ลั่วชิงเหยียนไม่เพียงแต่หนีฮวากั๋วกงกลับมายังเมืองหลิงซีเท่านั้น วันต่อมายังได้บุกไปรับตัวหยุนชางเพื่อพากลับเมืองจิ่น หยุนชางที่กำลังหลับฝันอยู่ก็ได้ถูกลั่วชิงเหยียนอุ้มตัวขึ้นรถม้าไปเสียแล้ว แม้ในช่วงที่นางกำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นจะได้ยินเสียงล้อรถม้าเคลื่อนตัวแว่วมาเป็นทีๆ นางกลับหลงคิดว่าลั่วชิงเหยียนกำลังเดินทางไปที่เมืองหวายอิน เนื่องจากเซี่ยหวนอวี่และฮวาฮองเฮาต่างก็ประท้บอยู่ที่เมืองหวายอิน
เมื่อนางรู้สึกตัวแล้ว จึงรู้ว่าทุกอย่างหาได้เป็นดังเช่นที่นางคิด หยุนชางแหวกม่านหน้าต่างรถม้าแล้วชะเง้อมองออกไปด้านนอก จึงพอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น "นี่ดูเหมือนจะไม่ใช่เส้นทางไปเมืองหวายอินนี่เพคะ?"
คราวนี้ลั่วชิงเหยียนไม่ได้ขี่ม้า แต่เขานั่งอยู่ในรถม้าเป็นเพื่อนกับหยุนชาง เมื่อได้ยินหยุนชางเอ่ยถาม เขาก็ได้แต่พยักหน้าเบาๆ "ใช่ พวกเรากำลังกลับไปยังเมืองจิ่น"
หยุนชางเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นางรีบพูดต่อไปว่า "ยังตามหาตัวซูฉีและซูหรูจีไม่พบเลยนะเพคะ อ๋องเจ็ดก็ยังถูกขังอยู่ในคุกที่เมืองหลิงซี......"
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าอีกครั้ง "ข้ารู้ ไม่เป็นไรหรอก ให้ฮ่องเต้คอยจัดการก็แค่นั้น"
หยุนชางก็ได้เงียบไป นานๆทีนางจึงจะแอบมองดูลั่วชิงเหยียนสักครั้ง หลังจากนั้น นางก็ยอมเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า "ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นที่เมืองจิ่นงั้นหรือเพคะ?"
ลั่วชิงเหยียนหันมามองหยุนชาง เขายิ้มและตอบนางไปว่า "ว่ากันว่าเมื่อผู้หญิงตั้งท้องก็จะคิดอะไรได้ช้า เห็นทีคงจะจริงดังเช่นที่เขาพูดกัน นี่เจ้าลืมไปแล้วหรือว่า ซูหรูจีได้พูดอะไรไว้ตอนอยู่ที่ภูเขาจวินซาน?"
หยุนชางมองหน้าลั่วชิงเหยียนอยู่นานสองนาน สักพักก็ส่ายหน้า "นางพูดอะไรออกมาตั้งมากมาย ท่านทรงหมายถึงคำพูดไหนหรือเพคะ? แล้วอีกอย่าง ในตอนนั้นท่านเองก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ จะทรงทราบได้อย่างไรเพคะ ว่านางได้พูดอะไรออกมาบ้าง?"
ลั่วชิงเหยียนยิ้ม แววตาของเขาดูเหมือนกำลังกระเซ้าเย้าแหย่นาง "แม้ว่าข้าจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ข้าก็ถามสายลับดูได้นี่นา ซูหรูจีได้พูดออกมาหลายสิ่งหลายอย่าง แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องสำคัญมากๆ แต่เจ้าคงจะนึกไม่ออกแล้วล่ะสิ"
แววตาของหยุนชางเต็มไปด้วยความรู้สึกสงสัย นางก้มหน้าครุ่นคิดอยู่นาน แต่ก็ยังคิดเรื่องสำคัญที่ว่านั้นไม่ออกอยู่ดี สิ่งที่ซูหรูจีได้พูดออกมาที่ภูเขาจวินซานในวันนั้น ไม่ใช่มีเพียงวาจาแสดงความเกลียดชังที่นางมีต่อเซี่ยหวนอวี่หรอกหรือ?
ลั่วชิงเหยียนเขกหัวหยุนชางเบาๆ นัยน์ตาของเขาส่งยิ้มให้กับหยุนชาง "ซูหรูจีพูดว่า พวกเขาอาศัยโอกาสช่วงที่ฮ่องเต้มิได้ประทับอยู่ที่เมืองจิ่นก่อเรื่องขึ้นมา โดยมุ่งหวังที่จะยึดครองแผ่นดินอย่างไรล่ะ"
หยุนชางตกตะลึง นางลองไตร่ตรองดูอีกครั้ง ซูหรูจีได้พูดเช่นนั้นออกมาจริงๆด้วย แต่ในตอนนั้นนางคิดว่าเซี่ยหวนอวี่จะลงมือจัดการด้วยตนเอง นางจึงมิได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ แต่ไม่คิดเลยว่า......
หยุนชางเงยหน้ามามองดูใบหน้าด้านข้างของลั่วชิงเหยียน พลางคิดในใจว่า ลั่วชิงเหยียนคงจะได้นัดแนะและเตรียมการกับเซี่ยหวนอวี่เอาไว้เรียบร้อยแล้ว
หยุนชางก้มหน้า นัยน์ตาของนางบ่งบอกว่านางกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ทั้งเรื่องนี้และเรื่องสงครามกับแคว้นเย้หลาง ลั่วชิงเหยียนได้รับชัยชนะอย่างสวยงามและเป็นที่ประจักษ์ ถือเป็นความดีความชอบอันยิ่งใหญ่ หากเขาสามารถปราบกบฏได้อย่างราบคาบอีกล่ะก็ คงจะเป็นผลงานสร้างชื่อชิ้นใหญ่อีกเป็นแน่
เช่นนี้แล้ว การหาทางซื้อใจคน คงเป็นเรื่องที่ลั่วชิงเหยียนทำได้ดีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
ลั่วชิงเหยียนหันมามองดูหยุนชาง ท่าทางของนางดูเหมือนกำลังกลัดกลุ้ม เขาจึงยิ้มออกมา และวางสิ่งของที่อยู่ในมือเอาไว้ข้างๆ จากนั้นจึงเอื้อมมือมาโอบกอดหยุนชางเอาไว้ และพูดอย่างใส่ใจว่า "เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่หรือ? ดูท่าทางคิดหนักน่าดู ระวังลูกของเราจะเกิดมาเป็นคนคิดมากนะ"
หยุนชางจึงเอื้อมมือไปหยิกเนื้อบริเวณเอวของลั่วชิงเหยียน ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า "หึ หากเป็นดังเช่นที่ท่านพูด ก็เป็นเพราะท่านนั่นแหละเพคะ ชอบทำสีหน้าเย็นชาเคร่งขรึมอยู่เรื่อยเลย"
ลั่วชิงเหยียนหัวเราะ พลางเอื้อมมือไปลูบบนท้องนูนๆของหยุนชาง สายตาของเขาดูอ่อนโยน "ท้องใหญ่เช่นนี้ ร่างกายของเจ้าคงต้องแบกรับความหนักหน่วงมิใช่น้อยเลย ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ ตั้งครรภ์อยู่แท้ๆ ยังต้องมาคอยเหนื่อยกับเรื่องวุ่นวายสารพัด"
หยุนชางรู้สึกซาบซึ้งจนอยากจะร้องไห้ นางยิ้มออกมาเล็กน้อย "ทรงทราบว่าหม่อมฉันลำบากก็เพียงพอแล้วเพคะ ต่อไปนี้ต้องเชื่อฟังหม่อมฉันนะเพคะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง