ผ่านไปครู่หนึ่ง จางฮูหยินจึงอึกอักเอ่ยขึ้น "พระชายา ข้าขอตัวไปทำธุระเล็กน้อย อีกสักครู่จะกลับมาเพคะ"
หยุนชางยิ้มและเหลือบมองจางฮูหยินแล้วพลางรับคำด้วยรอยยิ้มกว้าง
เมื่อจางฮูหยินลงไปชั้นล่าง หยุนชางจึงกระตุกยิ้มมุมปากและกล่าวด้วยรอยยิ้มอันนุ่มนวล "สุดท้ายก็รีบร้อนไปหน่อย"
ไม่รู้ว่านางหมายถึงจางฮูหยินหรืออย่างอื่น
แสงไฟริมแม่น้ำเพิ่มมากขึ้น อ่าวแสงจันทร์ในเวลานี้เปรียบเสมือนทะเลดาว สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านแผ่วเบา กลับทำให้รู้สึกพิเศษยิ่งนัก เสียงภายนอกวุ่นวายเล็กน้อย เสียงหัวเราะ เสียงเด็กร้องไห้ เสียงพูดคุยและเสียงคนขายของเรียกลูกค้า...
หยุนชางกระตุกยิ้มมุมปากและหลับตาลงช้าๆ แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศแผ่วเบาดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
หยุนชางรีบลืมตาขึ้นทันที เฉี่ยนจั๋วที่อยู่ด้านข้างก้าวไปข้างหน้าเพื่อบังตัวหยุนชางไว้อย่างรวดเร็ว หยุนชางลืมตาก็เห็นว่ามีธนูขนนกสีขาวพุ่งมาจากระยะไกล เป็นลูกธนูขนนกขนาดใหญ่
ก่อนที่ห่าธนูจะเข้าสู่คลองสายตาของหยุนชาง ทหารชุดดำกลุ่มหนึ่งก็กระโดดขึ้นล้อมเป็นกำแพงอยู่ตรงหน้าหยุนชาง
หยุนชางได้ยินเสียงลูกธนูถูกปัดลงกับพื้นและเสียงกรีดร้องดังมาจากด้านล่าง
หยุนชางพลันคิดขึ้นมาได้ว่าซูหรูจีและซูฉีได้เตรียมการเพื่อวันนี้มาเป็นเวลานานแล้ว ครั้งนี้เกรงว่าคงจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด
ข้างนอกมีเสียงกรีดร้องไม่รู้จบ หยุนชางสังเกตเห็นว่ามีผู้คนเข้ามาใกล้หอชมจันทร์นี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะเกิดการต่อสู้ขึ้นรอบสี่ทิศ
หยุนชางหันไปมองเฉี่ยนจั๋ว "เป้าหมายหลักของคู่พ่อลูกสกุลซูคือจ้าวฮูหยิน หากเหลือเพียงข้า พวกเขาจะลังเลเล็กน้อย เจ้าพาสายลับห้าสิบคนไปคุ้มครองฮูหยินฝ่าวงล้อมออกไปจากทางหลังคา
เฉี่ยนจั๋วรับคำอย่างรวดเร็ว นางยกมือขึ้นแตะริมฝีปากแล้วเป่าปากออกมาเป็นเสียงยาวครั้งหนึ่งแล้วจึงคว้าตัวจ้าวฮูหยินกระโดดพุ่งขึ้นไปบนหลังคา หยุนชางเงยขึ้นมอง เห็นสายลับจำนวนมากล้อมรอบพวกเขาสองคนและคุ้มครองให้พวกเขาออกไปอย่างปลอดภัย หยุนชางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
การโจมตีจากภายนอกไม่แผ่วลงเลย หยุนชางคิดว่าเกรงว่าซูหรูจีคงคิดไม่ถึงว่าหยุนชางจะยอมเสี่ยงให้ฮวาฮองเฮาไปก่อน อย่างไรหยุนชางก็ไม่รู้ว่ามีคนซุ่มโจมตีอยู่รอบด้านจำนวนเท่าไร ไม่รู้ว่าพวกเฉี่ยนจั๋วจะฝ่าวงล้อมออกไปได้หรือไม่
ราวกับว่าผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังเข้ามาใกล้เข้ามา หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อยและหันกลับมาและพูดอะไรบางอย่างกับฉินยี ฉินยีมีสีหน้าชะงักไปแล้วจึงรีบเดินไปพูดกับสายลับที่อยู่ด้านหน้า
ไม่นานหลังจากนั้นที่หอชมจันทร์ก็มีเสียงดังสะท้านฟ้าดังขึ้น "ซูไท่เว่ย ซูฮองเฮาลอบสังหารพระชายารุ่ยอ๋องแล้ว..."
หยุนชางยกยิ้มที่มุมปาก ในใจสงสัยว่าซูหรูจีจะตอบสนองอย่างไร แม้ว่าเพราะห่าธนูเมื่อครู่ทำให้คนรอบข้างวิ่งหนีไปจนหมด แต่เสียงที่ดังขึ้นนั้นไม่เบาเลยทีเดียว เกรงว่าคงมีหลายคนได้ยิน หากเรื่องนี้ลือออกไปจะทำให้ตระกูลซูที่โด่งดังถึงตายได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่คำเล่าลือเหล่านี้แพร่ออกไป ซูฉีเกรงว่าสิ่งที่เขาจำเป็นต้องพิจารณามากที่สุดก็คือสิ่งที่ลั่วชิงเหยียนและเซี่ยหวนอวี่จะทำกับเขา ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรในใจก็ต้องหวาดกลัวอยู่บ้าง
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงตวาดอย่างโกรธเคืองของซูหรูจีก็ดังขึ้น "หนิงหยุนชาง เจ้าช่างต่ำช้ายิ่งนัก"
หยุนชางเมื่อได้ยินนางพูดเช่นนั้นก็อดไม่ได้หัวเราะออกมา ใช่แล้ว นางน่ารังเกียจอยู่บ้างเล็กน้อย แต่จะเป็นไรไปเล่า ตราบใดที่ยังงรักษาชีวิตได้ก็พอแล้ว
หยุนชางยืนขึ้น ดินไปที่ราวกั้นและมองลงไปก็เห็นซูหรูจีและซูฉียืนอยู่ด้านล่าง ขมวดคิ้วมองกลับมา รอบด้านล้อมรอบไปด้วยนักฆ่าในชุดดำ ทุกคนมีธนูอยู่ในมือเล็งมาที่นาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง