ไม่นานฉันก็รีบเดินเข้าไป:“ประธานจั๋ว”
“คุณซู ลำบากคุณแล้ว!”
เดิมทีฉันคิดว่ามากินข้าวกับเจิ้งเย่วและคนในกลุ่มงานของพวกเขา ไม่คิดว่าจั๋วหรันก็จะมาด้วย
ทำให้ฉันตื่นตะลึงเพราะได้รับความชื่นชมอย่างคาดไม่ถึง ฉันแทบจะไม่มีท่าทีโต้ตอบเลย
ถึงแม้ว่าจั๋วหรันจะอยู่ด้วย แต่ก็ทานอาหารมื้อนี้ได้อย่างมีความสุข
พรุ่งนี้กำลังจะเข้าสู่การเตรียมการขั้นสุดท้าย คืนนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ผ่อนคลายในช่วงหลายเดือนนี้
ผลเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู้กับวันที่แปดแล้ว
งานเลี้ยงเลิกไม่ดึก สามทุ่มก็เลิกแล้ว และเจิ้งเย่วก็มาส่งฉัน
พรุ่งนี้ยังต้องทำงาน ทุกคนเลยไม่ได้ดื่มเหล้า ดื่มเครื่องดื่มแทนเหล้า
ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ลู่จือสิงก็โทรมา
“เมียจ๋า”
เขาพูดเสียงต่ำ ฉันฟังแล้วก็ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เลยลองหยั่งเชิงถามดู:“ดื่มเหล้าใช่ไหม?”
“ดื่มสิ เมานิดหน่อย”
เขาสารภาพ และฉันก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ:“หลี่จื้อซื้อยาแก้เมาให้คุณหรือยัง?”
“อืม เพิ่งกินไป”
“ในเมื่อคุณเมา คุณก็รีบทำความสะอาดสักหน่อย แล้วก็ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้คุณไม่ต้องตรวจสอบโรงงานไม่ใช่หรอ?”
ลู่จือสิงออกไปทำงานนอกสถานที่ครั้งนี้ก็ค่อนข้างยุ่งมาก
“อืม ฉันรักคุณ”
“ฉันก็รักคุณ”
หลังจากที่ฉันวางสาย ฉันมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ที่ค่อยๆมืดลง นึกถึงตอนที่ลู่จือสิงออดอ้อน คิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม
ฉันโยนโทรศัพท์ และกลิ้งไปมาบนเตียง หัวเราะสักพัก และปิดไฟเตรียมเข้านอน
พรุ่งนี้ฉันก็จะยุ่งเหมือนกัน!
วันรุ่งขึ้นเวลาเจ็ดโมงเช้าฉันก็ตื่น หลังจากแต่งหน้าเสร็จ ฉันก็ไปทานอาหารเช้าที่ชั้นล่างแล้วฉันก็ไปที่บริษัท
ฉันมาถึงก่อนเวลาที่บริษัทยังมีคนไม่มาก ไม่มีใครที่ฉันรู้จัก
“ซูยุ่น?”
ไม่ง่ายเลยที่จะได้พบคนรู้จัก ฉันรีบเดินเข้าไป:“จุ้นเจี๋ย”
“คุณมาเร็วจัง?”
ฉันยิ้มด้วยความเขินอาย:“โรงแรมอยู่ใกล้ใช้เวลาเดินทางมาเพียงห้านาที”
เขารับผิดชอบการโปรโมตของโครงการในช่วงแรก ฉันถามเรื่องบัตรผ่านประตูคุยกันสักพักคนอื่นๆก็มา
สิ่งแรกคือการประชุม เหลือเวลาอีกไม่ถึงสองวันงานก็จะเริ่มแล้ว สองวันนี้ต้องจัดเตรียมบทความฉบับร่าง และวันที่แปดนั้นก็ต้องติดต่อสื่อมวลชนหลักๆ
การแบ่งงานในแต่ละวันต้องชัดเจน นอกจากนี้ยังต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน สองวันนี้พวกเราต้องคิดให้ดี ไม่อย่างนั้นพอถึงเวลามันจะฉุกละหุก
เห็นได้ชัดว่าเจิ้งเยว่นั้นมีประสบการณ์ หลังจากการประชุม ปัญหาต่างๆก็ได้รับการแก้ไข
หลังจากนั้นเจิ้งเยว่กับฉันก็ไปที่สถานที่จัดงานเพื่อดูการเตรียมงาน สถานที่จัดงานนั้นอยู่ไกลออกไป กว่าจะถึงกว่าต้องใช้เวลา เราสองคนรีบกินข้าวกลางวันแล้วก็ไปดูสถานที่จัดงาน
ฉันไม่ได้เหนื่อยแบบนี้มานานแล้ว ได้นอนลงบนเตียงแล้วก็ไม่อยากขยับ
ลู่จือสิงโทรเข้ามา ฉันก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ฉันไม่ได้โทรหาเขาเลย
“กลับโรงแรมแล้วหรอ?”
“อืม วันนี้ยุ่งมากเลยเพิ่งมาถึง คุณล่ะ?”
“เพิ่งกินข้าวเสร็จ เหนื่อยไหม?”
“เหนื่อย เหนื่อยสุดๆ”
เขาหัวเราะ “งั้นก็รีบกลับมา สามีจะนวดหลังให้”
“เหย้าแหย่ฉันหรอ รอฉันกลับไปก็ไม่เหนื่อยแล้ว”
ฉันเหนื่อยมากจริงๆ คุยกันไปสิบนาที ฉันก็ทนไม่ไหวเกือบจะหลับแล้ว
ลู่จือสิงเรียกฉันในโทรศัพท์ เมื่อฉันได้ยินเสียงของเขาฉันก็รู้ว่าฉันเกือบจะหลับไปแล้ว เขาก็รู้ว่าฉันง่วงก็เลยไม่ปล่อยให้ฉันคุยต่อ บอกให้ฉันรีบไปอาบน้ำแล้วมานอน
อากาศที่เมืองJแห้ง ฉันออกไปว่างข้างนอกมาหนึ่งวัน ใบหน้าก็แห้ง
กลัวว่าพรุ่งนี้จะแต่งหน้าไม่ได้ ก็เลยต้องมาส์กหน้านอน
เมื่อวานสถานที่จัดงานเพิ่งมีการจัดเตรียม ยังไม่ได้จัดการให้ดี วันนี้ฉันจะไปจองสถานที่จัดงานกับเจิ้งเย่ว
วันนี้ฝนตกนิดหน่อยอากาศก็แย่กว่าเมื่อวาน ฉันอยู่ข้างนอกโดนลมทั้งวัน กลับมาถึงโรงแรมก็แข็งทื่อ
แต่สุดท้ายมันก็จะผ่านไป พรุ่งนี้งานก็จะเริ่มแล้ว แค่ผ่านพรุ่งนี้ไปได้มันก็จะดี
ฉันดูขั้นตอนอีกครั้งจนกระทั่งเกือบจะห้าทุ่มแล้วก็เข้านอน
เช้าวันรุ่งขึ้นไม่ถึงตีห้าฉันก็ตื่น และไปเจอกับเจิ้งเยว่ที่ทางเข้าโรงแรมตอนหกโมง
งานเริ่มสิบโมง เจ้าหน้าที่ของเราต้องไปเตรียมการล่วงหน้า
ฉันกับเจิ้งเยว่เป็นคนละเอียดรอบครอบ เมื่อวานมาดูงานไว้แล้ว อันที่จริงแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่อะไร แต่เราสองคนก็ยังมีความกังวล
“ไม่ต้องกังวล งานนี้คนเยอะกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก ได้ยินมาว่ามีไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนคน!”
วันนี้ไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ ยังมีคนมากขนาดนี้ คนต้องเยอะมากอย่างแน่นอน
ไม่ค่อยมีคนมาในตอนเช้า และการแสดงช่วงเย็นถือเป็นไฮไลท์
แต่การเปิดงานจะมีการถ่ายทอดสด เริ่มแสดงตอนสิบโมง มีการเต้นเชียร์ลีดเดอร์เพื่อเปิดงาน
ฉันกำลังไปหลังเวทีเพื่อดูว่าการจัดเตรียมเป็นยังไงบ้าง และซิ้วซิ้วก็มาบอกว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว
ฉันรีบวิ่งไปดูก็เห็นกัปตันทีมเชียร์ลีดเดอร์ :“มีอะไรหรอ?”
เขาดูลำบากใจ พวกเขายังเป็นนักศึกษา วันนี้มาแสดงให้คนนับห้าร้อยคนดู ตอนนี้เกิดปัญหาขึ้นคาดว่าพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไร
ฉันรู้สึกร้อนใจมาก แต่ก็รู้ว่าร้อนใจไปก็ไม่มีประโยชน์ ต้องพยายามสงบจิตสงบใจ:“คุณไม่ต้องกังวล ค่อยๆบอกฉันว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วพวกเรามาคิดหาวิธีแก้ไขสถานการณ์กัน!”
เขามองมาที่ฉัน เม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า:“มีสมาชิกในทีมของเราเกิดอุบัติเหตุทำให้ขาเคล็ด วันนี้มาขึ้นเวทีที่ไม่ไหว!”
แน่นอนว่านี่เป็นปัญหาใหญ่ เนื่องจากจำนวนคนในทีมเชียร์ลีดเดอร์มีความเฉพาะเจาะจง การแสดงตอนท้ายคือการทำโลโก้ของบริษัท
เธอบอกว่าถ้าใครคนหนึ่งหายไป โลโก้ก็จะขาดไปชิ้นหนึ่งไม่ใช่หรอ?
ฉันขมวดคิ้วและมองไปที่เธอ เมื่อเห็นว่าเธอมีความกังวล ฉันก็เลยต้องค่อยๆพูด:“พวกคุณมีตัวสำรองไหม?หรือว่าเชียร์ลีดเดอร์ในมหาวิทยาลัยของพวกคุณ มีสมาชิกในทีมคนอื่นอีกไหม?”
“จะว่ามีก็มี แต่การเต้นนี้จัดขึ้นเป็นพิเศษ พวกเราฝึกซ้อมมากว่าครึ่งเดือน หาคนมาแทนชั่วคราวตอนนี้……”
ฉันเข้าใจความหมายของเธอ เรื่องนี้แก้ไขยากจริงๆ
เมื่อวันก่อนมีการโปรโมททีมเชียร์ลีดเดอร์ออกไปแล้ว ถ้าถอนการแสดงออกตอนนี้มันก็จะกะทันหันเกินไป
“ซูยุ่น ถ้าไม่ได้จริงๆ เราก็ถอนการแสดงนี้ออก!”
“ไม่ได้!”
ฉันปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด
ฉันดูเวลา ยังมีเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆก่อนที่การแสดงจะเริ่ม
ฉันมองไปที่กัปตันทีมเชียร์ลีดเดอร์:“การแสดงของพวกคุณยากไหม?”
“ไม่ยากเท่าไหร่ ถ้ามีพื้นฐานการเต้น มันก็เรียนรู้ได้ง่าย”
ฉันไม่ได้เต้นมาหลายปีแล้ว แต่หลายปีที่ผ่านมาฉันยังฝึกโยคะอยู่เป็นประจำ ความยืดหยุ่นของร่างกายก็พอใช้ได้ ฉันมีพื้นฐานการเต้นมาสิบปี ฉันจำท่าเต้นได้รวดเร็ว ถึงแม้ว่าฉันจะเต้นไม่เก่งก็ตาม แต่ก็เพียงพอแล้วสำหรับการเชียร์ลีดเดอร์
“งั้นคุณสอนฉันหน่อย!”
“คุณซู คุณ——”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้