ได้ยินที่เขาพูดแล้ว จู่ๆฉันก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เวลามาทำงาน เขาก็จะเรียกฉันแบบนี้ หลังจากนั้นก็ถามฉันว่าพลาดอะไรไปหรือเปล่า
ฉันไร้เดียงสาตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาถามว่าพลาดอะไรไปหรือเปล่า แต่ฉันคิดไปติดมาแล้วก็ไปพบว่าตัวเองพลาดอะไรไป
ผลคือลู่จือสิงผู้ไม่มียางอาย ยกมือขึ้นมาชี้ไปที่หน้าของตัวเอง ความหมายนั้นมันชัดเจนมาก
ฉันก็จูบลาไปหนึ่งที!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง และฉันก็จ้องไปที่เขา:“ฉันไม่ได้พลาดอะไรแล้วนะ!”
ในขณะที่พูดฉันก็รีบก้าวลงจากรถ
ลู่จือสิงก็ดึงมือฉันไว้ด้วยแรงของเขา ทำให้ฉันก็ถูกเขาดึงกลับไปอย่างรวดเร็ว
“ลู่จือสิง คุณยังต้องการ——”
ฉันกำลังจะพูดว่าเขาใช้ลูกไม้เดิมๆ แต่เมื่อฉันหันกลับไปก็พบว่าเขากำลังมองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้ม:“บอกกับฉัน ซูยุ่น เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมหน้าแดงอย่างนี้ ฮึ้ม?”
ขณะที่พูดเขาก็เอนตัวมาใกล้ฉัน
ฉันรู้สึกว่าแก้มของฉันร้อยผ่าวขึ้นเรื่อยๆ ฉันยกมือขึ้นจะผลักเขาออก แต่เห็นลู่จือสิงเอื้อมมือไปที่เบาะหลังรถ
ฉันไม่แน่ใจดังนั้นจึงเลิกคิ้ว:“คุณกำลังทำอะไร?”
“คุณพลาดลืมสิ่งนี้!”
ทันทีที่ฉันพูดจบฉันก็ได้ยินเขาพูด และเห็นสิ่งที่เขาถืออยู่ในมือ
ในมือเขาถือขนมสองถุงเป็นลูกอมมงคลและขนมมงคลงานแต่ง ที่เหมือนกันกับที่กรมการปกครองฝ่ายพลเรือนไม่มีผิด!
ฉันตกตะลึง “ทำไมคุณยังจัดเตรียมไว้อีก?”
ฉันคิดว่าแจกที่กรมการปกครองฝ่ายพลเรือนหมดแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาจะเอาออกมาอีกสองถุง
ฉันไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี:“ลู่จือสิง คุณต้องขนาดนั้นเลยหรอ?”
“ต้องขนาดนั้นเลย บริษัทของพวกคุณคนเยอะขนาดนี้ ฉันช่วยเธอถือสองถุงนี้ไป พวกเรามีน้ำใจก็ส่งต่อๆกันไป เพื่อให้เพื่อนร่วมงานของคุณมีความสุขชื่นมื่นไปด้วยกัน”
มีความสุขชื่นมื่นไปด้วยกัน ประมาณว่าต้องการจะให้อื่นรู้ว่าฉันกับเขาแต่งงานกันแล้วรึเปล่า?
ต้องคิดอย่างรอบคอบ แต่ฉันก็ยังคิดไม่ออก?
แต่ก็ยังตื่นเต้น ฉันยังรู้สึกว่าลู่จือสิงพูดเกินจริง ดังนั้นฉันจึงรีบขัดขวางขา:“คุณหยุดได้แล้ว ฉันถืออยู่เยอะแยะเต็มไปหมด พอได้แล้ว!”
“พอได้ยังไงกัน!แค่แผนกของคุณก็กี่คนเข้าไปแล้ว!คุณไม่สามารถส่งไปที่แผนกของคุณได้หรอ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉัน——”
“เธอไม่ต้องกังวล ที่บริษัทฉันจะให้หลี่จื้อเตรีมกล่องไว้ให้ พออย่างแน่นอน!”
ฉันยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเอง ต้องบอกว่าจริงๆแล้วฉันเลื่อมใสศรัทธาลู่จือสิง!
“ฉันจะเอาอีกสองกล่องนี่ไป คุณไม่ต้องพูดเกินจริงขนาดนั้น เอาสองกล่องนั้นขึ้นมา”
ฉันกลัวว่าเขาจะถือกล่องสองกล่องนี่เข้าไปในบริษัทจริงๆ คาดว่าถึงตอนนั้นคงจะได้พาดหัวข่าวในไม่ช้า
ฉันไม่อยากขายหน้า!
ลู่จือสิงมองมาที่ฉันสักพัก:“เธอว่ามันหนักหรือเปล่า ต้องกันให้ฉันช่วยเธอถือไปไหม?”
ฉันรู้ว่าเขาเอาแต่ตื๊อไม่มีเหตุผล!
“ลู่จือสิง!เชื่อหรือไม่ว่าฉันจะไปโดยไม่เอาอะไรไปเลย?”
เป็นไปอย่างที่คิดไว้ พอฉันพูดออกไป ลู่จือสิงก็ไม่ดื้อดึงอีก:“ก็ได้ อย่างนั้นเธอก็ถือสองถุงนี้ไปเถอะ”
ในขณะที่พูดเขาก็ถือสองถุงนั้นมาให้ฉัน
ฉันกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจเลยรีบยื่นมือไปหยิบ แล้วหลังจากนั้นก็ลงรถไป
ยังไม่ทันได้ปิดประตู ก็ได้ยินเสียงเขาพูดกับฉัน:“ตอนเย็นฉันจะมารับคุณ”
“ฉันรู้แล้วน่า!”
ตอนนี้ลมแรงและหนาวมากฉันไม่อยากพูดกับเขาไปมากกว่านี้ ฉันใส่เสื้อกันหนาวแล้วถือขนมมงคลงานแต่งรีบวิ่งเข้าไปในบริษัท
บริษัทของเรามีคนไม่มากนัก อันที่จริงก็ประมาณสองร้อยคน
แต่นอกเหนือจากแผนกของพวกเรา ยังมีคนในแผนกการตลาดที่ฉันรู้จัก และคนในแผนกอื่นๆฉันก็ไม่รู้จักเลย
โชคดีตอนที่ฉันกลับมาที่สำนักงาน เจอกับเซี่ยงฉิงที่ยังนอนหลับอยู่
เซี่ยงฉิงเห็นฉัน ก็รีบวิ่งเข้ามาโดยไม่ต้องรอให้ฉันเรียก:“ซูยุ่น ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว!”
ฉันยิ้มและพูดกับเธอ:“เธอช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”
“ช่วยอะไรหรอ?”
เซี่ยงฉิงยังคงเบิกบาน ฉันรีบเอาถุงขนมมงคลงานแต่งให้เธอ:“ถือโอกาสตอนที่คนในแผนกการตลาดกำลังหลับ เธอช่วยฉันแจกได้ไหม?”
“นี่ นี่คืออะไร พระเจ้า——”
ตอนนี้คนในสำนักงานพักลางวันอยู่ ฉันกลัวว่าเธอจะทำให้คนตื่น จึงรีบจับมือเธอไว้ และพูดกับเธอเบาๆ:“วันนี้ฉันไปจดทะเบียนกับลู่จือสิงมา”
หลังจากที่ฉันพูดก็รู้สึกเขินอายนิดหน่อย
เซี่ยงฉิงยกมือของเธอมาจับมือฉัน ฉันกลัวว่าเธอจะพูดโดยไม่ระวัง จึงรีบเตือน:“ชู่ว!เธอพูดเบาๆนะ!”
เธอพยักหน้า:“เธอแต่งงานกับประธานลู่แล้วหรอ?”
ฉันพยักหน้า:“ใช่ เพิ่งไปจดทะเบียนมาเมื่อเช้า เธอช่วยฉันแจกขนมมงคลงานแต่งก่อนเถอะ ฉันจะเล่าให้เธอฟังทีหลัง!”
“ได้ๆ ฉันจะไปทำเดี๋ยวนี้ เธอรอฉันกลับมานะ!”
ในขณะที่พูด เซี่ยงฉิงก็วิ่งไปที่แผนกการตลาดฝั่งตรงข้าม
ฉันปาดเหงื่อ โชคดีที่เวลานี้เป็นเวลาพักกลางวัน ไม่อย่างนั้นละก็ เซี่ยงฉิงอาจจะลากฉันไปถามคำถามมากมาย
ฉันถือโอกาสช่วงพักกลางวันนี้รีบแจกขนมมงคลงานแต่งงานให้คนในสำนักงาน
เมื่อเซี่ยงฉิงกลับมาก็เป็นเวลาทำงานพอดี แล้วก็โบกมือให้ฉันเป็นการส่งสัญญาณให้คุยกันในแชท
แชทออนไลน์ดีกว่าแชทออฟไลน์เสมอ ฉันพยักหน้า
ฉันสนทนาเป็นกลุ่มกับเซี่ยงฉิงและถงเจียหลิน ฉันก็คุยเกี่ยวกับเรื่องนั้น
อันที่จริงก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ก่อนหน้านี้ที่ลู่จือสิงขอฉันแต่งงานคนก็รู้กันทั้งเมือง ตอนนี้ฉันแต่งงานกับเขาแล้วก็เป็นปกติ ถ้าเราสองคนไม่แต่งงานกันสิถึงจะเป็นเรื่องผิดปกติ!
บังเอิญเจิ้งเยว่มาหาฉัน ฉันก็เลยไม่ว่างคุยกับเซี่ยงฉิง จึงรีบถามเจิ้งเยว่ว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง
เจิ้งเยว่บอกฉันเกี่ยวกับข้อมูล ซึ่งคล้ายกับที่พวกเราคิด
นี่เป็นแค่ขั้นตอนแรก ยังมีการดำเนินการอื่นๆอีกมากมาย
ฉันคุยกับเจิ้งเยว่อยู่สักพัก ก็เห็นติงหยวนกลับมาจากข้างนอก ฉันรีบหยิบลูกอมมงคลงานแต่งแล้วลุกไปเคาะประตู
“เข้ามา”
“ซูยุ่น?”
ฉันพยักหน้า และหยิบลูกอมมงคลงานแต่งส่งให้เขา:“ผู้จัดการติง ร่วมมีความสุขไปด้วยกัน”
ฉันเขินอาย
เขามองฉันและยิ้ม:“ยินดีด้วยนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
เขายิ้มและกินลูกอมไปเม็ดหนึ่ง “ประธานลู่ยอดเยี่ยมจริงๆ ช็อคโกเลตนี่น่าจะเป็นช็อคโกแลตนำเข้า แต่ละเม็ดมีราคาเป็นสิบหยวน”
“ไม่เป็นไรค่ะ เขาไม่เดือนร้อนเรื่องเงิน”
ฉันพูดไปโดยไม่รู้ตัว พูดจบแล้วเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไร
แต่สิ่งที่พูดไปก็เหมือนน้ำที่หกบนพื้น ยากที่จะนำกลับมาคืนมา!
โชคดีที่ติงหยวนไม่ได้ถือสา:“ก็ใช่ ถูกแล้ว วันนี้ผลเป็นยังไงบ้าง?”
แม้ว่าฉันจะไปทำธุระ แต่ฉันก็ยังต้องคุยกับติงหยวนเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการ
เมื่อได้ยินเขาพูด ฉันก็บอกเขาว่าเจิ้งเยว่พูดอะไรอีกรอบ
“ก็ดีนะ ช่วงนี้ต้องลำบากคุณแล้ว ต่อไปต้องค่อยจับตาดูให้ดี”
ฉันพยักหน้า:“รับทราบค่ะ”
ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ฉันก็ขอตัวออกไปจากห้องทำงาน
หลังจากส่งมอบให้กับเจิ้งเยว่แล้ว ฉันก็ไม่ได้ยุ่งมากนัก ดังนั้นฉันจึงคุยกับเซี่ยงฉิงและคนอื่นๆ
“พูดมา ซูยุ่น เรื่องของประธานลู่เมื่อหลายวันก่อน เธอรู้รึเปล่า?”
จู่ๆเซี่ยงฉิงก็ถามคำถามนี้ขึ้นมา ฉันไม่รู้อะไรเลย และรีบถามเธอ:“เรื่องอะไรอ่ะ?”
“ไอ๊หยา เธอไปเสิร์ชดูก็จะรู้!”
ฉันไม่ได้ตอบกลับเธอ แต่เสิร์ชหาชื่อของลู่จือสิง ไม่นานก็พบข่าวที่ออกมาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้