“นายน้อย”
เป็นอย่างที่คิด ทันทีที่ก้าวลงจากรถ พ่อบ้านของตระกูลลู่ก็เดินเข้ามาต้อนรับ
เขาหันมาทักทายฉันอย่างสุภาพและเป็นมืออาชีพ "คุณซู"
ลู่จือสิงหันมาพูดกับฉัน “เข้าไปกันเถอะ”
เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วฉันจึงมีแต่ต้องจำใจกัดฟันเดินเข้าไป
ลู่จือสิงพาฉันเดินขึ้นไปที่ชั้นสองของคฤหาสน์ซึ่งมีคนมากหน้าหลายตานั่งอยู่ที่ห้องรับแขก เมื่อฉันมองดูก็พบว่าหยาวตันตันและถันฮ่าวอวี่ก็อยู่ที่นั่นด้วย
ฉันหยุดชะงักโดยไม่รู้ตัว ลู่จือสิงมองมาที่ฉันและคว้ามือฉันไปกุมไว้ “คุณปู่ นี่ซูยุ่น แฟนผมครับ”
ฉันรีบยิ้มให้ชายชราที่นั่งอยู่ตรงกลางโซฟาโดยไม่รอช้า “สวัสดีค่ะคุณปู่ ฉันชื่อซูยุ่น เป็นฟะ... แฟนของลู่จือสิงค่ะ”
ฉันฝึกท่องประโยคนี้ในใจหลายต่อหลายครั้ง แต่พอถึงเวลาจริงก็ยังพูดติดๆ ขัดๆ อยู่ดี
ปู่ของลู่จือสิงเหลือบมองมาทางฉันและพยักหน้าให้ด้วยท่าทางไม่ยินดียินร้าย “สวัสดี”
ฉันยิ้มและหันไปมองลู่จือสิง
“โอ้... นี่แฟนของจือสิงใช่ไหม”
ตอนนี้เองอยู่ๆ ก็มีชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งเดินเข้ามา ฝ่ายหญิงดูเป็นผู้ที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ส่วนฝ่ายชายนั้นรูปร่างสูงสง่า มีเค้าโครงหน้าคล้ายคลึงกับลู่จือสิง
ฉันรู้แล้วว่าพวกเขาคือพ่อแม่ของลู่จือสิง พอฉันกำลังจะตอบ ลู่จือสิงก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “ได้เวลากินข้าวแล้ว” พูดจบเขาก็จูงมือฉันเดินไปด้วยใบหน้าที่ดูเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
ฉันเงยหน้ามองเขา อยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่สายตาเย็นชาของเขาที่มองมาทำให้ฉันรู้สึกกลัว จนสุดท้ายก็ไม่ได้ถามออกไป
หยาวตันตันมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่มีความหมายบางอย่าง ดวงตาคู่นั้นมีแววพึงพอใจกับสถานการณ์ไม่สู้ดีนี้ จนฉันอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“เธอชื่อซูยุ่นใช่ไหม? ฉันเคยได้ยินเรื่องของเธอมานาน วันนี้ได้เจอกันเสียที ช่างเป็นคนที่สวยจริงๆ... มิน่าล่ะ จือสิงถึงได้ชอบเธอนัก”
ไม่มีใครพูดคุยกันเลยบนโต๊ะอาหาร แม่ของลู่จือสิงเอื้อมมือมาตักอาหารให้ฉัน ทำให้ฉันรู้สึกยินดีมาก เพราะมันแตกต่างจากที่ฉันคิดไว้
ฉันรีบกล่าวขอบคุณ แต่พอจะลงมือกิน ลู่จือสิงก็ตรงเข้ามาเอาช้อนเขี่ยอาหารทั้งหมดที่แม่เขาตักให้ฉันทิ้งลงบนโต๊ะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้