คำพูดที่มีพลังและอำนาจของลู่จือสิง เย็นวาบไปทั้งตัว
เห็นได้ชัดว่าหลินเมิ่งเซียตกใจ เธอเหลือบมองลู่จือสิงด้วยใบหน้าที่ซีด แล้วก็มองมาที่ฉัน:“ขอ ขอโทษ ฉันฉัน ไม่มีอะไร ฉันไปก่อนนะ!”
หลินเมิ่งเซียในตอนนี้ ความเย่อหยิ่งหายไปไหน
คนประเภทนี้จะข่มเหงรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า แต่จะเกรงกลัวผู้ที่แข็งกร้าวกว่าอย่างเห็นได้ชัด
อาจเป็นเพราะเมื่อก่อนฉันไม่ได้สนใจเธอมากนัก เธอเลยคิดว่าเธอทำให้ฉันกลัว แต่จริงๆแล้วฉันแค่ไม่อยากโต้เถียงกับเธอ
อีกอย่างคนประเภทนี้แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ต้องให้ฉันไปเก็บกวาด ก็เหมือนกับนักแสดงสาวนามสกุลL
ฉันหันไปมองลู่จือสิง คนในบริษัทจำนวนมากกำลังมองพวกเราอยู่ ฉันรู้สึกไม่สบายใจ จึงรีบดึงเขาและเดินออกไปข้างนอก:“คุณเข้ามาได้ยังไง?”
เขาพูดเสียงดัง:“ฉันเห็นคนกำลังดึงเธอ วันนี้เธออยากให้มีคนตบเธอหรอ?”
ฉันรู็ว่าเขาหมายความว่ายังไง ฉันเลยอธิบาย:“ฉันก็ไม่คิดว่าจู่ๆเธอจะตรงเข้ามาดึงรั้งฉันไว้ ถ้าไม่ใช่ฉันยืนไม่อยู่ มือนั้นของเธอก็ไม่มีโอกาสได้ยกมันขึ้น”
“ช่างมันเถอะซูยุ่น เธอก็ดุร้ายได้แค่กับฉัน ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น แค่นิ้วเดียวก็เพียงพอที่จะทำร้ายเธอได้”
ฉันอดไม่ได้ที่จะหยิกเขา:“ฉันอ่อนแอมากเลยหรอ?จริงๆแล้วฉันแค่ไม่อยากโต้เถียงกับเธอ อีกอย่างวันนี้เป็นวันที่เราจดทะเบียนกัน วันที่ดีอย่างนี้ ฉันไม่อยากให้ผู้หญิงประเภทนั้นมาทำให้ฉันอารมณ์เสีย”
เขามองฉันแล้วก็หัวเราะทันที “เธอปลอบตัวเองได้ดีเลยนะ”
“อะไรเรียกว่าปลอบตัวเอง ฉันก็แค่พูดความจริง!”
เขาไม่ได้ตอบ และเปิดประตูรถให้ฉันเข้าไป
ฉันเห็นเขาพูดตะคอกก็นึกถึงเรื่องของนักแสดงสาวนามสกุลL ความคิดก็เข้ามาในใจ
เมื่อลู่จือสิงขึ้นรถ ขณะที่ฉันกำลังคาดเดาก็เลิกคิ้วและมองเขา:“ลู่จือสิง คุณมีเรื่องอะไรปิดบังฉันรึเปล่า?”
เขาเหลือบมองฉันโดยไม่ได้คิด:“ฉันจะมีเรื่องอะไรปิดบังเธอ?”
“อื้ม?คุณแน่ใจนะ?”
เขาสตาร์ทรถ และยกมือขึ้นมาหยิกแก้มฉัน
ฉันยกมือขึ้นมาตีมือเขา:“คุณขับรถก็ขับไปสิ มือไม้อย่าวุ่นวาย”
“นั้นก็รบกวนเธออย่าทำตัวแปลกๆนะคุณนายลู่”
ฉันทำไมยังไม่ชินกับที่เขาเรียกฉันว่า “คุณหญิงลู่” ได้ยินเขาเรียกอย่างนี้ ฉันก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง แล้วยกมือขึ้นตีเขา:“คุณจริงจังหน่อย”
“พระเจ้า คุณหญิงลู่ สามีของคุณนอกจากบนเตียงแล้ว เวลาไหนก็ไม่จริงจัง?”
ได้ยินที่เขาพูดแล้ว ฉันเกือบจะหายใจไม่ออก
ทำไมคนคนนี้หน้าหนาขนาดนี้ คำพูดแบบนี้ก็สามารถพูดออกได้อย่างสบายใจ?!
ฉันไม่ได้บอกอะไรเขา “ให้เวลาคุณยี่สิบนาที คิดๆดูให้ดี หลังจากกลับบ้านก็สารภาพมา”
ฉันเดาว่าลู่จือสิงจำนักแสดงสาวที่นามสกุลLไม่ได้ เขาจำไม่ได้แบบนี้ก็ดี ฉันจะได้ขัดขัดเขา
ใครให้เขามาพูดจาเอาเปรียบฉันทุกครั้ง ฉันพูดสู้เขาไม่ได้ แต่การโต้ตอบจากที่อื่นกลับมาแล้ว
ฮึ
ใครบอกว่าฉันซื่อบื้อ?
“คุณหญิงลู่ เธอจริงจังหรอ?”
ฉันยิ้มอย่างเย็นชา และมองไปที่เขา:“คุณมองฉัน ท่าทีของฉันตรงไหนที่บอกคุณว่าฉันไม่จริงจรัง?”
พอดีข้างหน้าเป็นไฟแดง ฉันยังไม่ทันได้โต้ตอบ จู่ๆเขาก็ก้มลงมาจูบที่ริมฝีปากของฉัน:“ตรงนี้”
ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวขึ้นมา:“ลู่จือสิง!”
เขาจูบที่ตาของฉันอีก:“ยังมีตรงนี้!”
จะตายอยู่แล้ว!
ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงยั่วเย้าจัง ฉันรู้สึกว่าหัวใจตัวเองทำไมถึงเต้นแรงขนาดนี้
เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเข้ามาจูบอีก ฉันจึงรีบเอนตัวไปที่หน้าต่างรถอย่างรวดเร็ว เขายิ้ม:“พูมาเถอะ เรื่องอะไร”
“คุณคิดเอาเองสิ”
คิดว่าสิ่งนี้เพียงพอที่จะทำให้ฉันบอกเขา แค่คิดก็ดีมากๆแล้ว!
ฉันยังคงเข้มแข็ง ยังไม่ถึงยี่สิบนาที ฉันก็ไม่เสียหาย
ลู่จือสิงมองฉันด้วยความหมายลึกซึ้งกินจ แต่ก็ไม่ได้ถามฉันต่ออีก
ฉันมองเขาสักพักและเห็นท่าทางสงบของเขา ก็รู้สึกว่าน่าเบื่อนิดหน่อย
วันนี้รถติดนิดหน่อย กว่าจะถึงบ้านก็เป็นเวลาหกโมงตรึ่งแล้ว
พอฉันเปิดประตูก็เห็นป้าจ้าวยิ้มให้ฉัน:“คุณซู ยินดีด้วยนะ!”
ฉันอึ้งไปชั่วขณะ และหันกลับไปมองลู่จือสิง จากนั้นก็พูดกับป้าจ้าว:“ขอบคุณค่ะป้าจ้าว ถึงเวลาคุณต้องมาดื่มกับพวกเราสักแก้ว!”
“แน่นอน!”
“นี่ก็เลยเวลาแล้ว ป้าจ้าวกลับดีดีนะคะ!”
“ค่ะ พวกคุณรีบเข้าไปเถอะ เป้ยปเยคิดถึงคุณทั้งวันเลย!”
หลายวันมานี้เป้ยเปยติดฉันมาก ได้ยินป้าจ้าวพูดอย่างนี้ ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรมาก จึงรีบเดินเข้าไป
เพิ่งเดินไปได้สองก้าว เป้ยเปยก็วิ่งตรงมาหาฉัน:“คุณแม่!”
“เป้ยเปยเด็กดี วันนี้เชื่อฟังป้าจ้าวรึเปล่า?”
“ครับ!”
เป็นเพราะเป้ยเปย ฉันเลยลืมเรื่องของนักแสดงสาวนามสกุลL
หลังจากที่ฉันดูแลเป้ยเปยเสร็จก็ออกจากห้องของเขา และถูกลู่จือสิงที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จอุ้มขึ้นมา
ฉันกรีดร้องโดยไม่รู้ตัว แต่กลัวว่าเสียงดังจะทำให้เป้ยเปยตื่น ฉันเลยเงียบลงทันที จากนั้นก็เงยหน้ามองลู่จือสิง:“คุณทำอะไรเนี่ย รีบปล่อยฉันลงเร็ว!”
“คุณหญิงลู่ เธอคงไม่ลืมว่าวันนี้เป็นคืนเข้าหอของเราใช่ไหม?”
ฉันได้ยินที่เขาพูดก็แทบจะหัวเราะไม่ออก:“ได้ รีบปล่อยฉันลง!”
ขณะพูดฉันก็ยกมือขึ้นหยิกเขา
ทุกคนอยู่ด้วยกันมานานมาก เขาเมื่อคืนวานไม่ต้องการฉัน คิดไม่ถึงว่าจะมีหน้ามาพูดว่าคืนนี้เป็นคืนเข้าหอ
ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินที่ฉันพูด อุ้มฉันแล้วกดลงบนเตียง
ตัวของลู่จือสิงหนักมากเมื่อกดลงมา ฉันรู้สึกหายใจไม่สะดวกเลยยกมือขึ้นตีเขา:“คุณรีบลุกขึ้นเร็ว ฉันหายใจไม่ออก!”
“ไม่ รีบลุกขึ้น!”
“ไม่ลุก วันนี้เธอจดทะเบียนกับฉันแล้ว เธอจะให้ฉันเก็บเธอไว้ในห้องคนเดียวหรอ?”
คนอะไรยิ่งนานยิ่งไม่มียางอาย!
ฉันทนกับเขาไม่ไหวแล้ว อดไม่ได้ที่จะหยิกเขา และนึกถึงเรื่องที่จะพูดกับเขาก่อที่จะกลับบ้าน ฉันจ้องมองเขา:“เรื่องที่ฉันให้คุณพิจารณาตัวเอง คุณคิดออกรึยัง ประธานลู่ ฮึ?”
ฉันทำตามวิธีปกติของเขาและจงใจเน้นคำสุดท้าย
เขามองฉันสักพัก และก้มลงมาจะจูบ ฉันหันหน้าหนี:“รีบพูดมา!”
“ฉันคิดไม่ออกอ่ะ คุณหญิงลู่ คุณช่วยบอกหน่อยได้ไหม?”
จูบของเขาตกลงมาที่แก้มของฉัน ริมฝีปากกดลงบนแก้มของฉัน และมันก็เริ่มขยับไปเรื่อยๆเมื่อฉันพูด ลมหายใจกระทบแก้มของฉัน ฉันรู้สึกว่าแค่พริบตาเดียวฉันก็ร้อนตามเขาขึ้นมา
“ลู่จือสิง คุณลุกขึ้นก่อน!เร็วเข้า!”
ฉันทนไม่ไหวจึงผลักเขา แต่ผลคือผลักไม่ไป
“ถ้าอย่างนั้น คุณบอกเรื่องนั้นมาก่อน!”
คนคนนี้ ตั้งใจจะคุกคามฉัน!
ฉันตะคอกอย่างเย็นชา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วขว้างใส่เขา:“คุณก็ดูเอาเองสิ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้