“คุณหมายความว่าอะไร?”
“พูดคุยผ่านวีดีโอ
“……”
ลู่จือสิงไม่เห็นด้วยที่ฉันจะออกจากโรงพยาบาลวันเสาร์ และยิ่งไม่เห็นด้วยที่ฉันจะกลับเมืองAวันอาทิตย์
สุดท้ายฉันแค่สามารถพูดคุยผ่านวีดีโอกับเป้ยเปย หลายวันแล้วที่ไม่ได้เจอเป้ยเปย ฉันคิดไม่ถึงว่า เป้ยเปยอ้วนขึ้นแล้ว!”
และดูท่าทาง เขาอยู่กับน้าชายกับน้าสะใภ้มีความสุขดี ของเล่นเยอะมาก
จ้องมองลูกชายที่อยู่ในวีดีโอ ฉันจะหัวเราะก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ไม่ใช่ เดิมทีฉันกังวลว่าเขาจะร้องให้โวยวายเพราะคิดถึงฉัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ฉันจะคิดมากไป
น้าสะใภ้เธอให้ฉันรักษาตัวหายดี เป้ยเปยอยู่กับเธอด้านนั้นดีมาก บอกฉันไม่ต้องกังวลมากมาย
ความจริงฉันรีบร้อนอยากกลับเมืองAไปพบเป้ยเปย และก็กลัวว่าเป้ยเปยจะคิดถึงฉัน ผลลัพธ์คือดูเหมือนจะไม่ร้องไห้โวยวาย ฉันก็วางใจแล้ว
ถึงอย่างไรฉันก็ยังไข้ไม่หายดี ถึงเวลานั้นอาจจะติดต่อให้เป้ยเปย เช่นนี้คงได้ไม่คุ้มเสีย
หลังจากวางสายวีดีโอ ฉันก็อดไม่ได้ที่จะแขวะ “เมื่อก่อนเป้ยเปยติดฉันมาก”
ลู่จือสิงมองมาที่ฉัน ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ “เขาโตแล้ว” พูดพลาง เขาหยุดไปชั่วครู่หนึ่ง “ดังนั้นคุณไม่ต้องคิดถึงแต่เขาแล้ว เขาโตแล้ว มีความคิดเป็นของตัวเอง”
ฉันอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปหยิกเขา “เขาเพิ่งจะสองขวบ!”
“เด็กผู้ชายค่อนข้างโตก่อนวัย”
“……”
แน่ใจว่าพวกเราอยู่บนโลกเดียวกัน?
เดิมทีนึกว่าไข้ลดลงก็ดีขึ้น ผลลัพธ์คือเวลาเที่ยงคืนของวันเสาร์ก็ไข้สูงขึ้นมาอีก ไข้สูงถึงสามสิบแปดองศา ถ้าไม่ใช่ทันใดนั้นลู่จือสิงลูบหน้าผากฉันเล็กน้อย ก็คงไม่รู้ว่าในช่วงเวลาฉับพลันนั้นไข้จะขึ้นสูงขึ้น
ช่วงกลางดึกก็ต้องตื่นขึ้นมากินยา ครั้งนี้ฉันไม่กล้าเอ่ยปากเรื่องที่จะกลับเมืองAวันอาทิตย์อีก
เวลาวันอาทิตย์ก็ต้องเจาะน้ำเกลืออีกรอบ ติดตามดูอาการจนถึงตอนเย็นก็ไม่มีปัญหาอะไร วันจันทร์ลู่จือสิงจึงจะไปช่วยเก็บของฉันที่โรงแรมของฉัน วันจันทร์ห้าโมงกว่านั่งเครื่องบินกลับเมืองA
เวลาที่กลับมา เจิ้งเยว่พวกเธอก็มา
ช่วงระยะเวลานี้ร่วมมือกับพวกเธอมีความสุขมาก หลังจากที่กอดลากันเสร็จฉันก็ขึ้นเครื่องบิน
เดิมทีมาที่นี่คิดไว้ว่าจะอยู่สี่วัน คิดไม่ถึงว่าจะป่วย ฉันจึงต้องอยู่ที่นี้หกวันถึงจะกลับ
ในเวลาที่เจิ้งเยว่พวกเธอไป ฉันยังตัดใจไม่ลงมาก หลังจากนี้ไปฉันก็ไม่รู้จะได้มีโอกาสที่จะร่วมมือกันอีกไหม
เพิ่งจะนั่งลง ลู่จือสิงก็ช่วยฉันขอผ้าห่มหนึ่งผืน ฉันไม่ได้พูด เขาก็นำผ้าห่มมาพาดไว้บ่นไหล่ของฉัน
พูดตามตรง บนตัวของฉันถูกเขาใส่เสื้อไหมพรมให้ฉันสองตัว ตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนเครื่อง ไม่รู้สึกว่าหนาวเลยสักนิด จนกระทั่งรู้สึกว่าร้อน
“ฉันร้อน”
เขายกมือขึ้นดึงผ้าห่มลงมา วางไว้บนตัวของเขา
“อีกสักครู่คุณนอนหลับก็จะหนาว ห่มไว้ก่อน”
ฉันดึงมือของเขา ลูบที่หลังลำคอ “ลูบถึงหรือยัง? มีแต่เหงื่อ!”
ลู่จือสิงซื้อเสื้อไหมพรมขนแกะให้ฉันสองตัว วันนี้เวลาที่กลับก็ใส่บนตัวของฉันทั้งหมด ด้านนอกก็ยังจะต้องให้ฉันใส่เสื้อกันหนาวอีก ตอนนี้ฉันร้อนราวกับหม้อน้ำต้ม ไม่ถอดเสื้อออกหนึ่งตัวก็ไม่ป็นไร เขายังจะเอาผ้าห่มมาห่มบนตัวฉันอีก
คาดเดาว่าเขาลูบถึงเหงื่อที่หลังลำคอของฉัน ก็ไม่ได้ใช้อำนาจบีบบังคับให้ฉันห่มผ้าห่มอีก แค่มองฉัน “ถ้าอย่างนั้นรอให้คุณหลับผมจะห่มให้คุณ”
“ตามใจคุณเถอะ”
เวลาที่นอนหลับไปแล้วก็อาจจะหนาวจริงๆ แต่ตอนนี้ฉันร้อนมาก
ที่นั่งของชั้นธุรกิจค่อนข้างกว้างขวาง ฉันกินยาแล้ว เครื่องบินเพิ่งจะบินขึ้นไม่นานก็นอนหลับไป
เวลาที่ตื่นขึ้นมาเครื่องบินก็ลงจอดแล้ว ขยับเล็กน้อย บนตัวของฉันก็มีผ้าห่มจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้