สองวันต่อมา เฉียวซุนก็ขายบ้านไปแล้ว
บ้านมีราคาตลาดอยู่ที่สองร้อยห้าสิบล้านบาท แต่อีกฝ่ายกดราคาจนเหลือร้อยสี่สิบล้านบาท และป้าเสิ่นก็ด่าตวาดอีกฝ่ายว่าโลภออกมาทันที
แต่เฉียวซุนกลับกัดฟันพูดออกมาว่า “ขายค่ะ!”
เพราะพี่ชายที่อยู่ข้างในนั้นก็รอไม่ไหวแล้ว นอกจากค่าทนาย ตระกูลเฉียวยังมีภาระขนาดมหึมาที่ต้องไปอุด ภายใต้แรงกดดันในแต่รูปแบบ เฉียวซุนไม่มีทางเลือกเลย
หลังจากขายบ้านเสร็จสิ้น เธอคิดหาวิธีที่จะเจอกับเฉียวสือเยี่ยน
เฉียวสือเยี่ยนผู้มีโฉมหน้าหล่อเหลาและมีเกียรติ ไม่ว่าจะไปทางไหนก็จะมีลูกสาวเศรษฐีไล่จีบ ในเวลานี้กลับดูซีดเซียว โดยที่เขาและเฉียวซุนคุยกันผ่านกระจกหนึ่งบานที่กั้นเอาไว้
[ไปหาทนายความที่ชื่อเมิ่งเยียนหุย]
[เสี่ยวซุน เขาช่วยพี่ได้และช่วยเธอได้ด้วย]
……
เฉียวซุนอยากจะถามให้ชัดเจน
แต่หมดเวลาเสียแล้ว และเฉียวสือเยี่ยนก็ต้องถูกพาตัวกลับไป
เขามองดูน้องสาว ทิ้งสายตาอาลัยอาวรณ์ไว้มากมาย เฉียวซุนน้องสาวของเขา ตั้งแต่เด็กก็เป็นแก้วตาดวงใจของทุกคนในตระกูลเฉียว ตอนนี้กลับต้องมาวิ่งเต้นเพื่อครอบครัว
เฉียวสือเยี่ยนอ่านหนังสือพิมพ์
สถานการณ์ของเฉียวซุน เขารู้อย่างชัดเจน
ก่อนจากไป เฉียวซุนลุกขึ้นคว้าเหล็กกั้นไว้ ข้อนิ้วออกแรงจนเปลี่ยนเป็นสีขาว “พี่......พี่......”
เฉียวสือเยี่ยนชี้นิ้วชี้ไปที่ริมฝีปาก พูดโดยไม่ออกเสียงมาว่า
[ดูแลตัวเองด้วย]
เฉียวซุนมองตามเขาที่ถูกพาตัวไป อยู่นานมาก เธอก็ค่อย ๆ นั่งลง
เมิ่งเยียนหุย......
ใช่ เธอจะต้องตามหาเมิ่งเยียนหุยให้ได้
......
เฉียวซุนที่เพิ่งเดินออกจากเรือนจำ ก็ได้รับโทรศัพท์จากสถาบันฝึกอบรมที่อยู่ทางนั้น อีกฝ่ายเรียกเธอว่าคุณนายลู่ด้วยน้ำเสียงที่สุภาพอยู่มาก บอกว่าในตอนนี้ทางฝั่งพวกเขาไม่ขาดคนแล้ว
เฉียวซุนฟังจบ ก็วางสายไปอย่างเงียบ ๆ
เธอเดาว่านี่เป็นความคิดของลู่เจ๋อ เขากำลังบีบให้เธอกลับไป
เธอจะไม่คิดเข้าข้างตัวเองว่า ลู่เจ๋อจะรักเธอตามกาลเวลา เขาแค่ต้องการภรรยาที่จะรับใช้เขา ต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ทำให้หุ้นลู่ซื่อมีความมั่นคงก็เท่านั้น
เธอเฉียวซุนที่อยู่ในใจของเขาไม่มีค่าแม้แต่สตางค์แดงเดียว
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดู เป็นหมายเลขที่ไม่รู้จัก
พอรับสาย กลับเป็นลู่เจ๋อที่โทรมา
เสียงของเขาเย็นชาและมีเกียรติ “เฉียวซุน เรามาคุยกันเถอะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม