เล่ห์รัก ท่านประธาน นิยาย บท 1151

ฤดูหนาวปีที่สองของแยนนี่ในอังกฤษ มหาวิทยาลัยอยู่ในช่วงพักหยุดยาว แยนนี่ที่เบื่อกับการอยู่บ้าน เธอคว้ากระเป๋าเป้แล้วออกเดินทางอีกครั้ง แต่รอบนี้เธอเลือกที่จะมุ่งหน้าสู่ดินแดนตะวันออกกลาง

เมื่อสิ้นปี อาจารย์สอนหัวข้อศิลปะและสงคราม

แยนนี่จึงเลือกที่จะไปประเทศอีรักและซีเรีย

ระหว่างการเดินทางศึกษาวัฒธรรมที่ซีเรีย แยนนี่ได้พาเด็กน้อยไร้บ้านชาวเคิร์ดคนหนึ่งกลับมาด้วย

ตอนที่เธอพาเด็กน้อยผิวสีกลับมาที่อังกฤษ หลุยส์ถึงกับชะงัก

เขาถอดแว่นตาออกแล้วถามอย่างประหลาดใจ “เด็กคนนี้คือ…”

แยนนี่ลูบหัวเด็กน้อยก่อนจะพูด “ฮาจาร์ เรียก คุณตา สิจ๊ะ”

ช่วงที่เธอไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น แยนนี่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเด็กชาวเคิร์ดคนนี้ เธอสอนภาษาจีนและภาษาอังกฤษง่าย ๆ ให้กับเขา

ฮาจาร์ยิ้มโชว์ฟันขาวให้กับหลุยส์ แล้วทักทายเป็นภาษาจีนแปร่ง ๆ “สวัสดีครับ คุณตา”

หลุยส์ต้อนรับแยนนี่และเด็กน้อยเข้าไปในบ้าน

“พ่อแม่ของเด็กล่ะ?”

แยนนี่อธิบาย “พ่อแม่ฮาร์จาตายในสงคราม ชาวเคิร์ดไม่มีประเทศเป็นของตัวเอง และต้องอยู่อย่างผู้ลี้ภัยในต่างแดน ฉันเจอกับฮาจาร์ตอนที่ไปทริปที่นั่น ตอนนั้นเขาหิวจนเป็นลม ฉันเลยต้องพาเขาไปส่งโรงพยาบาล”

หลุยส์รู้สึกเห็นใจกับสิ่งที่เด็กน้อยต้องเผชิญ แต่ก็ตอบกลับอย่างมีเหตุผลไปว่า “โลกนี้มีคนมากมายที่ต้องเสียบ้านเสียประเทศไป เธอจะพาเด็กจากไหนไม่รู้กลับมาด้วยทุกครั้งไม่ได้ ถูกไหม? เธอจะไปเอาแรงจากไหนมาดูแลพวกเขา?”

“คุณตาแฟรงค์คะ ฉันกลับมาหาคุณทันทีที่กลับจากทริปเพราะฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องคุณคะ ชาวเคิร์ดกว่าสามสิบล้านคนเป็นผู้ลี้ภัย ฉันดูแลพวกเขาทั้งหมดไม่ได้ แต่ฉันได้พบกับฮาจาร์ราวกับเป็นโชคชะตา ฉันปล่อยเขาตายไม่ได้ เหมือนกับที่คุณรับฉันเข้ามาเป็นลูกสาวบุญธรรม ตอนนั้น ฉันก็เหมือนกันฮาจาร์ ไม่มีครอบครัว ไม่เหลือความหวัง แต่คุณเป็นคนให้โอกาสในการมีชีวิตกับฉันอีกครั้ง ฉันเลยทนไม่ได้ที่จะปล่อยเด็กคนนี้ไว้ลำพัง คุณตาแฟรงค์คะ ฉันอยากจจะรับเลี้ยงเด็กคนนี้ ตอนฉันมาเขามาที่อังกฤษ ฉันพยายามทุกทางเพื่อให้เขาได้วีซ่า ฉันอยากให้เขาอยู่ที่อังกฤษและได้รับการศึกษาค่ะ”

หลุยส์ขมวดคิ้วครุ่นคิดก่อนพูด “เขาไม่มีสัญชาติ มันอาจจะยากนะ”

“ฉันส่งคำร้องกับหน่วยงานเพื่อรับเลี้ยงฮาจาร์แล้ว ถ้าฮาจาร์ได้สัญชาติอังกฤษมาทุกอย่างคงง่ายขึ้น”

หลุยส์จ้องแยนนี่แล้วหัวเราะ เขาให้กำลังใจเธอ “เอาเถอะ ดูท่าเด็กคนนี้จะถูกลิขิตเจอกับเธอสินะ เอางี้ไหม เดี๋ยวฉันจะส่งคนไปบอกให้พวกคนในองค์กรรู้ มันคงไม่ยากเย็นนัก”

แยนนี่รู้สึกแย่ที่ต้องรบกวนหลุยส์ “ขอบคุณมากค่ะ คุณตาแฟรงค์ ดูเหมือนฉันจะมาขอร้องให้คุณช่วยตลอดเลย”

หลุยส์หัวเราะอย่างเบิกบานใจแล้วว่า “ฉันไม่มีลูกของตัวเองแล้วนี่ เธอกับแซมคือคนที่โชคชะตาลิขิตมาให้ฉันเหมือนกัน ตราบใดที่เธอสองคนไม่ลืมฉันและช่วยเรื่องงานศพให้ การได้ดูแลพวกเธอสองคนก็คุ้มค่าสำหรับฉันแล้ว!”

ดวงตาของแยนนี่เริ่มร้อนผ่าว “ฉันไม่เคยได้รับความรักของพ่อจากพ่อจริง ๆ ขอฉันเลยสักครั้ง แต่ฉันกลับได้รับมันจากคุณ ซามูเอลพูดถูก บางทีสายเลือดก็ไม่ได้สำคัญอะไร โชคชะตาและการได้เจอคนที่ดีสำคัญกว่า”

ตาเฒ่าแฟรงค์ลุกขึ้นแล้วเดินมือไขว้หลังเข้าไปในห้องทำงาน เขาเอ่ยเสียงอ่อนโยน “มาเตรียมหมึกให้ฉันหน่อย ไม่มีเธอตลอดหลายวันนี้ ไอ้เด็กนั่นแวะมาหาฉันเลย ฉันต้องนั่งฝนหมึกเพื่อเขียนอักษรเอง ข้อมือปวดไปหมด”

แยนนี่หัวเราะ แล้วตามเขาเข้าไป “ฉันจะเตรียมหมึกให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ”

นับแต่นั้น แยนนี่ได้สมาชิกครอบครัวใหม่เพิ่มขึ้นอีกคนคือลูกบุญธรรมของเธอ ฮาจาร์

สองปีต่อมา ในวันส่งท้ายปีก่อนตรุษจีน ซาแมนธากลัวว่าเชนจะรู้สึกเหงา หลังกลับมาจากการร่วมมื้อคํ่ากับนายท่านจินน์ เธอลากเชนน์ออกมาเดินข้างนอก

มีภาพยนตร์ที่ถูกนำมาฉายรับวันตรุษจีนมาจากเทศกาลภาพยนต์ พวกเขาต่อแถวซื้อตั๋ว โรงภาพยนตร์เต็มไปด้วยผู้คนคับคั่ง เป็นภาพที่ดูมีชีวิตชีวา

ยังพอมีเวลาเหลืออีกประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนภาพยนตร์จะเริ่มฉาย ซาแมนธาลากเชนน์ไปซื้อชานมตรงร้านในห้างสรรพสินค้า

เชนน์ดูไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ เขาหาข้ออ้างเพื่อไปเข้าห้องนํ้าสูบบุหรี่ในนั้นกว่าครึ่งชั่วโมง

ซาแมนธาโทรตามเขาอยู่หลายสาย ไม่ยอมให้เขาได้อยู่อย่างสงบ ก่อนจะไปดูหนังกับเธออย่างไม่เต็มใจนัก

ซาแมนธานั่งข้าง ๆ เธอเคี้ยวป๊อปคอร์นแล้วหัวเราะรัวขณะที่กำลังดูหนัง

เชนน์ที่อยู่ข้างกันได้แต่ขมวดคิ้ว เขามองเธอหัวเราะ นี่ตลกแล้วเหรอ?

