หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 278

วันนี้ลู่จือสิงมีงานเลี้ยง เดิมฉันคิดจะไปหาเป้ยเปยคนเดียว แต่พอดูสภาพตัวเองเป็นแบบนี้แล้ว ก็อดใจไว้จนได้

กินข้าวคนเดียวก็ไม่รู้จะกินอะไรดี สุดท้ายก็กินโจ๊กร้านข้างๆบ้านไปถ้วยหนึ่ง

พอกลับถึงบ้าน บ้านโล่งๆ เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึก ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่สบายหรือว่ากลางวันนี้เซี่ยงฉิงกับถงเจียหลินพวกเธอถามฉันเรื่องเเต่งงานอีกครั้ง ฉันเลยรู้สึกอารมณ์นอยด์ๆ

ฉันนั่งที่ห้องโถงสักพักค่อยไปอาบน้ำ อาบน้ำเสร็จพึ่งจะ แปดโมงกว่านิดๆ เวลานี้ ฉันก็ไม่อยากนอนเช้าขนาดนี้

กินยาเสร็จ หยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาอ่าน

น้อยมากที่ฉันจะว่างอย่างนี้ ก่อนหน้านี้ยุ่งกับงาน พอกลับบ้านก็ต้องเล่นกับเป้ยเปย

ฉันเปิดหนังสืออ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง แต่อ่านไม่รู้เรื่องอะไรเลย หัวสมองมีแต่เรื่องแต่งงาน

ยิ่งคิดก็รู้สึกยิ่งไปกันใหญ่ จนกว่าได้ยินเสียงจากประตูข้างนอก ฉันจึงจะรีบลุกเดินออกไป

ลู่จือสิงกลับมาแล้ว เขาไม่ได้ดื่มเยอะ เพราะสายตาที่มองฉัน เห็นได้ชัดว่ายังมีสติอยู่”ยังไม่นอน?”

ฉันมองนาฬิกาที่ไม่ไกล ตลกเล็กน้อย เดินไปถอดเสื้อกัดหนาวแล้วพูดว่า “ประธานลู่ ตอนนี้พึ่งจะเก้าโมง ฉันนอนเช้าเมื่อไหร่ละ! ”

” เธอเป็นหวัดยังไม่หาย กินยาหรือยัง? ”

เขาพูดพร้อมเอามือมาลูบหัวฉัน

ลู่จือสิงพึ่งกลับมาจากข้างนอก ฝ่ามือเขาเย็น แปะไว้ที่หน้าผากฉัน เขาเอาออกอย่างเร็ว “ไข้ไม่สูงใช่ไหม?”

ฉันส่ายหัว”ไม่มี”

เขาลดมือลง เอามือปาดไหล่ไว้ ใช้หน้าผากตัวเองมาชนกับหน้าผากฉัน สักพักเขาขมวดคิ้ว”วัดอุณหภูมิดูอีกครั้ง”

ขณะที่พูด เขาก็เข้าไปหากล่องพยาบาล

“มานี้”

เขาถือกล่องพยาบาลไปที่โซฟาแล้วโบกมือมาทางฉัน

ฉันยกมือไปแตะหน้าผาก ไม่เห็นจะรู้สึกอะไร แต่เขาเอาที่หวัดไข้ออกมาแล้วฉันเลยต้องเดินไปหา

เขายื่นที่วัดไข้มาให้ฉัน “วัดดู ฉันจะไปอาบน้ำ”

ฉันพยักหน้า รับที่วัดไข้มาหนีบไว้ที่รักแร้

ตัวเขามีกลิ่นเหล้า ถึงแม้ว่าไม่แรง แต่ก็ชัดเจน

ฉันนั่งวัดไข้ที่โซฟา มือถือสั่นขึ้นมา เป็นเซี่ยงฉิง เธอส่งการ์ดเชิญแต่งงานมา

ฉันกดเข้าไปดู เป็นรูปพรีเวดดิ้งของเขาสองคน ถึงแม้ว่าจะรีบไปหน่อย แต่ฉันดูๆแล้วก็โอเคนะ

พอลู่จือสิงออกมาฉันก็รีบว่างโทรศัพท์ทันที เขาเช็ดหัวไปด้วยและเข้าไปเอาน้ำสองแก้วในห้องครัวไปด้วย ยื่นแก้วหนึ่งมาให้ฉัน “ดื่มน้ำเยอะๆ เหมือนเธอจะมีไข้สูงอีกแล้วนะ”

ฉันยกมือไปจับหน้าผาก ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า รู้สึกตัวเองมีไข้ขึ้นเลย

ฉันไม่ได้พูดอะไรอีก ก้มหน้าดื่มน้ำอย่างเงียบๆ

ทันใดฉันนึกถึงงานแต่งของเซี่ยงฉิง ถามเขาอย่างเร่งรีบ “วันที่ยี่สิบสี่ของเดือนนี้ นายว่างไหม?”

เขายักคิ้ว”น่าจะว่าง ทำไม?”

“เซี่ยงฉิงกับฉีซิ่วหรานแต่งงานไง!”

“งั้นฉันให้หลี่จื้อ เคลียร์วันนั้นให้ว่าง”

ฉันพยักหน้า “ว่างได้ยิ่งดี ว่าไปแล้วยังไงนายกับฉีซิ่งหรานก็ถือว่าเป็นเพื่อนกัน”

เขากระหึ่มเบาเบา มานั่งลงข้างๆฉัน”เอาที่วัดไข้ออกมา”

ฉันเอาผ้าห่มออก ยื่นมือไปเอาที่วัดไข้ในรักแร้ออกมา

เขาเงยหน้าขึ้นมองหลายวิ สีหน้าดูไม่ดีเลย ฉันรู้ทันทีว่าเป็นยังไง

และแล้ววินาทีต่อมาเขาก็อ้าปากพูด “สามสิบเจ็ดองศาเซลเซียส ไข้ต่ำ เธอตากฝนตอนกลับมาใช่ไหม ?”

ฉันหวั่นใจเล็กน้อย รีบส่ายหัว”ไม่มี!”

ความจริงคือตากฝนมาสักระยะทาง ตอนนั้นมั่วแต่คิดถึงเรื่องที่เซี่ยงฉิงพูด ถึงแม้ว่าจะกางร่มไว้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร

ฝนเดือนสามตกไม่หนัก แต่ลมแรง สายฝนถูกพัดให้เฉียง ฉันกางร่มตรงตรง ฝนเลยสาดเข้ามาในตัวฉัน

แน่นอน ว่าฉันไม่ได้พูดเรื่องนี้กับเขา ไม่งั้นเดียวจะตามจู้จี้จุกจิกมันไม่ใช่เรื่องดีอะไร

ฉันไม่อยากเป็นเพราะเรื่องแต่งงานเลยทะเลาะกับเขา ดังนั้นเลยกัดฟันไม่ยอมรับว่าตัวเองตากฝน

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อ “ซูยุ่น อายุเธอเท่าไหร่แล้วนะ ? ขนาดเป้ยเปยยังรู้เลยว่าไม่สบายตากฝนไม่ได้ เธอเป็นแม่ของลูกแล้วนะ ยังทำเหมือนเด็กไปได้! ”

พูดอยู่เขาก็อุ้มฉันขึ้นกะทันหัน ฉันตกใจเล็กน้อย”นายทำอะไร ?”

“ยังไม่นอน เธออยากไข้สูงอีกหรือไง?”

คำพูดของเขาทำให้ฉันไม่รู้จะโต้เถียงยังไง ทำได้เพียงให้เขาอุ้มฉันไปที่เตียง มองเขาเอาผ้าห่มห่อตัวฉัน

“อย่าดิ้น!”

เขาห่มผ้าให้ฉันอย่างหนาแน่นไม่มีลมเข้าสักนิด ฉันรู้สึกอยู่ไม่สบายนิดๆ กำลังจะดิ้น ก็ถูกเขาขู่ไว้ ทำได้เพียงตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น

ลู่จือสิงพูดจบก็หันหลังออกไปเลย เดิมฉันคิดว่าเขาจะโกรธ แต่ตอบเขากลับมามือเขากลับเอาผ้าขนหนูสองผืนไว้และยังมีน้ำอีกหนึ่งกะละมัง

วินาทีต่อมา ฉันรู้สึกหน้าผากเย็นๆ ลู่จือสิงเอาผ้าขนหนูมาว่างไว้ที่หน้าผากฉัน

ฉันอ้าปากแต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร

ลู่จือสิงวิ่งไปไปมามา เปลี่ยนผ้าให้ฉันหลายครั้ง ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ฉันรู้สึกง่วงจนไม่ไหวแล้ว จึงรู้สึกว่าเขาขึ้นมากอดฉันไว้ “ฝันดี”

พูดอยู่เขาก็ก้มลงมาจูบฉัน ฉันกระหึ่มตอบ”ฝันดี”

พูดจบ ฉันก็นอนหลับไปเลย

อาจเป็นเพราะเมื่อวานลู่จือสิงใช้วิธีลดไข้ธรรมชาติ ฉันเลยไม่มีไข้ขึ้นอีก พออีกวันรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นไม่น้อย หวัดก็เหมือนดีขึ้นเยอะเลย

นาฬิกาปลูกบนเตียงร้องไม่หยุด ฉันยกมือไปกดทิ้ง ลุกขึ้นไปล้างหน้าแปลงฟัน

ครั้งนี้ตื่นเช้า ฉันไม่ทำอาหารที่ห้องครัว ลู่จือสิงพึ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมา

“กินข้าวเช้าได้แล้ว”

เขายื่นมือมาเอาจานจากมือฉันไปว่างไว้ ฉันเอาช้อนและตะเกียบมา ยื่นชุดหนึ่งให้เขา

เขายื่นมือมาเอาแล้วว่างลง ยกมือมาจับหน้าผากฉัน”ยังรู้สึกไม่สบายอยู่ไหม?”

ฉันส่ายหัว”ดีขึ้นกว่าเมื่อวานเยอะเลย”

“วันนี้ยังฝนตก ตอนเที่ยงฉันจะรับเธอไปกินข้าว”

ฉันกำลังจะเปิดปากบอกว่าไม่ต้อง แต่แค่สายตาเดียวของเขา ฉันก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย

เมื่อวานเขาไม่ได้ถามฉันต่อไปอีก ถ้าตอนนี้ฉันยังพูดอีกละก็ เขาอาจนึกขึ้นได้ ถามฉันว่าทำไมตากฝนกะทันหันแน่ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ก็แย่แล้ว

“ก็ได้”

วันนี้ตื่นเช้า รถจอดอยู่ใต้ตึกบริษัทยังพึ่งจะแค่แปดโมงสี่สิบนาที ยังมีเวลาอีกยี่สิบนาที

ลู่จือสิงยกมือมาจับหน้าผากฉัน “ตอนเช้าอย่างน้อยดื่มน้ำสามแก้ว ไม่งั้นเธอก็จะมีไข้อีก”

ฉันพยักหน้ารัวๆ ก็ไม่กล้าพูดอะไร

“จำไว้ ตอนเที่ยงอย่าวิ่งไปไหน ฉันโทรหาเธอ เธอถึงจะลงมาได้ ”

ฉันรู้สึกตลก”ฉันรู้แล้ว คุณแม่ลู่ ฉันฟังคำที่นายพูดมาหลายรอบแล้ว!”

“ถ้าไม่ใช่เธอมักไม่ฟังที่ฉันพูด ฉันจะพูดหลายรอบขนาดนี้หรอ? ”

ฉันกลัวเขาจะพูดต่อ รีบเอ่ยปาก”ผิดไปแล้วค่ะ คุณสามี!”

เขากระหึ่มไปคำหนึ่ง”ขึ้นไปทำงานเหอะ!”

ฉันยิ้มนิดยิ้มหน่อย หันกลับไปมองเขา “แล้วเจอกันค่ะคุณสามี”

เขานั่งยิ้มมาให้ฉันในรถ พอฉันเห็นเขาแบบนี้ รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทันที

ช่างเหอะ ไม่แคร์แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้