ทันใดนั้นเขาก็มีท่าทีผ่อนคลายลงและมองหน้าฉันอย่างอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย “ผมไม่ได้บ้า ผมจะบอกให้นะซูยุ่น ลูกของผมจะต้องเรียกผมว่าพ่อเท่านั้น”
“แต่ฉันยอมรับไม่ได้ถ้าจะต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก!”
"คุณแน่ใจได้ยังไงว่าหลังจากแต่งงานกันแล้ว เราจะไม่รักกัน?"
ฉันชะงักไปนิดหนึ่งและพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ เมื่อมองไปยังนัยน์ตาสีเข้มคู่นั้น
ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงสตาร์ทรถ "อยากกินอะไร?"
ฉันกังวลเล็กน้อยเมื่อเขาเริ่มเปลี่ยนหัวข้อสนทนา จึงเอื้อมมือไปจับข้อมือของเขาไว้ "ลู่จือสิง เรามาคุยกันให้รู้เรื่อง!"
เขาไม่มองมาทางฉันและปฏิเสธตรงๆ ว่า “ไม่”
ฉันแทบจะเป็นบ้า "คุณเอาแต่ใจเกินไปแล้วนะ เคยนึกถึงความรู้สึกของฉันบ้างไหม ฉันไม่ต้องการ..."
เอี๊ยด!!
เสียงเบรกรถดังขึ้นแสบแก้วหู
รถจอดสนิท ลู่จือสิงมองฉันจากด้านข้าง บรรยากาศที่ไม่เป็นมิตรทำให้ฉันรู้สึกกลัวจนตัวสั่น
ฉันกลัวว่าเขาจะทำร้ายฉัน จู่ๆ ความเข้มแข็งของฉันก็มลายลงดื้อๆ "ลู่จือสิง คุณใจเย็นๆนะ เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดังนั้นเราควรใช้เหตุผลคุยกัน... การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เราจะทำมันโดยไม่คำนึงถึงอะไรเลยแบบนี้ไม่ได้"
จู่ๆ เขาก็มองมาที่ฉันแล้วยิ้มที่มุมปาก “คุณก็แค่ไม่อยากแต่งงานกับผมใช่ไหม?”
ความเย็นชาในรอยยิ้มของเขาทำให้ฉันผงะไป ในใจลึกๆฉันอยากจะอธิบาย แต่ทว่าฉันได้แต่อ้าปากค้างเพราะไม่รู้ว่าจะพูดกับเขาว่าอย่างไร
เกิดความเงียบขึ้นภายในรถ ฉันไม่กล้าพูดอะไรที่ทำให้ลู่จือสิงขุ่นเคืองเมื่อเห็นสีหน้าที่เย็นชาของเขา
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็พูดขึ้นมาว่า “ซูยุ่น ตั้งแต่คุณตั้งท้องมันก็พิสูจน์แล้วว่านี่คือสิ่งที่ฟ้าลิขิต ฉันให้เวลาคุณไปคิดทบทวนหนึ่งวัน ว่าเธอจะแต่งงานกับฉันหรือว่าเอาเด็กออกซะ”
ในที่สุดเขาก็ยอมผ่อนลง แต่ฉันกลับไม่มีความสุขอย่างที่คิด
อันที่จริงฉันมีความสุขมากตอนที่เขาบอกว่าเขาต้องการจะแต่งงานกับฉัน แต่สุดท้ายเหตุผลก็ชนะความรู้สึก บางทีถ้าเขายังยืนยันอย่างเดิมต่อไป ฉันอาจจะยอมตกลง แต่แล้วเขากลับยอมปล่อยง่ายๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้