หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 218

ได้ยินที่เขาพูดแล้ว จู่ๆฉันก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เวลามาทำงาน เขาก็จะเรียกฉันแบบนี้ หลังจากนั้นก็ถามฉันว่าพลาดอะไรไปหรือเปล่า

ฉันไร้เดียงสาตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาถามว่าพลาดอะไรไปหรือเปล่า แต่ฉันคิดไปติดมาแล้วก็ไปพบว่าตัวเองพลาดอะไรไป

ผลคือลู่จือสิงผู้ไม่มียางอาย ยกมือขึ้นมาชี้ไปที่หน้าของตัวเอง ความหมายนั้นมันชัดเจนมาก

ฉันก็จูบลาไปหนึ่งที!

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง และฉันก็จ้องไปที่เขา:“ฉันไม่ได้พลาดอะไรแล้วนะ!”

ในขณะที่พูดฉันก็รีบก้าวลงจากรถ

ลู่จือสิงก็ดึงมือฉันไว้ด้วยแรงของเขา ทำให้ฉันก็ถูกเขาดึงกลับไปอย่างรวดเร็ว

“ลู่จือสิง คุณยังต้องการ——”

ฉันกำลังจะพูดว่าเขาใช้ลูกไม้เดิมๆ แต่เมื่อฉันหันกลับไปก็พบว่าเขากำลังมองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้ม:“บอกกับฉัน ซูยุ่น เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมหน้าแดงอย่างนี้ ฮึ้ม?”

ขณะที่พูดเขาก็เอนตัวมาใกล้ฉัน

ฉันรู้สึกว่าแก้มของฉันร้อยผ่าวขึ้นเรื่อยๆ ฉันยกมือขึ้นจะผลักเขาออก แต่เห็นลู่จือสิงเอื้อมมือไปที่เบาะหลังรถ

ฉันไม่แน่ใจดังนั้นจึงเลิกคิ้ว:“คุณกำลังทำอะไร?”

“คุณพลาดลืมสิ่งนี้!”

ทันทีที่ฉันพูดจบฉันก็ได้ยินเขาพูด และเห็นสิ่งที่เขาถืออยู่ในมือ

ในมือเขาถือขนมสองถุงเป็นลูกอมมงคลและขนมมงคลงานแต่ง ที่เหมือนกันกับที่กรมการปกครองฝ่ายพลเรือนไม่มีผิด!

ฉันตกตะลึง “ทำไมคุณยังจัดเตรียมไว้อีก?”

ฉันคิดว่าแจกที่กรมการปกครองฝ่ายพลเรือนหมดแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาจะเอาออกมาอีกสองถุง

ฉันไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี:“ลู่จือสิง คุณต้องขนาดนั้นเลยหรอ?”

“ต้องขนาดนั้นเลย บริษัทของพวกคุณคนเยอะขนาดนี้ ฉันช่วยเธอถือสองถุงนี้ไป พวกเรามีน้ำใจก็ส่งต่อๆกันไป เพื่อให้เพื่อนร่วมงานของคุณมีความสุขชื่นมื่นไปด้วยกัน”

มีความสุขชื่นมื่นไปด้วยกัน ประมาณว่าต้องการจะให้อื่นรู้ว่าฉันกับเขาแต่งงานกันแล้วรึเปล่า?

ต้องคิดอย่างรอบคอบ แต่ฉันก็ยังคิดไม่ออก?

แต่ก็ยังตื่นเต้น ฉันยังรู้สึกว่าลู่จือสิงพูดเกินจริง ดังนั้นฉันจึงรีบขัดขวางขา:“คุณหยุดได้แล้ว ฉันถืออยู่เยอะแยะเต็มไปหมด พอได้แล้ว!”

“พอได้ยังไงกัน!แค่แผนกของคุณก็กี่คนเข้าไปแล้ว!คุณไม่สามารถส่งไปที่แผนกของคุณได้หรอ?”

“แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉัน——”

“เธอไม่ต้องกังวล ที่บริษัทฉันจะให้หลี่จื้อเตรีมกล่องไว้ให้ พออย่างแน่นอน!”

ฉันยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเอง ต้องบอกว่าจริงๆแล้วฉันเลื่อมใสศรัทธาลู่จือสิง!

“ฉันจะเอาอีกสองกล่องนี่ไป คุณไม่ต้องพูดเกินจริงขนาดนั้น เอาสองกล่องนั้นขึ้นมา”

ฉันกลัวว่าเขาจะถือกล่องสองกล่องนี่เข้าไปในบริษัทจริงๆ คาดว่าถึงตอนนั้นคงจะได้พาดหัวข่าวในไม่ช้า

ฉันไม่อยากขายหน้า!

ลู่จือสิงมองมาที่ฉันสักพัก:“เธอว่ามันหนักหรือเปล่า ต้องกันให้ฉันช่วยเธอถือไปไหม?”

ฉันรู้ว่าเขาเอาแต่ตื๊อไม่มีเหตุผล!

“ลู่จือสิง!เชื่อหรือไม่ว่าฉันจะไปโดยไม่เอาอะไรไปเลย?”

เป็นไปอย่างที่คิดไว้ พอฉันพูดออกไป ลู่จือสิงก็ไม่ดื้อดึงอีก:“ก็ได้ อย่างนั้นเธอก็ถือสองถุงนี้ไปเถอะ”

ในขณะที่พูดเขาก็ถือสองถุงนั้นมาให้ฉัน

ฉันกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจเลยรีบยื่นมือไปหยิบ แล้วหลังจากนั้นก็ลงรถไป

ยังไม่ทันได้ปิดประตู ก็ได้ยินเสียงเขาพูดกับฉัน:“ตอนเย็นฉันจะมารับคุณ”

“ฉันรู้แล้วน่า!”

ตอนนี้ลมแรงและหนาวมากฉันไม่อยากพูดกับเขาไปมากกว่านี้ ฉันใส่เสื้อกันหนาวแล้วถือขนมมงคลงานแต่งรีบวิ่งเข้าไปในบริษัท

บริษัทของเรามีคนไม่มากนัก อันที่จริงก็ประมาณสองร้อยคน

แต่นอกเหนือจากแผนกของพวกเรา ยังมีคนในแผนกการตลาดที่ฉันรู้จัก และคนในแผนกอื่นๆฉันก็ไม่รู้จักเลย

โชคดีตอนที่ฉันกลับมาที่สำนักงาน เจอกับเซี่ยงฉิงที่ยังนอนหลับอยู่

เซี่ยงฉิงเห็นฉัน ก็รีบวิ่งเข้ามาโดยไม่ต้องรอให้ฉันเรียก:“ซูยุ่น ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว!”

ฉันยิ้มและพูดกับเธอ:“เธอช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”

“ช่วยอะไรหรอ?”

เซี่ยงฉิงยังคงเบิกบาน ฉันรีบเอาถุงขนมมงคลงานแต่งให้เธอ:“ถือโอกาสตอนที่คนในแผนกการตลาดกำลังหลับ เธอช่วยฉันแจกได้ไหม?”

“นี่ นี่คืออะไร พระเจ้า——”

ตอนนี้คนในสำนักงานพักลางวันอยู่ ฉันกลัวว่าเธอจะทำให้คนตื่น จึงรีบจับมือเธอไว้ และพูดกับเธอเบาๆ:“วันนี้ฉันไปจดทะเบียนกับลู่จือสิงมา”

หลังจากที่ฉันพูดก็รู้สึกเขินอายนิดหน่อย

เซี่ยงฉิงยกมือของเธอมาจับมือฉัน ฉันกลัวว่าเธอจะพูดโดยไม่ระวัง จึงรีบเตือน:“ชู่ว!เธอพูดเบาๆนะ!”

เธอพยักหน้า:“เธอแต่งงานกับประธานลู่แล้วหรอ?”

ฉันพยักหน้า:“ใช่ เพิ่งไปจดทะเบียนมาเมื่อเช้า เธอช่วยฉันแจกขนมมงคลงานแต่งก่อนเถอะ ฉันจะเล่าให้เธอฟังทีหลัง!”

“ได้ๆ ฉันจะไปทำเดี๋ยวนี้ เธอรอฉันกลับมานะ!”

ในขณะที่พูด เซี่ยงฉิงก็วิ่งไปที่แผนกการตลาดฝั่งตรงข้าม

ฉันปาดเหงื่อ โชคดีที่เวลานี้เป็นเวลาพักกลางวัน ไม่อย่างนั้นละก็ เซี่ยงฉิงอาจจะลากฉันไปถามคำถามมากมาย

ฉันถือโอกาสช่วงพักกลางวันนี้รีบแจกขนมมงคลงานแต่งงานให้คนในสำนักงาน

เมื่อเซี่ยงฉิงกลับมาก็เป็นเวลาทำงานพอดี แล้วก็โบกมือให้ฉันเป็นการส่งสัญญาณให้คุยกันในแชท

แชทออนไลน์ดีกว่าแชทออฟไลน์เสมอ ฉันพยักหน้า

ฉันสนทนาเป็นกลุ่มกับเซี่ยงฉิงและถงเจียหลิน ฉันก็คุยเกี่ยวกับเรื่องนั้น

อันที่จริงก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ก่อนหน้านี้ที่ลู่จือสิงขอฉันแต่งงานคนก็รู้กันทั้งเมือง ตอนนี้ฉันแต่งงานกับเขาแล้วก็เป็นปกติ ถ้าเราสองคนไม่แต่งงานกันสิถึงจะเป็นเรื่องผิดปกติ!

บังเอิญเจิ้งเยว่มาหาฉัน ฉันก็เลยไม่ว่างคุยกับเซี่ยงฉิง จึงรีบถามเจิ้งเยว่ว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง

เจิ้งเยว่บอกฉันเกี่ยวกับข้อมูล ซึ่งคล้ายกับที่พวกเราคิด

นี่เป็นแค่ขั้นตอนแรก ยังมีการดำเนินการอื่นๆอีกมากมาย

ฉันคุยกับเจิ้งเยว่อยู่สักพัก ก็เห็นติงหยวนกลับมาจากข้างนอก ฉันรีบหยิบลูกอมมงคลงานแต่งแล้วลุกไปเคาะประตู

“เข้ามา”

“ซูยุ่น?”

ฉันพยักหน้า และหยิบลูกอมมงคลงานแต่งส่งให้เขา:“ผู้จัดการติง ร่วมมีความสุขไปด้วยกัน”

ฉันเขินอาย

เขามองฉันและยิ้ม:“ยินดีด้วยนะ”

“ขอบคุณค่ะ”

เขายิ้มและกินลูกอมไปเม็ดหนึ่ง “ประธานลู่ยอดเยี่ยมจริงๆ ช็อคโกเลตนี่น่าจะเป็นช็อคโกแลตนำเข้า แต่ละเม็ดมีราคาเป็นสิบหยวน”

“ไม่เป็นไรค่ะ เขาไม่เดือนร้อนเรื่องเงิน”

ฉันพูดไปโดยไม่รู้ตัว พูดจบแล้วเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไร

แต่สิ่งที่พูดไปก็เหมือนน้ำที่หกบนพื้น ยากที่จะนำกลับมาคืนมา!

โชคดีที่ติงหยวนไม่ได้ถือสา:“ก็ใช่ ถูกแล้ว วันนี้ผลเป็นยังไงบ้าง?”

แม้ว่าฉันจะไปทำธุระ แต่ฉันก็ยังต้องคุยกับติงหยวนเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการ

เมื่อได้ยินเขาพูด ฉันก็บอกเขาว่าเจิ้งเยว่พูดอะไรอีกรอบ

“ก็ดีนะ ช่วงนี้ต้องลำบากคุณแล้ว ต่อไปต้องค่อยจับตาดูให้ดี”

ฉันพยักหน้า:“รับทราบค่ะ”

ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ฉันก็ขอตัวออกไปจากห้องทำงาน

หลังจากส่งมอบให้กับเจิ้งเยว่แล้ว ฉันก็ไม่ได้ยุ่งมากนัก ดังนั้นฉันจึงคุยกับเซี่ยงฉิงและคนอื่นๆ

“พูดมา ซูยุ่น เรื่องของประธานลู่เมื่อหลายวันก่อน เธอรู้รึเปล่า?”

จู่ๆเซี่ยงฉิงก็ถามคำถามนี้ขึ้นมา ฉันไม่รู้อะไรเลย และรีบถามเธอ:“เรื่องอะไรอ่ะ?”

“ไอ๊หยา เธอไปเสิร์ชดูก็จะรู้!”

ฉันไม่ได้ตอบกลับเธอ แต่เสิร์ชหาชื่อของลู่จือสิง ไม่นานก็พบข่าวที่ออกมาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้