เขาพลันนึกถึงครั้งสุดท้ายที่ได้ดูหนังกับใครบางคนเมื่อสองปีก่อนขึ้นมา

ตอนเขาดูหนังกับแยนนี่ เขาไม่เห็นจะรู้สึกเลยว่าหนังเรื่องนนึ่งมันจะยาวและน่าเบื่อได้ขนาดนี้

พอดำเนินเรื่องไปได้ครึ่งทาง เชนน์ใช้ข้ออ้างเดิมเข้าห้องนํ้าแล้วหนีออกมา

พอหนังฉายจนจบ ซาแมนธาก็โทรตามเชนน์อีกครั้ง เขาบอกว่าเธอว่าจะรออยู่ที่ลานจอดรถ ให้รีบเธอตรงมาเลย

พอเธอขึ้นรถมา ซาแมนธาก็บ่นปนตำหนิ “ไหนพี่บอกว่าจะมาดูหนังเป็นเพื่อนฉันไง หนีออกมาก่อนเฉยเลย พี่เป็นพี่ประเภทไหนกันเนี่ย?”

“เธอเป็นคนลากฉันมาดูหนังน่าเบื่อนั่นเอง แล้วยังจะบ่นอีก? รอบหน้าไม่เอาแล้วนะ”

ซาแมนธาทำหน้าทำตาตลกใส่เขา

วันส่งท้ายปี ท้องถนนค่อนข้างแออัดไปด้วยขบวนรถจำนวนมาก ส่วนใหญ่กำลังเดินทางเพื่อรวมตัวทานข้าวหรือดูหนังด้วยกัน

ใกล้ ๆ นั้น หน้าจอขนาดใหญ่บนห้างสรรพสินค้ากำลังฉายตัวอย่างหนังเรื่องหนึ่งอยู่ มันเป็นภาพยนตร์แนวอาร์ตจากประเทศอังกฤษที่กำลังจะนำมาฉายในประเทศเร็ว ๆ นี้

เชนน์เหลือบตามองผ่าน ๆ เขาไม่สนใจหนังรัก ๆ ใคร่ ๆ พวกนั้น

ขณะเดียวกัน ซาแมนธาดึงแขนเสื้อเของเชนน์ด้วยความตื่นเต้น เธอจ้องหน้าจอขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป ก่อนพูด “พี่คะ ไปดูเรื่องนี้กับฉันในวันวาเลยไทน์นะ! หนังเรื่องนั้นคำวิจารณ์ออกมาดีมาก เห็นว่าจะเริ่มฉายในวาเลนไลน์ปีนี้”

เชนน์ขมวดคิ้วใส่ “ฉันไม่ใช่แฟนของเธอนะ ทำไมต้องฉันไปดูหนังในวันวาเลนไทน์กับเธอด้วย? รีบหาแฟนสักที เดี๋ยวก็ได้เป็นยายแก่หนังเหี่ยวก่อนหรอก”

ซาแมนธาถึงกับพูดไม่ออก เธอยังเป็นสาวสวยที่กำลังเบ่งบานนะ ว่าเธอเป็นยายแก่หนังเหี่ยวได้ยังไงกัน?!

ซาแมนธาฮึดฮัด ก่อนตอบกลับ “แค่บอกว่าพี่ไม่อยากไปด้วยก็จบ ฉันจะได้หาคนอื่นไปดูกับฉัน!”

บูกัตติคันสีดำแล่นผ่านจอใหญ่

ตลอดทาง ซาแมนธาพูดจ้อกับเขาไม่หยุด “พี่ ฉันเสิร์ชหาชื่อผู้กำกับหนังเมื่อกี้ดู น่าทึ่งมาก เหมือนจู่ ๆ ก็โผล่มา ไม่มีข่าวเกี่ยวกับเขาเลย นี่เป็นหนังเรื่องแรกและเรื่องเดียวของเขา”

เชนน์ถาม “เธอก็แค่ดูหนังไปสิ จะสนใจข้อมูลผู้กำกับไปทำไม่ล่ะ?”

“ฉันเรียนเอกบทภาพยนตร์และการตัดต่อนะ หัวหน้าภาคสั่งงานให้พวกเราไปดูหนังช่วงปีใหม่ยี่สิบเรื่อง แล้วให้ศึกษาข้อมูลผู้กำกับหนังพวกนั้น เฮ้อ เป็นอัจริยะไปก็เท่านั้นถ้าไม่มีต้นทุน ถ้าฉันไม่ได้ดูข้อมูลเลย ฉันก็ไม่มีอะไรในหัวน่ะสิ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน