หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 263

“เมื่อกี้คุณจะพูดอะไรหรือ?”

ลู่จือสิงเบนสายตามามองฉัน ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่มีอะไร ฉันไปทำงานก่อนนะ”

ฉันพูดแล้วจึงเปิดประตูลงจากรถ

ทันทีที่เข้าไปในสำนักงานฉันก็เห็นเซี่ยงฉิงกำลังนั่งกินอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะของเธอ ฉันเลิกคิ้วนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยเรียก “เซี่ยงฉิง”

“อรุณสวัสดิ์ซูยุ่น”

เธอเงยหน้ามองฉัน แสร้งทำเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ

ฉันก้าวเข้าไปหาเซี่ยงฉิง วางมือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะแล้วจ้องมองเธอ “เซี่ยงฉิง คุณกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่า”

ทันทีที่ฉันพูดจบเธอก็หลบตาและถึงกับสำลักอาหาร

ฉันรีบไปหยิบน้ำมาให้ “คุณกำลังปิดบังฉันอยู่จริงๆ ด้วย แอบไปทำอะไรมาหรือเปล่า”

ฉันลดเสียงถามเบาๆ เนื่องจากตอนนี้ในออฟฟิศมีคนอยู่เยอะ

เซี่ยงฉิงดื่มน้ำไปสองแก้วก่อนจะเงยหน้ามองฉัน เธอดูกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด “แอบไปทำอะไร...

มีอะไรทีไหนกัน”

“ใครแอบไปทำอะไร?”

ถงเจียหลินเดินเข้ามาพอดี ฉันสบตาเธอนิดหนึ่งแล้วลดเสียงลงบอกว่า “ฉันคิดว่าเซี่ยงฉิงมีอะไรปิดบังพวกเรา

อยู่ละ”

ฉันพูดพลางขยิบตาให้เธอ

ถงเจียหลินเข้าใจทันทีว่าฉันหมายถึงอะไร เธอยิ้มให้ฉันนิดหนึ่งก่อนจะหันไปมองเซี่ยงฉิงด้วยสีหน้าที่เป็นปกติ “ใช่ เซี่ยงฉิง วันนี้คุณดูสดชื่นจังเลยนะ”

“ฉัน... เมื่อคืนฉันเข้านอนเร็วน่ะ!”

เซี่ยงฉิงเป็นคนโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย

ขณะนี้ในสำนักงานคนเริ่มเยอะขึ้น ฉันจึงยังไม่คิดจะซักถามอะไรต่อ

หวางเสี่ยวซินและคนอื่นๆ กลับเข้ามาพอดี เนื่องจากเมื่อวานเรายังประชุมไม่เสร็จ หวางเสี่ยวซินจึงเรียกให้พวกเราเข้าไปประชุมต่อเรื่องที่คุยกันค้างไว้

ฉันเอามือแปะบนไหล่ของถงเจียหลินพลางกระซิบให้ได้ยินกันสองคนว่า “ตอนพักเที่ยงเราค่อยถามอีกที!”

เธอพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

ฉันหันไปมองเซี่ยงฉิงด้วยสายตาที่มีความหมายก่อนจะออกไป พอเห็นเธอหรี่ตามองมา ฉันก็อดขำไม่ได้

หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมฉันจึงรีบเปิดคอมพิวเตอร์ แต่ทันใดนั้นเจิ้งเยว่ก็เรียกหาฉัน

เธอขอให้ฉันยืนยันเวลาก่อนหน้านี้ของเมือง J ฉันคิดแล้วจึงบอกเธอว่าเมื่อ 5 วันก่อน

หลังจากปรึกษาหารือกันแล้ว เธอก็เล่าปัญหาที่ยังคิดไม่ตกอีกอย่างหนึ่งนั่นคือผู้จัดการของพวกเธอขอให้จ้างดาราที่มีชื่อเสียงมาคนหนึ่ง แต่ว่าเราคำนวณงบค่าใช้จ่ายทุกอย่างสำหรับงานนี้ไว้พอดีหมดแล้ว

เพื่อการประชาสัมพันธ์เราจึงมักจะนึกถึงผลลัพธ์ในจุดต่างๆ อยู่แล้ว

ทว่าฉันกับเจิ้งเยว่ต่างก็คิดว่าเราไม่ควรจ้างดารามีชื่อเสียงมากนัก เพราะดาราดังเหล่านี้ค่าตัวแพงเกินไป สำหรับดาราแถวหน้าของวงการ แค่ออกมาโชว์ตัวครึ่งชั่วโมงก็ค่าตัวหลักล้านเข้าไปแล้ว

ครั้งนี้บริษัทของพวกเขามีงบประมาณเยอะและไม่ใช่ว่าจะจ่ายไม่ได้ เพียงแต่พวกเราจัดการงบประมาณสำหรับทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้วในขั้นเตรียมงาน หากพูดว่าไม่กี่หมื่นก็อาจจะพอแบ่งสรรแล้วรวบรวมมาได้ แต่ว่าเงินหลายล้านขนาดนี้ยังไงก็แบ่งไม่ได้ เว้นแต่ว่าจะล้มเลิกโครงการบางอย่างไปเท่านั้น

ทว่าเราเตรียมการทุกอย่างมานานมากแล้วจึงไม่มีทางจะล้มเลิกได้เลย

ฉันทำงานกับเจิ้งเยว่มานานร่วมสามเดือน เธอเป็นคนนิสัยดีและทำสิ่งต่างๆ อย่างเป็นระบบระเบียบ แถมยังเป็นผู้นำที่ดีมาก

ฉันคนหนึ่งละที่ชื่นชมเธอมาก ทุกวันนี้เราแทบจะนับเป็นเพื่อนกันแล้ว

เจิ้งเยว่บอกเรื่องนี้กับฉันในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง และถึงอย่างไรเธอก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงและหยุดมันได้

ฉันไม่อยากจะพูดอะไรแล้วเพราะรู้ตัวว่าเป็นแค่คนคอยให้คำปรึกษาที่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ จะไปออกความคิดเห็นเรื่องใหญ่ๆ อย่างนี้ได้อย่างไร

เจิ้งเยว่อารมณ์ไม่ดี ฉันเองก็อารมณ์ไม่ดีเหมือนกัน

ฉันเห็นว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือน หากบอกให้เปลี่ยนบางส่วนของโครงการก็คงต้องเปลี่ยน ทั้งหมดนี้ทำให้ความพยายามในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาของเราแทบจะไม่มีความหมาย

“คุณคุยเรื่องนี้กับจั๋วหรันหรือยัง”

แม้ว่าการรายงานข้ามขั้นอย่างนี้จะไม่ค่อยดี แต่ฉันคิดว่าผู้จัดการคนนี้ทำตามอำเภอใจเกินไปหน่อย

เจิ้งเยว่ไม่ได้ตอบฉันในทันที คิดว่าน่าจะกำลังยุ่งกับการจัดการเรื่องต่างๆ อยู่

หลังจากคิดๆ ดูแล้วฉันจึงค้นหารายละเอียดการติดต่อของจั๋วหรันในรายชื่อผู้ติดต่อจนเจอ

ฉันเพิ่มหมายเลขนี้มาสักพักหนึ่งแล้วแต่ไม่เคยโทรไปหาเลยสักครั้ง

จั๋วหรันคงกำลังยุ่งอยู่เหมือนกันเพราะฉันโทรไปสองรอบแต่ไม่มีคนรับสาย ในเมื่อทุกคนกำลังยุ่งฉันจึงทำได้แค่รอให้เขาติดต่อกลับมาเอง

โชคดีที่จั๋วหรันโทรกลับมาพอดีตอนสิบเอ็ดโมงกว่าๆ

ตอนนั้นฉันกำลังทำรายละเอียดโครงการของบริษัทจินเฉิง กว่าจะรู้ตัวโทรศัพท์ก็สั่นมาสักพักแล้ว

เมื่อเห็นว่าจั๋วหรันโทรติดต่อมาฉันจึงรีบออกไปรับโทรศัพท์ “สวัสดีค่ะรองประธานจั๋ว”

“สวัสดีคุณซู ไม่ต้องเป็นทางการนักก็ได้”

แม้ว่าฉันจะเคยติดต่อกับจั๋วหรันไม่บ่อยนัก แต่ก็เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนมีเหตุผลมาก

ฉันเลิกทำตัวเป็นทางการกับเขาและพูดอย่างตรงไปตรงมา “รองประธานจั๋ว คือว่าฉันได้ยินมาว่าบริษัทของคุณอยากจะเปลี่ยนรางวัลของโครงการเป็นการเชิญดารามาแทนหรือคะ?”

“หืม?”

เพราะเขาส่งเสียงมาแค่คำเดียวฉันเลยไม่แน่ใจว่าเขารู้เรื่องนี้แล้วหรือเปล่า

หลังจากคิดแล้วฉันจึงตัดสินใจแสดงความคิดเห็นออกไป “ฉันรู้ว่าแบบนี้มันออกจากดูบุ่มบ่ามไปหน่อย แต่ในฐานะที่ฉันเป็นหนึ่งในคนวางแผน ซึ่งจริงๆ ฉันไม่ควรโทรหาคุณเลย แต่ฉันแค่อยากให้แน่ใจว่านี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่บริษัทของคุณคิดไว้จริงๆ ใช่ไหม ถ้าใช่ฉันจะได้ปรับเปลี่ยนให้มีความเหมาะสมที่สุด”

ทันทีที่ฉันพูดจบเขาก็บอกว่า “รอสักครู่นะครับคุณซู”

เขาไม่ได้วางสาย ฉันจึงเข้าใจสถานการณ์ของทางนั้นได้อย่างชัดเจน

“เลขาจ้าว มีการเปลี่ยนแผนเดิมของโครงการหรือ”

“เรื่องนี้อาจจะต้องถามผู้จัดการหลี่ค่ะรองประธานจั๋ว”

“ไม่ต้องถามแล้ว บอกเขาไปว่าให้ใช้แผนเดิม”

ฉันฟังออกว่าจั๋วหรันมีอารมณ์ขุ่นมัวนิดหน่อยขณะที่พูดประโยคเมื่อครู่

มือที่ถือสายรอสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ คิดว่าการที่ฉันโทรไปครั้งนี้อาจเป็นการบุ่มบ่ามเกินไปจริงๆ

“คุณซู ยังอยู่ไหมครับ”

ฉันรีบดึงสติกลับมาเมื่อได้ยินเขาถาม “อยู่ค่ะรองประธานจั๋ว”

“ผมอ่านแผนเดิมของพวกคุณแล้ว แบบเดิมเป็นยังไงก็ให้เป็นไปตามนั้น ทางบริษัทของเราจะพยายามให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่”

ฉันรู้สึกยินดีมากๆ “ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะรองประธานจั๋ว!”

“ด้วยความยินดีครับ”

พอวางสายไปแล้วฉันก็รู้สึกว่ามันเหมือนมีปาฏิหาริย์มาโดยตลอด

เมื่อกลับมาที่โต๊ะ เจิ้งเยว่ที่ยุ่งจนไม่มีเวลาตอบฉันเมื่อครู่นี้ก็ตอบมาแล้ว “ใช่ ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น! น่าอายจริงๆ เป็นเพราะทางเราแท้ๆ ถึงต้องมาแก้แผนงานในเวลาจวนตัวแบบนี้”

เธอส่งข้อความมาแค่นี้แล้วก็หายเงียบไปเลย

พอดูเวลาอีกทีฉันก็พบว่าใกล้จะถึงเวลาพักกลางวันแล้ว

เมื่อคิดว่าหลังจากนี้ยังต้อง “สอบปากคำ” เซี่ยงฉิงอีก ฉันจึงรีบหยิบโทรศัพท์โทรไปนัดหมาย

เรียบร้อย... ฉันจัดการเรื่องต่างๆ ของบริษัทจินเฉิงต่อจนกระทั่งถงเจียหลินเรียกฉัน “ไปกินข้าวกันซูยุ่น!”

เมื่อได้ยินเธอเรียกฉันจึงรีบบันทึกไฟล์ข้อมูลจากนั้นจึงปิดคอมพิวเตอร์ทันที “มาแล้ว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้