เฉียวซุนค่อย ๆ บิดถ้วยเก็บความร้อน
หลังจากบิดแน่นแล้ว เธอก็ก้มหน้าแล้วพูดเบาๆว่า “ต้องมีสักทาง! เงินที่ขายแหวนแต่งงานก็พอสำหรับค่ารักษาพยาบาลของพ่ออีกตั้งครึ่งปี ค่าทนายของพี่...... หนูวางแผนว่าจะขายบ้านหลังนี้แล้วจากนั้นหนูก็จะออกไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัวด้วยค่ะ”
พูดจบ แววตาของเฉียวซุนก็ชื้นขึ้น
บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่แม่เธอทิ้งไว้ให้ ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะลำบากยากแค้นแค่ไหนก็ไม่เคยแตะต้องมัน
เสิ่นชิงตะลึง
เธอไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด แต่ภายในใจยังคงไม่เห็นด้วยเสมอ
เฉียวซุนจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็ไปโรงพยาบาล
หลังการรักษาอาการป่วยของเฉียวต้าซวินโดยทั่วไปก็ค่อนข้างคงที่แล้ว แต่อารมณ์ค่อนข้างดำดิ่งอยู่บ้าง คอยแต่คิดถึงอนาคตที่เหลือของลูกชายคนโตอย่างเฉียวสือเยี่ยน
ในเวลานี้เฉียวซุนไม่ได้พูดถึงเรื่องหย่า
ช่วงบ่ายคุณหมอเจ้าของไข้แวะมาตรวจที่วอร์ด
เฮ่อจี้ถัง ปริญญาเอกแพทยศาสตร์ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมสมองตั้งแต่อายุยังน้อย แถมเขายังหน้าตาดี ส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้า และเป็นคนสุขุมใจเย็นอีกด้วย
หลังจากตรวจอาการเสร็จ เขาก็เหลือบมองไปที่เฉียวซุน “ออกไปคุยกันหน่อยนะครับ”
เฉียวซุนอึ้งไปชั่วขณะ
เธอวางของในมือลงทันที แล้วพูดกับพ่อเฉียวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “พ่อคะ หนูจะออกไปแป๊บหนึ่งนะคะ”
ไม่นาน พวกเขาก็เดินถึงทางเดินที่เงียบสงบ
เมื่อเห็นความกังวลใจของเธอ เฮ่อจี้ถังก็ยิ้มปลอบใจเธอ
จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะดูเวชระเบียน “พี่ได้ปรึกษากับหัวหน้าแผนกศัลยกรรมหลายท่าน มีคำแนะนำเป็นเอกฉันท์ว่า จากนี้ให้คุณเฉียวรับการรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพตามที่กำหนด ไม่งั้นจะฟื้นฟูสมรรถภาพกลับมาอยู่ในสภาพเดิมได้ยาก...... แค่ว่าค่าใช้จ่ายแพงอยู่นิดหน่อย ตกอยู่ที่เดือนละเจ็ดแสนห้าหมื่นบาทน่ะ”
เจ็ดแสนห้าหมื่นบาท สำหรับเฉียวซุนในตอนนี้ถือว่าเป็นตัวเลขที่แพงหูฉี่เลยก็ว่าได้
แต่เธอก็ไม่ลังเลที่จะเอ่ยว่า “เราจะรับการรักษาค่ะ”
เฮ่อจี้ถังปิดเวชระเบียนและมองเธอนิ่ง ๆ
อันที่จริงแล้ว พวกเขาเคยรู้จักกันมาก่อน แต่เฉียวซุนลืมไปแล้ว
ในตอนที่เฉียวซุนยังเด็กมาก เขาอาศัยอยู่ข้างบ้านเธอ เขาจำได้ว่าทุกเย็นของฤดูร้อน ระเบียงด้านนอกห้องนอนของเฉียวซุนจะมีดาวดวงเล็ก ๆ สว่างขึ้นและเฉียวซุนก็มักจะนั่งคิดถึงแม่อยู่เสมอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ห้ามหย่าร้าง นายลู่คุกเข่าทุกคืนเกลี้ยกล่อม