หยุนชางจึงค่อยๆ กระตุกยิ้มมุมปากขึ้นมา พร้อมกล่าวออกมาโดยรอยยิ้มว่า "ท่านนายพลวางใจได้. เรื่องราวที่ฮูหยินโดนวางยาในวันนี้ เป็นความผิดพลาดของข้าเอง. แต่นี้เป็นต้นไป ข้าจะย้ายมาอยู่ที่ตำหนักแห่งนี้ เรื่องราวเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน ข้ารับปากท่านแล้ว ว่าจะปกป้องดูแลจ้าวฮูหยินเป็นอย่างดี ข้าย่อมไม่ผิดคำสัญญา"
จ้าวอิงเจี๋ยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จึงรีบร้อนกล่าวออกมาว่า "ขอบพระทัยพระชายาพะยะค่ะ"
หยุนชางพลันค่อย ๆ แย้มยิ้มออกมา "อันที่จริง. ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อท่านอ๋อง เมื่ออยู่ที่แคว้นหนิงนั้น. นายพลจ้าวย่อมต้องคุ้นเคยกับลักษณะนิสัยของท่านอ๋องเป็นอย่างดี. แม้ว่าเขาจะถูกเรียกให้เป็นเจ้าสงครามตั้งแต่อายุยังน้อยนั้น อีกทั้งยังมีนิสัยเย็นชาเข้ากระดูก. หากแต่นั้นก็เป็นเพราะสิ่งที่เกี่ยวพันธ์กับชาติกำเนิดของเขา"
เมื่อหยุนชางพูดถึงลั่วชิงเหยียนนั้น. สายตาพลันอ่อนโยนลงหลายส่วน "เมื่อครั้งที่ท่านอ๋องยังเด็กนัก ถูกผู้อื่นช่วยเหลือถึงได้รอดมาได้ ไม่เคยคิดเลยว่า ภัยพิบัติในยามนั้น จะพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขาเช่นนี้ หลังจากนั้นท่านอ๋องจึงได้ร่อนเรพเนจรอยู่นาน. แม้ว่าจะผ่านความทุกข์ยากมาขนาดไหน เขาก็ยังอดทนรอดมาได้"
"หลังจากนั้น. ถึงได้มาพบกับท่านตาและจักรพรรดิองค์ก่อน. แม้ว่าเขาจะถูกจักรพรรดิองค์ก่อนชุบเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรมมก็ตาม หากแต่ในพระราชวังนั้น. ถึงจะเป็นองครัชทายาทที่แท้จริงแล้ว ก็ยังไม่สามารถเทียบเท่าผู้ที่อยู่ในวังมาก่อนได้. อีกทั้งยังเป็นเพียงบุตรบุญธรรมอีก. เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด เขาที่ยังเป็นเด็ก จึงต้องเดินทางไปอยู่กับจักรพรรดิองค์ก่อนในสนามรบ พร้อมทั้งอาศัยอยู่กับดาบมีดที่ผ่านไปมา. ทั่วร่างเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นไม่น้อยเลย นั่นจึงทำให้ท่านอ๋องได้รับความสนใจจากจักรพรรดิองค์ก่อนเป็นอย่างมาก. หากเมื่อยามที่เขาอายุครบสิบปี. จักรพรรดิองค์ก่อนก็ได้ถึงแก่กรรม ท่านอ๋องเกรงกลัวความหวาดระแวงของท่านพ่อของข้าที่มีต่อเขา เพราะอย่างนั่นท่านอ๋องจึงได้อาศัยอยู่แต่แถบชายแดนมาตลอด"
หยุนชางจึงหันหน้ามามองจ้าวอิงเจี๋ย แววตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา พร้อมรอยยิ้มเจือนๆ "แม้ว่าท่านอ๋องจะไม่เคยพูด. ข้าก็รับรู้ได้ว่าภายในใจเขาทุกข์ยากเพียงใด ข้าเพียงหวังว่า เขาจะมีคนที่คอยสนิทชิดเชื้อหรือคอยปกป้องได้ หากแต่การปกป้องจากฝ่าบาทเขาก็ยังไม่ยอมรับ ฝ่าบาทเป็นถึงประมุขของแผ่นดิน หากแต่ฝ่าบาทก็ค่อยๆพยายามเข้าไปตีสนิทชิดเชื้อต่อท่านอ๋อง เพื่อให้ท่านอ๋องสามารถเข้าหาฝ่าบาทได้กระมัง"
