เมื่อหยุนชางกำลังคิดว่าเขาจะเอ่ยอะไรขึ้นเป็นประโยคแรก คิดไม่ถึงว่าเขากลับเอ่ยเช่นนี้ออกมา หยุนชางจึงอดหัวเราะไม่ได้ แต่สายตาของนางกลับกวาดมองเซี่ยหวนอวี่ที่มีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ด้านหลังลั่วชิงเหยียนแล้วจึงกล่าวขึ้นอย่างแง่งอน "แน่นอน หากต่อไปท่านทำให้ข้าวิตกกังวลเช่นนี้อีก ข้าจะไม่เพียงโกรธเท่านั้นแล้วนะ"
ลั่วชิงเหยียนกะพริบตาปริบๆ และพยุงหยุนชางขึ้นจากพื้น ดวงตาของเขาฉายแววราวกับเขาไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วย "ชางเอ๋อร์ปรักปรำข้าแล้ว ข้าไม่รู้อะไรเลยจริงๆ... "
หยุนชางก้มศีรษะและไม่ตอบอะไร ครู่หนึ่งก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังเซี่ยหวนอวี่ที่กำลังมองดูพวกเขา "ฝ่าบาทต้องการให้ท่านอ๋องไปที่ชางหนาน?" พูดแล้วนางก็หันกลับมามองลั่วชิงเหยียนอีกครั้ง
มุมปากของเซี่ยหวนอวี่กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม "แน่นอน ไม่อย่างนั้นข้าจะปวดหัวคิดอุบายเหล่านี้ขึ้นมาทำไม?"
หยุนชางครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะหันศีรษะมามองลั่วชิงเหยียน "ท่านอ๋องจะไปเมื่อใดเพคะ?"
ลั่วชิงเหยียนครุ่นคิดเล็กน้อยก็จะเอ่ยว่า "อ๋องเจ็ดและซูหรูไห่ไปถึงนอกเมืองหลิงซีแล้ว จากเมืองจิ่นไปที่ชางหนานต้องใช้เวลาอย่างน้อยเจ็ดวันในการเดินทาง"
แม้ว่าเขาจะไม่ได้บอกว่าจะออกเดินทางเมื่อใด แต่หยุนชางก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว ความหมายของเขาคือโดยเร็วที่สุด
"ตอนนี้จวนรุ่ยอ๋องมีสภาพเช่นนั้น ท่านอ๋องจะไปพักที่ไหน?" แววตาของหยุนชางเรียบเฉย แต่กลับเปล่งประกายขึ้นอย่างช้าๆ
ลั่วชิงเหยียนมองหยุนชางด้วยแววตาอ่อนโยน "พระราชวังย่อมเหมาะสมที่สุด แต่ถ้าเจ้าไม่ชอบ จะไปที่จวนกั๋วกงก็ได้ มีเสิ่นอี๋หลานอยู่เป็นเพื่อน อีกทั้งยังไม่มีกฎระเบียบเคร่งครัดเช่นวังหลวง เจ้าคงจะสบายใจกว่า"
เมื่อหยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะขึ้น "หากพูดถึงความปลอดภัยและความสบายใจแล้ว ชางเอ๋อร์รู้สึกว่ามีอีกที่หนึ่งที่ดีที่สุด"
"หือ?" ดวงตาของลั่วชิงเหยียนฉายแววสงสัย เขามองหยุนชางแล้วจึงถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "ที่ไหนหรือ?"
หยุนชางยิ้มที่มุมปาก ดวงตาของนางเปล่งประกายแวววาว "หม่อมฉันคิดว่าอยู่ข้างกายของท่านอ๋องดีที่สุด หากจะพูดถึงความปลอดภัยแล้ว ในวังมีคนอยากเอาชีวิตของหม่อมฉันและลูกในครรภ์ไม่น้อย หม่อมฉันคิดว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยเลยสักนิด ยิ่งจวนกั๋วกงก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม้แต่หัวหน้าตระกูลยังถูกวางยาในจวนของตัวเอง! หากจะพูดถึงความสบายใจแล้ว ในเมืองจิ่นแห่งนี้ ไม่ว่าหม่อมฉันจะไปที่ใดล้วนแต่มีสายตาจับจ้องอยู่เสมอ แล้วข้าจะสบายใจได้อย่างไร?"
เมื่อลั่วชิงเหยียนได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึง แต่แล้วก็ถูกแทนที่ด้วยความอ่อนโยนอย่างรวดเร็ว "แต่..."
เพียงเอ่ยปากก็ถูกหยุนชางขัดจังหวะขึ้น "ท่านอ๋องต้องการจะบอกว่าที่นั่นเป็นสนามรบและอันตรายมากใช่หรือไม่? หรือว่าหม่อมฉันกำลังตั้งครรภ์ไม่ควรทำให้ตนเองอยู่ในอันตราย? แต่ข้ารู้ดีว่าท่านอ๋องต้องไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องอะไรกับข้าแน่ ข้างกายของท่านก็คือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดเพคะ"
หยุนชางก้มศีรษะลงมองดูท้องที่ยื่นออกมาน้อยๆ แล้วจึงพูดต่อว่า "เมื่อครู่ท่านอ๋องก็บอกว่ายามข้าโกรธช่างน่ากลัวนัก หม่อมฉันแต่งงานกับท่านมาเกือบสองปีแล้วแต่กลับถูกแยกกันตลอดเวลา หม่อมฉันไม่ต้องการให้ตอนที่ลูกเกิดนั้นไม่มีพ่ออยู่เคียงข้าง ถ้าท่านอ๋องไม่รับปากข้า เช่นนั้นต่อไปก็ไม่ต้องเจอกันอีก"
หยุนชางกล่าวอย่างจริงจังทำให้นัยน์ตาของลั่วชิงเหยียนเปล่งประกายวาววับ แต่หยุนชางกลับไม่ได้สนใจ อย่างไรวันนี้นางก็ได้สั่งสอนเซี่ยหวนอวี่ไปรอบหนึ่งแล้ว ข้อหาหมิ่นเบื้องสูงก็ทำไปแล้ว หากทำอีกครั้งจะเป็นอะไรไป?
ทันทีที่สิ้นเสียงของหยุนชาง ภายในตำหนักก็เงียบกริบและได้ยินเพียงเสียงแตกของไฟภายในตะเกียง หลังจากนั้นไม่นานลั่วชิงเหยียนจึงระงับความคิดที่อยากคว้าหยุนชางเข้ามาในอ้อมกอดแล้วจึงหันไปคุกเข่าลงต่อหน้าเซี่ยหวนอวี่ "ฝ่าบาทโปรดอนุญาตให้หม่อมฉันพาครอบครัวไปยังสนามรบด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
หยุนชางที่เมื่อครู่มีท่าทีร้องขอเรื่องอันเป็นไปไม่ได้อย่างมั่นอกมั่นใจ แต่เมื่อนางเห็นลั่วชิงเหยียนออกปากขอร้องก็รู้สึกแสบจมูกเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง