คำพูดของลู่จือสิงทำให้ฉันตกใจรีบผละออกจากอ้อมกอดและเงยหน้ามองเขา “ลู่จือสิง คุณอย่าหุนหันอย่างนี้สิ”
“คุณคิดว่าผมทำอะไรโดยไม่คิดเหรอ”
ฉันส่ายหน้า “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น”
สีหน้าของเขามึนตึงขึ้นทันที “ถ้าอย่างนั้นคุณหมายความว่ายังไง ซูยุ่น”
ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกแย่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ความไม่พอใจของลู่จือสิงตอนนี้ยิ่งทำให้ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ “หมายความว่าไงน่ะหรือ? ลู่จือสิง คุณอยากจะแต่งงานกับฉันจริงๆ หรือเปล่า? ถ้าไม่ใช่เพราะตอนแรกเรามีลูก คุณจะเสนอให้เราแต่งงานกันไหม? คุณอาจลืมที่ตัวเองพูดไว้ก่อนเดินทางไปแล้ว แต่ฉันยังจำได้ชัดเจน ประธานลู่!”
เขามีสิทธิ์อะไรถึงพูดแบบนี้ นึกอยากแต่งก็จะแต่ง ไม่อยากแต่งก็จะไม่แต่ง
ทันทีที่พูดจบ แววตาของลู่จือสิงก็เหมือนพายุที่โหมกระหน่ำ แต่ฉันยังคงเผชิญกับสายตาของเขาอย่างไม่หวั่นเกรง
เขามองฉันอยู่นาน ในที่สุดก็ค่อยคลายความถมึงทึงบนใบหน้าแล้วลุกขึ้นเดินจากไป
“ลู่จือสิง”
ฉันลุกขึ้นและเรียกเขาไว้ เขาหันกลับมามองฉันด้วยแววตาที่ฉันอ่านความรู้สึกไม่ออก
ฉันหลบตา ไม่กล้ามองเขาตรงๆ “ฉันย้ายของออกจากคอนโดหมดแล้ว ยื่นจดหมายลาออกแล้วด้วย เมื่อไม่มีลูกแล้ว เราสองคน... จบกันตรงนี้ดีไหม”
“จบกัน?”
เขาทำเสียงออกจมูกอย่างไม่พอใจแล้วยิ้มเยาะ “ในเมื่อคุณรู้ตัวเองดีแบบนี้ งั้นก็เอาเถอะ”
พูดแล้วเขาจึงหันหลังเดินกลับไปโดยไม่หันกลับมาอีก
สุดท้ายแล้วฉันก็ยกมือขึ้นป้องริมฝีปากอย่างทนไม่ได้ ร้องไห้ออกมาจนตัวโยน
ฉันรักลู่จือสิง แต่ฉันควรจะรู้สึกยังไงกับการตัดสินใจของเขา? ที่เขาบอกว่าจะแต่งงานกับฉันหลังจากที่เขาเพิ่งพารักแรกกลับมาจากต่างประเทศ
อันที่จริงฉันไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้มากนัก เพราะสถานการณ์ของคุณยายทำให้ฉันแทบไม่เหลือเวลาไปคิดเรื่องอื่นเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้