หลังจากการผ่านเรื่องราวเช่นนี้มาเฉี่ยนจั๋วก็เชื่อฟังขึ้นไม่น้อย หยุนชางก็รู้สึกชื่นใจเล็กน้อยอยู่ในใจ เฉี่ยนจั๋วนั้นอะไรก็ดี ติดเสียแต่ว่านางใจร้อนและโผงผางเกินไปหน่อยเท่านั้น นิสัยเช่นนี้จะว่าดีก็ไม่ดีจะว่าแย่ก็ไม่แย่ ดีตรงที่นางจะไม่ซ่อนอะไรไม่ดีไว้ แต่ที่แย่ก็คือหากนางยังเป็นแบบนี้ต่อไปจะทำให้เสียการใหญ่
"สำนึกผิดก็ดีแล้ว เจ้าก็คงเสียขวัญนัก คราวหน้าเจ้าต้องระวังให้มากกว่านี้" หยุนชางยิ้มอย่างอ่อนโยน
เฉี่ยนจั๋วพยักหน้า ลั่วชิงเหยียนจึงสั่งเบาๆ "นั่งรถม้ามาทั้งวันชางเอ๋อร์คงหิว เจ้าไปบอกให้เถ้าแก่นำอาหารมาเถอะ"
เฉี่ยนจั๋วรับคำแล้วจึงออกไป
หลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จ เวลายังหัวค่ำอยู่ เพราะลั่วชิงเหยียนได้สั่งให้สายลับแทรกตัวอยู่ทั่วเมือง ในเมืองจึงน่าจะปลอดภัย เขาไม่ได้กังวลมากนักจึงพาหยุนชางลงไปข้างล่างด้วยกัน
เพราะเป็นเวลาอาหาร ชั้นล่างและชั้นสองจึงคลาคล่ำไปด้วยผู้คน เฉี่ยนจั๋วพบโต๊ะว่างบนชั้นสองให้ลั่วชิงเหยียนและหยุนชางนั่งลง ชั้นลอยมีนักเล่าเรื่องคนหนึ่งกำลังเล่าเรื่อง
เสียงเคาะกรับไม้ดังขึ้น สีหน้าของนักเล่าเรื่องยากจะคาดเดา "เมื่อครู่ข้าเล่าเรื่องจวนหลี่ทางทิศตะวันตกของเมืองมีผีหลอก พวกเรามาพูดถึงเรื่องผีอีกเรื่องกันเถอะ เพิ่งเกิดขึ้นวันนี้เอง คิดว่าหลายท่านก็คงจะได้ยินมาบ้างแล้ว แต่ท่านที่ไม่รู้เรื่องก็ไม่เป็นไร ข้าจะเล่าให้ทุกท่านฟังประเดี๋ยวนี้"
"ว่ากันว่าวันนี้ยามเช้าตรู่ ที่ด้านหน้าศาลบรรพชนของสกุลไป่ทางด้านตะวันออกของเมือง จู่ๆ ก็มีของยาวสามจั้งกว้างสามฉื่อ*ปรากฏขึ้น ได้ยินมาว่าเมื่อเช้านี้ยามท้องฟ้ากำลังสว่าง ของสิ่งนั้นก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้าและตกลงที่หน้าประตูศาลบรรพชนพอดี พวกท่านเดาสิว่านั้นคืออะไรกันนะ?" (*มาตราวัดของจีน หนึ่งจั้งยาวประมาณ 3.3 เมตร หนึ่งฉื่อยาวประมาณ 33 เซนติเมตร)
เสียงจากด้านล่างโห่ร้อง "รีบบอกมาเร็วๆ ว่ามันคืออะไรกันแน่?"
นักเล่าเรื่องเคาะกรับอีกครั้งแล้วพูดเสียงดัง "มันคือแท่นศิลาที่มีอักขระแปดตัวของวันเดือนปีเกิดของคนผู้หนึ่งจารึกไว้ ด้านล่างเขียนไว้ว่าฟ้าดินลิขิต"
ผู้คนข้างล่างต่างก็กระซิบกระซาบ แต่ในใจของหยุนชางกลับถูกฟ้าผ่า นั่นมิใช่... วิธีจัดการเสิ่นซู่เฟยที่นางเคยบอกกับฮองเฮาหรอกหรือ?
ลั่วชิงเหยียนเห็นสีหน้าหยุนชางผิดปกติไปเล็กน้อย เขาเหลือบมองไปยังนักเล่าเรื่องที่กำลังพูดเป็นต่อยหอยแล้วจึงเบนสายตากลับมามองนาง "มีอะไรผิดปกติหรือไม่? คนเล่าเรื่องนั่นมีปัญหาหรือ?"
หยุนชางส่ายหัวอย่างช้าๆ หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อยจึงกล่าวว่า "ในขณะที่ยังไม่ค่ำมากนัก ท่านพาข้าไปที่ประตูศาลบรรพชนเพื่อดูแผ่นศิลานั้นหน่อยเถิด แล้วระหว่างทางข้าจะเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น"
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าแล้วจึงลุกขึ้นเดินออกจากโรงเตี๊ยมชิงซานไปทางศาลบรรพชนตระกูลไป่ที่อยู่ทางตะวันออกของเมือง
ระหว่างทางเต็มไปด้วยคนที่ถกเถียงกันถึงแผ่นศิลาที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน เมื่อเขาฟังจบแล้วจึงถามขึ้นว่า "ดังนั้นเจ้าจึงเห็นแผ่นกระดาษที่องค์หญิงใหญ่เลียนแบบลายมือของเจ้าเขียนไว้ว่าบนนภาลั่วคือราชา เกรงว่าพวกเขาจะใช้มันทำร้ายข้า จึงได้แนะนำให้ฮองเฮาใช้แผ่นศิลาเพื่อปัดกองไฟนี้ใส่ฉีอ๋องและเสิ่นซู่เฟย เมื่อเป็นเช่นนี้แม้ว่าองค์หญิงใหญ่จะเผยแพร่กระดาษนั้น เหล่าชาวบ้านและฝ่าบาทจะคิดว่าเป็นฝีมือของผู้อื่นต้องการให้ร้ายข้า?"
หยุนชางพยักหน้าและเห็นว่าพวกนางมาถึงศาลบรรพชนของตระกูลไป่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง