ในเมื่อลู่จือสิงพูดออกมาแบบนี้แล้ว ก็หมายความว่าฉันจะไปวันไหนก็ได้
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ฉันจึงมาคิดๆ ดู จากนั้นก็ตัดสินใจไปเดือนมีนาคม
อย่างไรเสียฉันก็เป็นผู้รับผิดชอบหลักของโครงการนี้ จึงควรไปดูภาพรวมของงานด้วยตัวเองน่าจะดีกว่า
“คุณจะทำอะไรคะ?”
ฉันกำลังคิดถึงเรื่องงานอยู่ อยู่ดีๆ ลู่จือสิงก็มากัดฉัน
ฉันเงยขึ้นมาก็เห็นเขากำลังมองฉันด้วยสีหน้าคับแค้นใจ: “คุณยังแบ่งใจไปคิดเรื่องอื่นอีก?”
พูดจบเขาก็เอามือที่ล้วงเข้าไปในชุดของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้หยิกฉันอย่างแรงไปทีหนึ่ง
ฉันตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องออกมา: “คุณ——อุ๊บ!”
พูดยังไม่ทันจบดี ลู่จือสิงก็ก้มลงมาจูบปากฉันแล้ว
น่าจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ฉันแบ่งใจไปคิดเรื่องอื่น คืนนี้ลู่จือสิงจึงเล่นงานฉันซะอ่วม
เช้าวันต่อมาพอฉันตื่นขึ้นมาก็รู้สึกไม่สบาย เดิมทีนึกว่าเป็นเพราะลู่จือสิงลงมือไม่รู้หนักเบา แต่พอเข้าไปอาบน้ำถึงรู้ว่าที่แท้เป็นเพราะประจำเดือนมานี่เอง ฉันก็ลืมไปเลยประจำเดือนของฉันจะมาช่วงนี้
“ทำไมสีหน้าคุณดูแย่แบบนี้ครับ?”
ฉันเดินออกมา ลู่จือสิงก็ถามฉันทันที
ฉันมองเขา พูดอย่างอ่อนแรงไปว่า: “ประจำเดือนมานะค่ะ”
จริงๆ แล้วก่อนคลอดเป้ยเปยออกมา เวลามีประจำเดือนฉันก็มักจะไม่สบายอยู่แล้ว แต่พอหลังคลอดอาการก็ดีขึ้นมาหน่อย ไม่หนักเหมือนก่อนหน้าที่เดือนหนึ่งจะมีประจำเดือนมา
สองครั้ง และจะมีครั้งหนึ่งที่จะปวดหนักมากจนแทบจะตายเสียให้ได้
แต่ช่วงนี้ก็มีบ้างเป็นบางเดือนที่จะไม่สบายเป็นพิเศษ เดาว่าตอนมาเมื่อเดือนที่แล้วฉันไม่ได้ไปสนใจอะไรมาก พอดีกับช่วงนั้นงานยุ่งอีก ครั้งนี้พอประจำเดือนมาจึงทำให้ฉันไม่สบายเป็นอย่างมาก
ลู่จือสิงรุกเข้ามาประคองฉันเอาไว้: “ไม่งั้นวันนี้คุณลางานดีกว่าครับ?”
ฉันเงยหน้าขึ้นมาจ้องตาเขา: “ไม่ได้เลยค่ะ โครงการที่อยู่ในมือของหลี่ฮุ้ยหรูนั่นเป็นฉันดูแลอยู่ ถ้าฉันไม่เข้าไป อาจจะเกิดอะไรขึ้นมาก็ได้!”
อาทิตย์นี้จะต้องส่งแผนโครงการแล้ว แต่ด้วยความบกพร่องทางศักยภาพของหลี่ฮุ้ยหรู จึงทำให้งานที่ควรจะเสร็จตั้งแต่เมื่อวาน ไม่อาจจะผ่านมือฉันไปได้ มิเช่นนั้นผู้อื่นจะตั้งคำถามด้วยความสงสัยในศักยภาพของบริษัทเราได้
วันนี้ฉันจะต้องเข้าไปดูเธอทำงานด้วยตัวเอง และจะต้องทำขึ้นมาใหม่อีกชุดหนึ่ง เผื่อแผนงานที่เธอทำไม่โอเค จะได้เอาของฉันมาใช้แทนได้
“หรือจะลางานครึ่งเช้า แล้วนอนพักซักครู่มั้ยครับ?”
ลู่จือสิงยังคงไม่วางใจ แต่ฉันส่ายศีรษะ ยืนยันที่จะไม่ลางาน: “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยังทนไหว”
พอพูดจบ สีหน้าของลู่จือสิงก็เย็นชาขึ้นมา ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาพยายามส่งยิ้มไปให้: “คุณอย่าโกรธสิคะ ตอนนี้ฉันยังทนไหวอยู่ค่ะ คุณโกรธขึ้นมา ฉันกล่อมคุณไม่ไหวหรอกนะ”
“คุณก็ฝืนทำไปแล้วกัน ซูยุ่น!”
สีหน้าเขายังดูแย่มาก แต่ก็ดีกว่าเมื่อกี้เยอะแล้ว
พูดเสร็จ ลู่จือสิงก็ประคองฉันเดินไป
หลังทานอาหารเช้าเสร็จอาการปวดก็ดีขึ้นมามาก ตอนจะลงจากรถลู่จือสิงก็มาดึงฉันเอาไว้: “ตอนนี้คุณเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ คุณอย่ากังวลไปเลย ถ้าไม่ไหวจริงๆ ฉันจะลางานกลับบ้านค่ะ!”
ฉันพูดถึงขนาดนี้แล้ว แต่เขาก็ยังไม่วางใจ: “คุณต้องจำเอาไว้นะครับ อย่าอวดเก่ง ไม่ไหวก็คือไม่ไหว รู้มั้ยครับ? ไม่อย่างนั้นผมจะไปคุยกับเจ้านายคุณ ถึงตอนนั้นก็อย่ามาโทษผมแล้วกัน!”
มุมปากฉันกระตุก รู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ลู่จือสิงทำออกมาได้จริงๆ จึงรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก: “โอเคค่ะ ฉันรู้แล้ว ฉันไปก่อนนะคะ คุณเองก็รีบไปทำงานเถอะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้