"นับว่าเป็นโชคดี. ที่ในยามนี้มีนายพลจ้าวและฮูหยินจ้าวอยู่. แม้ว่าฮูหยินจะสูญเสียความทรงจำไป หากแต่อย่างไรก็เป็นเสด็จแม่ของท่านอ๋อง พวกเขาย่อมต้องมีความรู้สึกถึงกันอยู่บ้าง ท่านนายพลกับท่านอ๋อง ก็ยังถือได้ว่าเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน แม้ว่าท่านอ๋องจะมีพี่น้องสายเลือดเดียวกันมากมายแล้วก็ตาม หากแต่เชื้อพระวงศ์เช่นนั้น. จะไปมีความสนิทชิดเชื้อให้กันได้อย่างไร ท่านนายพลและท่านอ๋องรักและชื่นชอบในการออกรบเช่นนี้ ย่อมต้องมีหัวข้อที่ใช้พูดคุยกันได้ไม่มากก็น้อย ท่านอ๋องก็ชื่นชอบท่านนายพลเช่นกัน ล้วนแต่เคยกล่าวว่า พี่น้องรักใครเช่นนี้ เป็นกำไรอย่างยิ่ง. ข้าเชื่อในตัวนายพลจ้าวและท่านอ๋องว่าจะสามารถรักใคร่ปรองดอวอยู่ด้วยกันไปตลอดรอดฝั่งได้ ท่านนายพล. ท่านคิดว่าข้าพูดถูกหรือไม่ ?"สายตาของหยุนชางจับจ้องไปที่จ้าวอิงเจี๋ย
จ้าวอิงเจี๋ยพลันมองหยุนชางด้วยสายตาตกตะลึง. ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยพยักหน้าลงด้วยความไม่รีบไม่ร้อนว่า "พะยะค่ะ"
หยุนชางจึงค่อยๆแย้มยิ้มออกมา สายตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มพร้อมรีบร้อนพยักหน้าลงมาว่า "เช่นนั้นถือเป็นเรื่องดี. ทว่า. แม้ลักษณะนิสัยท่านอ๋องจะดูเย็นชาไปบ้าง. หากแต่นิสัยภายในกลับเป็นคนที่อ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง หากท่านได้พูดคุยกับเขาบ่อยๆแล้ว. ก็จะค้นพบนิสัยนั้นได้เอง ข้าได้แต่หวังว่าท่านนายพลจะคอยดูแลท่านอ๋องด้วย"
ภายในใจของจ้าวอิงเจี๋ยรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก เกรงว่า แม้แต่คำพูดของหยุนชาง เขาก็คงไม่ได้ยินกระมัง จึงได้แต่รีบพยักหน้ารับคำเช่นนั้น
ทันใดนั้น พลันได้ยินเสียงของบางอย่างที่ตกลงภายในห้องดังออกมา ทั้งสองพลันชะงักไปในทันที พร้อมรีบร้อนเดินเข้าไปด้านใน พลันเห็น ถ้วยยาของจ้าวฮูหยินที่วางอยู่บนโต๊ะนั้น ถูกจ้าวฮูหยินทำตกลงบนพื้น
เมื่อได้ยินฝีเท้าที่เดินเข้ามานั้น จ้าวฮูหยินจึงเงยหน้าขึ้นมามอง พร้อมกล่าวออกมาว่า "ข้าไม่ทันได้ระวังจึงทำถ้วยยาตกลงแล้ว อิงเจี๋ย ยาถ้วนนี้เป็นยาที่แม่ต้องกินใช่หรือไม่ ? ไปต้มมาใหม่ให้แม่อีกถ้วยเถอะ"
จ้าวอิงเจี๋ยได้ยินเช่นนั้น. พลันรีบร้อนรับคำ พร้อมถอยกายเดินออกไป
จ้าวฮูหยินจึงหันหน้าไปหาหยุนชาง พลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงกระซิบถามด้วความน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "เจ้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้วหรือ?"
คำพูดที่จู่ๆก็โพล่งขึ้นมา หยุนชางจึงได้เข้าใจถึงคำถามที่ถามมาทันที พร้อมพยักหน้าตอบไปว่า "เพคะ"
จ้าวฮูหยินพลันยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมกล่าวออกมาว่า "ข้าย่อมรู้. บุตรชายที่โง่เขลาของข้าทำสิ่งใดไม่คิดหน้าคิดหลังเช่นนี้ ย่อมไม่สามารถรอดพ้นสายตาเจ้าไปได้. เจ้าอย่าได้ไปกล่าวโทษเขาเลย. เขาเพียงแค่เป็นกังวลต่อข้าไปเพียงเท่านั้น ข้ารับปากกับพวกเจ้าไปแล้ว ว่าจะเดินทางไปเมืองจิ่นกับพวกเจ้า อย่างไรข้าก็ไม่ผิดคำพูด"
หยุนชางเพียงแย้มยิ้มออกมา "ชางเอ๋อร์เข้าใจเพคะ. ทว่า นายพลจ้าวก็ได้เตือนหม่อมฉันได้เป็นอย่างดี. หากมีคนคิดร้ายต่อฮูหยินขึ้นมา วิธีนั้นมีมากมายเสีย หม่อมฉันจักต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากกว่านี้ ยังดีที่ภายในตำหนักของฮูหยินนั้นยังมีกอีกหลายห้องที่ยังว่างอยู่ พรุ่งนี้ชางเอ๋อร์จะย้ายเข้ามาที่นี่เพคะ จะมาอยู่เป็นเพื่อนฮูหยิน องครักษเงาข้างกายหม่อมฉันมีไม่น้อยเลย เช่นนั้นหม่อมฉันจะได้สบายใจลงบ้าง "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง