หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 224

“หายโกรธเถอะนะคุณหญิงลู่”

ฉันมองลู่จือสิงที่ยืนขวางอยู่ข้างหน้า สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้ฉันไม่อยากมองเขาแม้แต่หางตา “ออกไปให้พ้น!”

เขาทำเหมือนไม่ได้ยินที่ฉันพูด แล้วทันใดนั้นก็เอื้อมมือมาดึงฉันเข้าไปกอดก่อนจะโน้มศีรษะลงมาเพื่อจูบฉัน แต่ฉันรีบเบือนหน้าหนีไปก่อน

ทว่าในที่สุดลู่จือสิงก็ประทับริมฝีปากลงมาที่แก้มฉัน ฉันออกแรงผลักเขาแต่ว่าทำไม่สำเร็จ เขาพยายามจูบฉันอีกครั้งอย่างหน้าไม่อาย จนฉันหมดความอดทนและตวาดออกไปเสียงดังอย่างลืมตัวว่าเป้ยเปยยังหลับอยู่ “พอได้แล้ว ถ้าคุณยังไม่ปล่อย ฉันจะไปทำงานสาย!”

เขาลดสายตาต่ำลง สีหน้าดูเยือกเย็นขึ้นกว่าเดิม

ฉันฉวยโอกาสตอนนี้ผลักเขาออก ทว่าพอเห็นท่าทางแบบนี้ของเขาฉันก็อยากพูดอะไรสักหน่อย แต่เพราะกลัวว่าเขาจะได้ใจ ฉันจึงได้แต่ทำเสียงฮึมฮัมอย่างไม่พอใจ แล้วกลับเข้าห้องไปแต่งหน้าแต่งตัวเตรียมไปทำงานโดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น

เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วออกมาจากห้อง ฉันก็เห็นลู่จือสิงยืนรออยู่ที่โถงทางเดิน

เขาไม่ได้พยายามคาดคั้นอะไรฉันอีก เมื่อเห็นฉันใส่รองเท้าเสร็จเรียบร้อยเขาจึงเปิดประตูแล้วเดินนำออกไปโดยมีฉันเดินตามไปติดๆ

ทุกทีลู่จือสิงจะจูงมือฉันเดินไปด้วยกัน ฉันเลยรู้สึกแปลกๆ เมื่อก้มลงมองข้างกายแล้วเห็นว่ามือของตัวเองว่างเปล่า

พอเงยหน้าขึ้นอีกทีก็เห็นว่าลู่จือสิงกำลังเดินอยู่คนเดียวข้างหน้า และดูท่าทางน่าสงสารมาก

จริงๆ แล้วฉันก็ไม่ได้โกรธเขาขนาดนั้น เพียงแต่พอคิดถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วหน้าทั้งหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมา

ฉันค่อนข้างหัวโบราณ จะให้ยอมรับการใช้อุปกรณ์เหล่านั้นบนเตียงตอนนี้เดี๋ยวนี้ฉันก็ทำไม่ได้จริงๆ

ลู่จือสิงยังคงไม่พูดกับฉันหลังจากขึ้นรถ

ความเงียบที่เกิดขึ้นตลอดทางทำให้ฉันไม่ค่อยสบายใจ อันที่จริงฉันไม่อยากทะเลาะกับเขาแบบนี้เลย การทำสงครามเย็นอย่างนี้มีแต่จะทำร้ายความรู้สึกยิ่งขึ้นไปอีก

เมื่อรถจอดนิ่งสนิทที่หน้าตึกของบริษัทฉันจึงหลับตาลงแล้วถอนหายใจแรงๆ

ลู่จือสิงไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ฉันเพียงแค่อึดอัดใจ และก็เข้าใจดีว่าเขาแค่ต้องการเพิ่มความตื่นเต้นให้ชีวิตคู่เท่านั้น

“ลู่จือสิง เรื่องนี้ฉัน...”

“ซูยุ่น ผมขอโทษ ถ้า...”

เราเอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน ฉันชะงักเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดและยิ้มออกมาได้ จากนั้นจึงยกมือขึ้นสัมผัสที่แก้มของเขา “ฉันขอโทษนะ ที่มีปฏิกิริยารุนแรงไปหน่อย”

เขาโน้มศีรษะลงมาจูบฉัน “ถ้าคุณไม่ชอบ หลังจากนี้ผมจะไม่บังคับให้คุณใช้ของพวกนั้นอีก” เขาพูดแล้วหยุดไปนิดหนึ่ง “ซูยุ่น... ผมแค่อยากให้คุณมีความสุขมากขึ้นก็เท่านั้น”

ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวเมื่อเขาพูดประโยคนี้ นึกถึงตัวเองเมื่อคืนแล้ว ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะพูดอะไรดี

“ความจริงคุณไม่จำเป็นต้องอายเลย เราเป็นสามีภรรยากันและควรทำให้อีกฝ่ายมีความสุข ในเมื่อการใช้อุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ มันทำให้เราทั้งคู่มีความสุขมากขึ้น ทำไมเราถึงไม่ใช้ล่ะ? ผมขอพูดอีกครั้งนะ ไม่ใช่แค่เราเท่านั้น แต่คนอื่นๆ ก็ทำแบบนี้เหมือนกัน”

ฉันเข้าใจเหตุผลทั้งหมดดี แต่ฉันแค่ยังสลัดความรู้สึกอับอายออกไปไม่ได้

ลู่จือสิงหยุดพูดและยังไม่ยอมจบเรื่องนี้ เขามองมาที่ฉันอย่างแน่วแน่

ฉันสัมผัสได้ถึงสายตาที่กำลังเฝ้ารอด้วยความหวังของเขาและเข้าใจดีว่าเขาต้องการให้ฉันพูดอะไร

เพียงแต่คำพูดเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ยากจะเอ่ยออกมาจริงๆ

แต่แล้วในที่สุดฉันก็พูดออกไป “ฉะ... ฉันรู้... หลัง... หลังจากนี้คุณต้องปรึกษาฉันก่อน”

พูดจบฉันก็ทนไม่ไหว รีบผลักประตูรถแล้ววิ่งออกไปทันที

ฉันยิ่งเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้ยินลู่จือสิงเรียกฉันจากทางด้านหลัง

ใบหน้าของฉันร้อนผ่าว ฉันรู้สึกว่าตัวเองต้องอาศัยความกล้าแบบสุดๆ กว่าจะพูดคำเหล่านั้นออกมาได้

ทันทีที่มาถึงประตูลิฟต์ โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าก็สั่นขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อฉันหยิบโทรศัพท์ออกมาดูก็พบว่าทั้งหมดเป็นข้อความจากลู่จือสิงเพียงคนเดียว

เขาถล่มถามฉันในวีแชทรัวๆ ว่าตกลงฉันยอมรับปากเขาแล้วใช่ไหม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้