เมื่อออกมาจากห้องน้ำ ใจฉันก็เย็นลงมากแล้ว ฉันบอกกับตัวเองว่าจะไม่ให้ลู่จือสิงดึงความสนใจไปได้อีก
มองจากที่ไกลๆ ก็พบว่าลู่จือสิงผลักรถเข็นของเป้ยเปยไปยืนตรงนั้นแล้ว เขาก้มศีรษะลงไปหยอกเป้ยเปยเล่น รอยยิ้มบนใบหน้าไม่สัมพันธ์กับใบหน้าข่มขู่ก่อนหน้านี้เลยแม้แต่ครึ่งส่วน
“ใจเย็นลงแล้วหรือครับ?”
พอฉันเดินไป ลู่จือสิงก็มองมาที่ฉัน
ฉันกัดฟัน นึกถึงคำเตือนของตัวเองที่ได้พูดเอาในห้องน้ำ จากนั้นก็เบนสายตาไปทำเป็นไม่ได้ยิน
โชคดี ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลู่จือสิงมีจิตเมตตาหรือไม่ แต่ในที่สุดเขาก็ไม่บีบบังคับฉันอีก
ระหว่างนั้นเป้ยเปยร้องไห้ขึ้นมา ฉันจับๆ ดูตรงผ้าอ้อมก็พบว่าเป้ยเปยฉี่แล้ว จึงจับเป้ยเปยเปลี่ยนผ้าอ้อม
“ผมช่วยคุณถือนะครับ”
ฉันกำลังคุกเข่าลงไป คิดจะถือกระเป๋าสะพายหลัง ลู่จือสิงก็ยื่นมือมาหยิบกระเป๋าสะพายหลังไป
กระเป๋าสะพายหลังหนักอยู่ทีเดียว ฉันสะพายจนเมื่อยแล้ว อีกอย่างฉันก็ไม่สะดวกถือ เพราะตอนนี้กำลังคุกเข่าช่วยเป้ยเปยเปลี่ยนผ้าอ้อมอยู่ด้วย
คิดได้อย่างนี้ ฉันก็เลยไม่ใส่ใจ
เขาอยากถือก็ถือไปแล้วกัน
ฉันเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เป้ยเปยเสร็จแล้วก็หมุนตัวจะเอาไปทิ้งในห้องน้ำ ผลคือ พอฉันหมุนตัวไปก็เห็นลู่จือสิงกำลังมองฉันด้วยสีหน้าซับซ้อนอยู่
“ซูยุ่น”
เขาเรียกฉัน ฉันจึงมองเขา จากนั้นก็เม้มริมฝีปากทำทีไม่สนใจเขา: “ฉันจะเอาเจ้านี่ไปทิ้งในห้องน้ำค่ะ”
“ลำบากคุณแล้ว”
คำพูดของเขาที่ดังมาจากด้านหลังฉัน จู่ๆ ก็ทำให้ฉันอยากร้องไห้ขึ้นมา
ถึงในตอนแรกฉันจะเป็นคนคลอดเป้ยเปยออกมาด้วยตัวคนเดียว ฉันก็ไม่เคยร้องไห้ แต่ตอนนี้ฉันกลับอยากจะร้องไห้
เขามีคุณสมบัติอะไรถึงพูดประโยคนี้ออกมา?
เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครหรือ?
หลังจากนั้นลู่จือสิงก็ไม่ทำให้ฉันลำบากใจอีก เมื่อรอได้หนึ่งชั่วโมงกว่าก็ถึงคิวของ
เป้ยเปยแล้ว
พอฉีดยาปุ๊บเป้ยเปยก็ร้องไห้ ร้องทียาวเกือบชั่วโมง ฉันชินเสียแล้ว
ผลก็คือว่า พอลู่จือสิงเห็นเป้ยเปยร้องไห้ตลอดเวลา ก็นิ่งไปซักพักจากนั้นจึงยื่นมือออกมา: “คุณส่งเป้ยเปยมาให้ผมมา”
ฉันมองเขาด้วยสีหน้าหวาดระแวง: “คุณอุ้มเป็นหรือเปล่าคะ?”
ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกลู่จือสิงนะ เรื่องอื่นฉันไม่สงสัยว่าเขาจะทำได้หรือไม่ แต่เรื่องการอุ้มเด็กนี่ซิ ฉันกลัวว่าอีกซักพักเป้ยเปยจะร้องไห้หนักกว่าเดิม
ผลคือ คิ้วของเขากระดิกหน่อยๆ ราวกับไม่สนใจในคำพูดของฉันแม้แต่น้อย: “คุณไม่ให้ผมอุ้ม แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าผมอุ้มไม่เป็นครับ?”
เรื่องสำบัดสำนวนเล่นลิ้นแต่ไหนแต่ไรมาฉันก็สู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว สุดท้ายฉันก็จนใจส่งเป้ยเปยให้เขา ฉันกลัวเขาอุ้มไม่เป็นจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากพูด: “คุณต้องจับเป้ยเปยอย่างนี้นะคะ ไม่อย่างนั้น——”
ฉันไม่คิดเลยจริงๆ ว่าผู้ชายร่างใหญ่อย่างลู่จือสิงจะอุ้มเด็กเป็นจริงๆ ด้วย
“ซูยุ่น สายตาอะไรของคุณเนี่ย?”
ฉันใจลอยไปจนลู่จือสิงต้องเรียกฉันกลับมา
พอรู้ตัวว่าใจลอยไปแล้ว ฉันก็รีบถอนหายตากลับมา จากนั้นก็มองลู่จือสิงด้วยสายตายิ้มเยาะ: “เป้ยเปยร้องไห้ใหญ่แล้ว คุณกอดให้แน่นขึ้นอีกซิค่ะ”
“ผม——”
เขายังจะพูดอะไรอีก ฉันก้มศีรษะไปดึงๆ จับๆ เสื้อผ้าบนตัวเป้ยเปย ไม่ให้โอกาสเขาได้พูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้