ลั่วชิงเหยียนแน่นิ่งอยู่ที่เดิม เขาค่อยๆหลับตา และนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเงียบๆ มือของเขาค่อยๆกำเข้าหากัน ผ่านไปนานสองนาน เขาก็มิได้เอ่ยปากพูดคำใดออกมา
หมอเจิ้งไม่เคยเห็นลั่วชิงเหยียนมีอาการเช่นนี้มาก่อนจึงรู้สึกตกใจ เขารีบกราบทูลไปว่า "พระชายาทรงถูกขังอยู่ภายในห้องเก็บน้ำแข็งมานานกว่า 3 ชั่วยาม ในเวลานี้ ทั้งแม่และลูกต่างก็ปลอดภัยดี นับว่าไม่ง่ายเลยนะพ่ะย่ะค่ะ......"
"ทั้งแม่และลูกต่างก็ปลอดภัยดีงั้นหรือ?" ลั่วชิงเหยียนเอ่ยขึ้นเบาๆ แล้วเผยรอยยิ้มอันเยือกเย็นออกมา หมอเจิ้งจึงรู้สึกตัวว่าตนเองนั้นได้พูดผิดไปแล้ว เขาได้แต่ยืนนิ่ง และไม่พูดสิ่งใดออกมาอีก
หลังจากนั้นไม่นาน ลั่วชิงเหยียนก็ได้ลืมตาขึ้นมา ความเจ็บปวดที่ซุกซ่อนอยู่ในดวงตาของเขาได้ถูกสะกดเอาไว้ภายในแล้ว ลั่วชิงเหยียนพยายามที่จะอ้าปากและกล่าวอย่างช้าๆว่า "ห้ามบอกใครนะ โดยเฉพาะพระชายา"
แล้วเขาก็เงียบไปสักพัก น้ำเสียงของเขาที่กำลังจะเอ่ยออกมากลับเบามากกว่าที่เคยเป็น เบาจนกระทั่งหมอเจิ้งฟังไม่ค่อยชัดแม้จะพยายามตั้งใจฟังอย่างสุดความสามารถแล้วก็ตาม "เมื่อชาติก่อนนางต้องทนดูลูกชายของนางตายไปต่อหน้าต่อตา หากครั้งนี้นางต้องมาสัมผัสกับความฝันอันโหดร้ายเช่นนั้นอีก จะให้นางรับไหวได้อย่างไร?"
สมองของเขาหวนนึกถึงภาพรอยยิ้มอันอ่อนโยนของหยุนชางในขณะที่นางกำลังหยอกล้ออยู่กับลูก ลั่วชิงเหยียนรู้สึกราวกับว่าตนนั้นกำลังถูกคนเค้นคอ เขาหายใจต่อไปแทบจะไม่ไหว จะให้นางรับไหวได้อย่างไร? ต้องโทษตัวเองเท่านั้นที่ไม่อาจปกป้องลูกเอาไว้อย่างปลอดภัยได้......หากนางยังต้องมารับรู้ว่านางจะไม่สามารถตั้งครรภ์ต่อไปได้อีกแล้วล่ะก็......
ลั่วชิงเหยียนทนคิดต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาลุกพรวดขึ้นมาในทันที "ไปกันเถอะ ไปดูหลิ่วหยินเฟิงแล้วเราก็จะได้กลับ ออกมานานมากแล้ว ประเดี๋ยวนางจะเป็นกังวลและสงสัยเอาได้"
อาการของหลิ่วหยินเฟิงหลังจากถูกขังอยู่ในที่เย็นรุนแรงกว่าหยุนชางเล็กน้อย เนื้อบางส่วนก็ได้เน่าเสียไปบ้างแล้ว แต่เคราะห์ยังดีที่ไม่สาหัสมากนัก หมอได้นำเนื้อส่วนที่เน่าเสียออกไปแล้ว เพียงแต่หลิ่วหยินเฟิงยังไม่ฟื้นขึ้นมา เขาตัวร้อนเล็กน้อย
"คืนนี้จะต้องทำให้ไข้ของเขาลดลงให้ได้พ่ะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นอาจเป็นอันตรายมากไปกว่านี้" หมอเจิ้งเอ่ยขึ้นเบาๆ จากนั้น ก็พูดต่อไปอีกว่า "ท่านอ๋องอย่าทรงกังวลไปเลยพ่ะย่ะค่ะ คืนนี้หม่อมฉันจะอยู่เฝ้าที่นี่เอง เขาจะต้องไม่เป็นอะไรพ่ะย่ะค่ะ"
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้า สายตาของเขามองไปยังหลิ่วหยินเฟิงที่กำลังนอนหน้าแดงคล้ำ เขาเงียบไปสักพัก แล้วจึงเดินออกมา และก็มาถึงห้องที่หยุนชางอยู่
หยุนชางกำลังหยอกล้ออยู่กับลูก รอยยิ้มของนางแช่มชื่นเป็นที่สุด เมื่อเห็นลั่วชิงเหยียนกลับมา หยุนชางก็ส่งยิ้มให้ พลางพูดอย่างเริงร่าว่า "ชิงเหยียน ชิงเหยียน เร็วเข้าเพคะ ท่านคงไม่ทราบเลยสินะว่าลูกชายของท่านร้ายกาจขนาดไหน เมื่อครู่ก็เพิ่งฉี่รดมือของหม่อมฉันไป หม่อมฉันอุตส่าห์คลอดเขาออกมาอย่างยากลำบาก กลับไม่สำนึกในบุญคุณเอาซะเลย ฮ่าๆๆ......"
แม้จะเป็นการพร่ำบ่น แต่หยุนชางก็พูดออกมาด้วยความเบิกบาน ลั่วชิงเหยียนกลับรู้สึกเหมือนถูกแช่ตัวอยู่ในห้องเก็บน้ำแข็ง ความเจ็บปวดที่สะกดเอาไว้เมื่อครู่นี้ก็เริ่มที่จะเผยออกมาสู่ภายนอก มันแผ่ซ่านไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย ทำให้เขาแทบจะเดินต่อไปไม่ไหว
หยุนชางกำลังมองมาที่เขา ลั่วชิงเหยียนจึงสูดหายใจเข้าเต็มปอด แล้วยิ้มออกมา เขาเดินมาที่ข้างเตียงและโอบเอวของหยุนชางไว้ สายตาของเขาแทบไม่อยากมองไปที่เด็กน้อยในอ้อมแขนของหยุนชางเลย เขาเพียงแต่พูดออกมาว่า "เมื่อครู่นี้ข้าไปดูหลิ่วหยินเฟิงมา เขามีไข้เล็กน้อย ข้าได้ให้หมอเจิ้งคอยอยู่ดูแลเขาที่นั่นแล้ว ขอเพียงแค่ผ่านคืนนี้ไปได้อย่างปลอดภัย เขาก็จะพ้นขีดอันตราย เจ้ามิได้อยากย้ายกลับเรือนหนานย่วนหรอกหรือ? ที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรมากนัก ข้าให้คนเตรียมเกี้ยวหลังเล็กเอาไว้แล้ว คืนนี้เจ้าไม่สามารถโดนลมได้ ให้แม่นมช่วยดูลูกไปก่อนก็แล้วกัน แล้วเดี๋ยวให้ฉินยีสวมหมวกกันลมให้กับเจ้าด้วย......"
เมื่อหยุนชางได้ฟังก็พยักหน้า นางยิ้มและพูดกับเขาว่า "ก็ดีเพคะ" พูดจบก็อุ้มลูกส่งให้กับแม่นมที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วนางก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับให้ฉินยีคลุมเสื้อให้
หยุนชางไม่ลืมที่จะหันหน้ากลับมาพูดกับลั่วชิงเหยียน "ลูกของเราออกมาก่อนกำหนด 1 เดือน ที่ผ่านมาพวกเรายังไม่ทันได้เตรียมพร้อม ชื่อของเขาเราก็ยังไม่ได้ตั้งเลยนะเพคะ เมื่อครู่นี้หม่อมฉันได้ลองคิดๆดูแล้ว ให้ชื่อเล่นเขาว่าเป่าเอ๋อร์ แม้จะฟังดูธรรมดาไปสักนิด แต่เขาก็ถือเป็นแก้วตาดวงใจของเรานะเพคะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง