ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 821

หยุนชางเก็บรอยยิ้ม แววตาฉายแววสงสาร จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ "เกรงว่าที่ข้าได้คาดเดาก่อนหน้านี้จะกลายเป็นเรื่องจริง เรื่องลูกพี่ลูกน้องของนางในคราวที่แล้ว ข้าก็รู้สึกได้ว่านางมีอะไรปิดบังข้าอยู่ คราวนี้กลับสามารถยืนยันความคิดของข้าได้ เกรงว่านางจะหลงรักท่านอ๋องเจ็ดเข้าให้แล้วจึงได้ถูกเขาหลอกใช้"

"พระชายาคิดว่าท่านอ๋องเจ็ดหลอกใช้พระชายาของตนเองเข้าเกี่ยวดองกับเสิ่นซู่เฟยหรือเพคะ?" ฉินยีเดินมาที่ข้างโต๊ะและเปิดโป๊ะโคมแปดเหลี่ยมที่วางอยู่บนโต๊ะออกแล้วจึงเผากระดาษนั้นทิ้ง เมื่อเฝ้ามองจนมันกลายเป็นเศษขี้เถ้าแล้ววางโป๊ะกลับลงไปที่เดิม

หยุนชางพยักหน้าเบา "เป็นไปได้อย่างมาก"

เมื่อหยุนชางพูดจบก็นิ่งเงียบไปอยู่นาน นางวางหวีให้มือลงแล้วยืนขึ้น สองตาจ้องมองภาพหญิงสาวที่อยู่บนโคมไฟรูปแปดเหลี่ยมแล้วจึงเอ่ยว่า "ไม่รู้ว่าเหตุใด เมื่อครู่ในสมองของข้าพลันคิดว่าก่อนหน้านี้ที่หลินโยวหรานยังไม่เกิดเรื่อง ข้าเข้าวังมาพูดกับนางถึงเรื่องที่นางกำนัลหายตัวไป หลินโยวหรานบอกข้าว่าแม้เสิ่นซู่เฟยจะดูแลวังหลัง แต่กลับไม่ได้ใส่ใจจัดการเรื่องราวมากนัก"

ฉินยีไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ หยุนชางจึงได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้น แต่นางก็พยักหน้ารับ "หม่อมฉันจำได้ว่าฮุ่ยจาวอี๋เคยกล่าวเช่นนี้ เพียงแต่..."

"เพียงแต่แม้ว่าเสิ่นซู่เฟยจะเป็นสายลับ แต่ที่ข้าเข้าใจนั้น นางมีใจคิดเลยเถิดในเรื่องของอำนาจ แม้ว่าตอนนี้ตราลัญจกรของฮองเฮาจะอยู่ในมือของนางอย่างชอบธรรม เหตุใดนางจึงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลยเล่า?" หยุนชางกล่าวตอบ นางขมวดคิ้วแล้วจึงเอ่ยต่อ "ก่อนหน้านี้ข้าเคยคิดว่าเป็นเพราะนางคำนึงถึงสถานะสายลับของตนเอง แต่วันนั้นตอนที่นางจัดการเรื่องที่หลินโยวหรานคลอดยาก ข้าก็ได้ค้นพบว่าไม่ได้เป็นเพราะเหตุนี้"

หยุนชางหยุดไปนิดหนึ่งราวกับกำลังไตร่ตรองอะไรบางอย่าง "เมื่อครู่เมื่อได้ยินเรื่องของฮวาอวี้ถง สิ่งแรกที่ข้าคิดกลับเป็นเมื่อท่านอ๋องเจ็ดลงเรือลำเดียวกับเสิ่นซู่เฟยแล้ว เช่นนั้นที่เสิ่นซู่เฟยไม่มีความเคลื่อนไหวมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าเป็นความต้องการของท่านอ๋องเจ็ด?"

เฉี่ยนจั๋วฟังอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ "เมื่อครู่หม่อมฉันก็รู้สึกแปลกมาโดยตลอด จู่ๆ ในวังก็มีคนเพิ่มขึ้นมามากมายเช่นนั้น เหตุใดเสิ่นซู่เฟยจึงไม่รู้เรื่อง? พวกเราเพียงเข้าวังเป็นครั้งคราวยังสามารถเห็นถึงร่องรอย เสิ่นซู่เฟยเป็นถึงผู้ที่อยู่ในวังมาตลอดเลยนะเพคะ"

หยุนชางเดินวนไปวนมาในห้องอยู่นาน นางเอื้อมมือไปจุ่มลงบนถ้วยชาบนโต๊ะที่นางดื่มแล้ววาดลงบนโต๊ะ ปากก็พึมพำกับตนเองเบาๆ

"พวกเรามาตั้งสมมติฐานกันสักหน่อย สมมติว่าเสิ่นซู่เฟยพบความผิดปกตินั้นตั้งแต่แรกแต่กลับได้วางแผนกับท่านอ๋องเจ็ดไว้แล้ว จงใจไม่สนใจ จากนั้นก็รู้ว่าข้ากับท่านอ๋องกำลังสืบเรื่องนี้อยู่ วันนี้นางกำนัลที่ท้องนั่นก็เป็นการจัดการของนาง รอให้ข้าเป็นผู้ไปค้นพบ..."

ฉินยีและเฉี่ยนจั๋วฟังอยู่ด้านข้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่กล้าขัดความคิดของหยุนชาง

"หากเป็นเช่นนี้ เรื่องนี้ก็มีจุดน่าสงสัย ประการแรกฮวาอวี้ถงกลายเป็นคนของท่านอ๋องเจ็ดไปแล้ว เช่นนั้นเสิ่นซู่เฟยเป็นสายลับของฝ่าบาท อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังแสร้งร่วมมือกับองค์หญิงใหญ่และองค์ชายเจ็ด สุดท้ายก็ทรยศองค์หญิงใหญ่ องค์ชายเจ็ดไม่มีทางไม่รู้แน่ และในเมื่อรู้อยู่แล้ว เหตุใดจึงยังกล้าเชื่อใจนางอีก ไม่กลัวว่าเสิ่นซู่เฟยจะทรยศเขาหรือ?" หยุนชางวาดมือเป็นวงกลมลงบนโต๊ะ

"ประการที่สอง เรื่องผลิตอาวุธนั้นถือเป็นความผิดร้ายแรงขั้นประหารเก้าชั่วโคตร หากเสิ่นซู่เฟยค้นพบมันก่อนหรือว่าได้บอกท่านอ๋องเจ็ดไปแล้ว พวกเขาทั้งสองไม่ว่าใครจะเป็นคนเปิดเผยเรื่องนี้ก็ล้วนจะได้รับความดีความชอบครั้งยิ่งใหญ่ เหตุใดจึงไม่คว้าโอกาสสร้างผลงานนี้ไว้แต่กลับปล่อยมันให้ท่านอ๋องกันเล่า?"

"ประการที่สาม เสิ่นซู่เฟยเป็นคนของฝ่าบาท หากว่ากันตามหลักการแล้ว สิ่งที่นางควรทำก็คือจงรักภักดีต่อฝ่าบาท เพียงภักดีต่อฝ่าบาท ฝ่าบาทย่อมไม่ปฏิบัติไม่ดีต่อนาง ไม่ว่าจะเป็นในฐานะนางสนมหรือว่าในฐานะสายลับ แต่เหตุใดนางจึงไปร่วมมือกับท่านอ๋องเจ็ด? เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็เท่ากับว่านางอยู่ฝั่งตรงข้ามของฝ่าบาท หากท่านอ๋องเจ็ดพ่ายแพ้ นางย่อมไม่อาจมีจุดจบที่ดีได้ หรือหากแม้ท่านอ๋องเจ็ดเป็นผู้ชนะ นางจะได้อะไรจากเขากัน? อีกอย่างนางอยู่ที่แคว้นเซี่ยมานานขนาดนี้ย่อมต้องรู้จักนิสัยของท่านอ๋องเจ็ดเป็นอย่างดี เสร็จงานฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพลเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของเขา"

หยุนชางวาดวงกลมลงบนโต๊ะสามวงและขมวดคิ้วคิดอยู่นานก็ยังคิดไม่ออก นางนั่งลงด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้และไม่พูดอะไรออกมาอยู่นาน

ผ่านไปครู่หนึ่ง หยุนชางผลักถ้วยชาออกไปเสียเลยและลุกขึ้นยืน "ข้าพักก่อนก็แล้วกัน คำที่ข้าพูดเมื่อครู่และข้อสงสัยสามประการนั้น ฉินยีอีกครู่เจ้าไปหาท่านอ๋องและเล่าให้เขาฟังโดยอย่าให้ขาดตกไปแม้แต่คำเดียว"

ฉินยีรีบรับคำและพยุงหยุนชางขึ้นบนเตียง ช่วยนางห่มผ้าห่ม ปลดผ้าม่านลง เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ฉินยีจึงหันหน้าไปให้สัญญาณกับเฉี่ยนจั๋ว ทั้งสองไปที่หน้าประตู ฉินยีกำชับเฉี่ยนจั๋วสองสามประโยคแล้วจึงรีบไปที่หาลั่วชิงเหยียนที่ตำหนักเซียงจู๋

เฉี่ยนจั๋วหันกลับเข้าไปตำหนักและดับเทียนทั้งหมด เหลือไว้เพียงดวงเดียว แล้วจึงล้มตัวลงงีบบนโต๊ะ

ฟ้าค่อยๆ สว่างขึ้น ฉินยียังไม่กลับมา เฉี่ยนจั๋วลืมตาขึ้นเหลือบมองดอกชบาบนผ้าม่านพลางคิดว่าเมื่อวานหยุนชางเหนื่อยมาทั้งคืน วันนี้คงจะตื่นสายเล็กน้อย ที่ตำหนักเซียงจู๋นางไม่คุ้นเคยนัก ต้องไปหาคนให้เตรียมอาหารเช้า มิฉะนั้นหากพระชายาตื่นแล้วจะไม่มีเครื่องเสวยมื้อเช้า

เฉี่ยนจั๋วคิดพลางออกจากตำหนักชั้นในไป เพราะตำหนักเซียงจู๋จะไม่ใช่วังและเป็นเพียงตำหนัก แต่ก็มีห้องเครื่องส่วนตัว เฉี่ยนจั๋วถามทางไปยังห้องเครื่องนั้นจากข้ารับใช้และมุ่งตรงไปยังที่นั่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง