วชิงเหยียนก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น นางไม่แน่ใจเลยว่าจะสามารถช่วยฮวาอวี้ถงได้ มีแนวโน้มที่ว่าฮองเฮาจะทรงยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นหลังจากเห็นนาง ในเวลานั้น ลั่วชิงเหยียนก็ไม่อยู่เคียงข้างนาง และฮองเฮาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง