หลี่ฮุ้ยหรูมองฉันด้วยสีหน้าดีอกดีใจ: “ใช่ค่ะ ฉันก็ไม่คิดว่าจะบังเอิญขนาดนี้นะคะ!”
ฉันยิ้มไม่ออก: “เพื่อนเธอยังรอเธออยู่นี่ ฉันไปก่อนนะ”
“อ๊ะ พี่ซูยุ่น รอเดี๋ยวค่ะ!”
ฉันเตรียมจะหมุนตัวออก จู่ๆ เธอก็ดึงฉันเอาไว้
ฉันไม่ชอบให้คนมาดึงฉันอย่างกะทันหันแบบนี้ และเหมือนลู่จือสิงจะดูออกจึงออกแรงเล็กน้อย ดึงฉันมาไว้ข้างตัวเขา หลี่ฮุ้ยหรูได้แค่ค้างมืออยู่ตรงนั้น
สีหน้าเธอเหมือนจะแข็งขึ้นมาเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานก็ส่งรอยยิ้มกลับมาดังเดิม: “พี่ซูยุ่น พี่จะกลับบริษัทหรือคะ? ประธานลู่คงจะขับรถมา ฉันขอติดรถไปด้วยได้มั้ยคะ? เวลานี้หาเรียกรถยากมากเลยนะค่ะ!” ฉันไม่คิดจะเอาเธอไปด้วย แต่เธอได้พูดออกมาแล้ว ฉันจึงได้แต่พยักหน้าออกไป: “แล้วเพื่อนของเธอล่ะ?”
“ไม่เป็นไรคะ เดี๋ยวหนูไปบอกเพื่อนก่อนนะคะ”
เธอพูดแล้วก็วิ่งไป
เพื่อนของเธอหันมามองฉัน ไม่รู้เธอไปพูดอะไรกับเขาบ้าง
ฉันหันข้างไปมองลู่จือสิง: “อีกสองวันฉันคงต้องพูดกับติงหยวนซักหน่อยแล้วค่ะ”
บริษัทไม่จำเป็นต้องเก็บคนเช่นนี้เอาไว้จริงๆ เธอเจ้าแผนการเกินไป คิดว่าผู้อื่นไม่รู้ ก็แค่ฉันยังไม่อยากเปิดโปงออกมาเท่านั้น
อายุยังน้อย อยากเรียนอะไรไม่เรียน กลับคิดจะเดินทางลัด
ฉันยิ้มอย่างเย็นชา หลี่ฮุ้ยหรูกลับมาเร็วมาก
“ประธานลู่คะ รถคันนี้ราคาหลายล้านใช่มั้ยคะ?”
ลู่จือสิงเป็นคนถ่อมตัวในเรื่องรถมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ถึงจะถ่อมตัวอย่างไร ในฐานะที่เขาเป็นประธานใหญ่ของกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ ขับรถทั้งทีจะขับรถกระจอกๆ ได้อย่างไรกัน
รถคันนี้ลู่จือสิงเพิ่งซื้อมาเมื่อปีที่แล้ว ตอนซื้อมาใหม่ๆ ฉันเคยเข้าไปดูราคาในเว็บไป่ตู้ แค่เห็นราคาฉันก็ตกใจจนพูดไม่ออก
แม้ว่าในคลังสมบัติน้อยๆ ของฉันจะมีเงินอยู่ไม่น้อย แต่พอเห็นราคารถของลู่จือสิงก็รู้สึกว่าตัวเองจนขึ้นมาเลย
พอได้ยินคำพูดของหลี่ฮุ้ยหรูฉันก็พยักหน้าแบบขอไปทีแล้วจึงคาดเซฟตี้เบล
จากนั้นหลี่ฮุ้ยหรูที่อยู่ด้านหลังก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ฉันมองลู่จือสิง เขายื่นมือมากุมมือฉัน แล้วเอานิ้วมือกดที่ฝ่ามือฉัน
ฉันขำออกมาเล็กน้อย แล้วหันข้างไปมองเขาบอกเป็นนัยๆ ว่าอย่าได้ก่อกวน บนรถคันนี้ยังมีคนอื่นอยู่นะ!
เขาเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็ไม่วุ่นวายอะไรอีก
เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากบริษัท เพียงไม่นานก็มาถึงใต้ตึกบริษัท
พอฉันปิดประตูรถก็ได้ยินเสียงหลี่ฮุ้ยหรูพูดกับลู่จือสิงว่า: “ประธานลู่ วันนี้ขอบคุณคุณมากจริงๆ ค่ะ!”
นี่เธอทำเหมือนฉันตายไปแล้วหรือ?
ใบหน้าฉันเย็นขึ้นมา จากนั้นก็หมุนตัวเดินไป แต่เธอก็ตามมาเร็วมาก: “พี่ซูยุ่น พี่รอฉันก่อนค่ะ!”
ฉันหันกลับไปมองเขา พูดอย่างเย็นชาไปตลอดทั้งตัวว่า: “หลี่ฮุ้ยหรู อายุเธอก็ไม่น้อยแล้ว เรื่องอะไรควรทำ เรื่องอะไรไม่ทำ เธอน่าจะรู้บ้างนะ?”
เดาว่าเธอคงคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ ฉันจะระเบิดออกมา จึงมองฉันแล้วผงะไปทั้งตัว
ฉันไม่สนใจเขา พอลิฟต์เปิดก็รีบเดินเข้าไป
เวลานี้หลี่ฮุ้ยหรูดึงสติกลับมาได้แล้ว จึงรีบเดินเข้าไป “พี่ซูยุ่น เมื่อกี้พี่พูดอะไรหรือคะ ฉันฟังไม่เข้าใจ หรือฉันทำอะไรไม่ดีอีกแล้วใช่มั้ยคะ?”
พูดตามตรงถึงเธอจะเล่นเล่ห์เพทุบาย หรือมีชั้นเชิงขั้นสูง ฉันก็รู้สึกว่าไม่มีอะไร แต่คนอย่างหลี่ฮุ้ยหรู อุบายก็มีไม่มาก แล้วยังเพียรจะเล่นให้ได้ ทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดจริงๆ
ฉันไม่คิดจะพูดกับเธอแล้ว จึงถอยหลังไปหนึ่งก้าว
ในที่สุดหลี่ฮุ้ยหรูก็คงจะดูออกถึงความโกรธของฉันบ้างแล้วกระมัง ถึงไม่พูดกับฉันอีก
พอออกมาจากลิฟต์ฉันก็เดินตรงไปทางออฟฟิค จู่ๆ เซี่ยงฉิงก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ฉันไม่ทันสังเกตจึงชนกับเธอเข้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้