ฉันคิดไม่ถึงว่าเซี่ยงฉิงจะถามออกมาตรงขนาดนี้ พอเปิดปากถามก็ถามฉันเรื่องแต่งงานทันที
ถงเจียหลินมาพอดีเห็นเราสองคนคุยกันอยู่ ก็เลยเบียดเข้ามาคุยด้วยคน “ซูยุ่น เธอจะแต่งงานหรอ?”
ฉันส่ายหัวให้ แล้วบอกว่า “ไม่นิ อย่าไปฟังเซี่ยงฉิง เธอก็แค่ถามฉันเฉยๆ”
“อ้อ แล้วเธอกับประธานลู่จะแต่งานกันเมื่อไหร่ละ วันเสาร์ที่ขอแต่งงาน ไม่เบาเลยนะ”
เธอมองมาที่ฉัน ฉันทนไม่ไหวจนรู้สึกเขินนิดๆ”ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาจะกระทันหันแบบนี้ เรื่องแต่งงานฉันจะแจ้งพวกเธอที่หลังแน่นอน ”
“เธอกับประธานลู่ เหมือนในนิยายเลย น่ารักสุดๆ ”
เซี่ยงฉิงพูดอย่างตื่นเต้นแล้วมองมาที่ฉัน
ฉันยิ้มให้เธอ รู้สึกเขินนิดๆไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี
เพราะเรื่องวันเสาร์ที่ลู่จือสิงของแต่งงาน ตั้งแต่เช้าคนทั้งบริษัท ก็เอาแต่ยินดีกับฉัน
ทั้งเช้านี้ฉันยิ้มจนปากชาไปหมด
นี้ยังไม่เท่าไหร่ ตอนกลางวัน ขนาดฉีซิ่วหรานที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานยังโทรมาหาฉันอีกด้วย
ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ และเขาก็บอกว่ามีงานต้องทำ เราเลยไม่ได้ติดต่อกันมาเกือบเดือนหนึ่งแล้ว พอเห็นเขาโทรมาฉันรู้สึกตกใจนิดๆ
“ประธานลู่โทรมาหรอ?”
เซี่ยงฉิงที่อยู่ข้างๆยื่นหน้ามาคุยกับฉันด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่า“ฉันเดาก็รู้แล้ว”ใส่ฉัน ฉันรู้สึกตลกเล็กน้อย ดันหน้าเธอไปไกลๆ เดินไปรับโทรศัพท์ข้างนอก”ฉีซิ่วหราน”
“ยินดีด้วยนะ .ซูยุ่น”
ฉันคิดไม่ถึงว่าเขาจะเอ่ยปากพูดเรื่องนี้ตั้งแต่แรก
ฉันยิ้มอย่างเก้อๆและตอบไปว่า “ขอบคุณ”
“จะเเต่งงานกันเมื่อไหร่ละ?”
ฉันตลกเล็กน้อย “ทำไมทุกคนเอาแต่ถามเรื่องนี้กันเนี่ย”
“ก็ธรรมดา เขาขอแต่งงาน ก็แปลว่าใกล้จะแต่งงานเข้าทุกวัน และอีกอย่างเป้ยเปยอายุก็จะสองขวบแล้ว ถึงเวลที่ต้องแต่งงานแล้วละ”
เขาเป็นแบบนี้ตลอด ฉันรู้สึกชินไปแล้ว”ดูๆกันไปก่อนอาจไม่เร็วขนาดนั้น นายละ เป็นไงบ้าง”
เพราะว่าไม่ได้ติดต่อกันมานาน เลยคุยกันนานหน่อย
พอว่างโทรศัพท์ เซี่ยงฉิงมองฉันแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินนะ ไม่ใช่โทรศัพท์จากประธานลู่ ”
ฉันหัวเราะนิดๆและก็ไม่ได้ใส่ใจมาก “เพื่อนฉันจากเมื่องs โทรมา”
”หล่อไหม?”
ฉันรู้ว่าเซี่ยงฉิงยังโสดอยู่ และบอกกับเธออย่างจริงจังว่า “หลอรวย มีโอกาศแล้วจะแนะนำให้รู้จัก”
เซี่ยงฉิงเป็นคนที่นิสัยร่าเริง และดูจากนิสัยของฉีซิ่วหรานหากว่าทั้งสองอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งร่าเริงคนหนึ่งเงียบ มันก็เหมาะสมกันดีนะ
“ได้สิได้สิ!”
ฉันจ้องไปที่เธอแล้วคุกคิดว่าจะหาโอกาศมาให้เจอกันยังไงดี
กว่าจะเลิกงานคนทั้งบริษัทพอเห็นฉันเดินลงมาก็ยินดีกับฉันใหญ่เลย
เอาสะฉันพูดอะไรไม่ออกจริงๆ
ลู่จือสิงจะมารับฉันกลับบ้านทุกวัน เมื่อก่อนฉันไม่อยากให้เขามารับฉักสักเท่าไหร่ แต่ว่าวันนี้พอเจอเขาก็รู้สึกโล่งอกไปที รีบเดินเข้าไปเปิดประตูจะได้ไม่มีใครรู้จักฉันแล้วมาถามฉันอะไรอีก
“เธอเดินเร็วขนาดนี้ มีใครวิ่งตามเธอข้างหลัง?”
พอฉันปิดประตูรถเขาก็ถามฉันทันที
ฉันพูดไม่ออกว่าเป็นเพราะว่าเขาขอแต่งงานฉัน ฉันเลยเงียบไว้ไม่พูดไร ทำเป็นไม่ได้ยิน ดีที่เขาไปถามลงไปอีก
ข้างหน้าเป็นไฟแดง โทรศัพท์ฉันดังขึ้นมาทันที
ฉันก้มหน้ามองไปที่จอโทรศัพท์ ปรากฎว่าเป็นชวี่ชิงหนาน
พอรับโทรศัพท์ ฉันหันไปมองลู่จือสิงเขาก็กำลังมองฉันอยู่ “มีไร?”
ฉันส่ายหัวให้เขาแล้วรีบรับโทรศัพท์ “ฉันเอง ซูยุ่น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้